เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2080 : ชายหนุ่มในชุดทอง
ตอนที่ 2080 : ชายหนุ่มในชุดทอง
ตอนที่คังหยิงอยู่กับโม่เฉิง เขายังแสดงท่าทีใจเย็นและไร้อารมณ์อออกมาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้นมา มันก็ยากที่จะทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปได้ ผลก็คือเขาดูราวกับคนฉลาดเฉลียวมีความรู้ราวกับว่าเคยเห็นมาทั้งโลกแล้ว
แต่ตอนที่ชั้นเกล็ดที่มือเขาแตกออก คังหยิงก็ยากจะรักษาสีหน้าดังเดิมไว้ได้ หัวใจเขาที่สงบนิ่งราวกับน้ำตอนนี้เหมือนกับมีคนโยนหินก้อนใหญ่ลงไปทำให้น้ำกระเซ็นไปทั่ว
เกราะเกล็ดของเขาคือวัตถุเทพเทียม แม้ว่ามันจะไม่ใช่วัตถุเทพที่แท้จริง แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าของจริงมากนักแต่การโจมตีครั้งกลับทำให้มันเสียหาย
คังหยิงคงไม่แปลกใจหากคนที่ทำการโจมตีนี้เป็นราชาเทพช่วงสูงสุดที่อยู่สิบอันดับแรกของบัลลังก์ราชาเทพ
นั่นเพราะมีข่าวลือกว่าพวกนั้นมองข้ามขั้นในการในบ่มเพาะและรับมือกับนักสู้ขอบเขตตั้งต้นได้หรืออาจจะฆ่าขั้นอสงไขยได้ พวกนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
แต่คนที่สร้างความเสียหายให้กับเกราะของเขานั้นเป็นผู้หญิงที่เพิ่งเป็นราชาเทพได้ไม่นาน มันเป็นไปไม่ได้ที่ คังหยิงจะไม่ตกตะลึงกับเรื่องนี้
แต่ความตกตะลึงนี้ไม่นานก็ตามมาด้วยความยินดีและความต้องการ มันคือตอนที่คังหยิงเห็นว่าไคยะนั้นสำคัญยิ่งกว่าเสี่ยวม่าน
“ข้าต้องจับผู้หญิงคนนี้และทำความเข้าใจความลับเบื้องหลังการใช้กฎของนาง ไม่ว่ายังไงก็ตามข้าก็ต้องเอาทักษะลับนี้มาให้ได้” คังหยิงตัดสินใจและโจมตีออกไปอย่างเต็มกำลังเพื่อที่จะจับตัวไคยะ
แต่แม้ว่าไคยะจะอ่อนแอกว่าคังหยิงในด้านการบ่มเพาะ แต่ความเชี่ยวชาญเรื่องการใช้กฎนั้นทำให้พลังของนางไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคังหยิงมากนัก
ยิ่งกว่านั้นนางก็ยังมีเจี้ยนเฉินคอยช่วย ด้วยการร่วมมือกันของทั้งคู่ คังหยิงก็ไม่อาจจะทำอะไรกับทั้งคู่ได้มากนัก แม้ว่าเขาจะเป็นถึงราชาเทพช่วงสูงสุดในบัลลังก์ราชาเทพก็ตาม
ยิ่งกว่านั้นเหตุผลส่วนใหญ่ที่คังหยิงแสดงพลังอันน่าตกใจออกมาได้ก็เพราะเกล็ดสีครามของเขาที่สยบวัตถุเซียนขั้นสูงสุดได้และเป็นรองแค่วัตถุเทพ เมื่อมันแตกออก มันก็ส่งผลต่อพลังในการต่อสู้ของเขาในระดับหนึ่ง
ด้านหลังพวกเขา ปรมาจารย์ชูได้ฟื้นฟูบาดแผลของตนหลังจากที่กินยาฟื้นฟูระดับเทพเข้าไป เขาพุ่งเข้ามาโดยไม่ลังเลหลังจากที่ได้ยินคำพูดของคังหยิง เขาเข้าสู้กับเจี้ยนเฉินด้วยพัดวายุนิลหายนะในมือเขา
ปรมาจารย์ชูเข้าใจสถานการณ์มานานแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการจัดการกับเจี้ยนเฉินและไคยะ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือเพียงลำพัง มีแค่การร่วมมือกันเท่านั้นที่จะทำได้ตามเป้าหมายของพวกเขา
เจี้ยนเฉินยุ่งอยู่กับปรมาจารย์ชู ส่วนไคยะนั้นเผชิญหน้าการโจมตีจากคังหยิงด้วยตัวนางเอง ทันใดนั้นความกดดันที่นางได้รับก็เพิ่มขึ้นมาหลายเท่า นางพบว่ามันหนักหนาขึ้นมาเรื่อย ๆ
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มันก็ยังคงยากที่คังหยิงจะจับตัวไคยะได้
การต่อสู้ระหว่างทั้งสี่คนได้มาถึงจุดเข้มข้น ไม่มีใครยั้งมือเลยแม้แต่น้อย พวกเขาใช้พลังทั้งหมดที่มีออกมา มันรุนแรงจนโลกรอบตัวดูหมองหม่นลงไป มันทำให้ทั้งชั้นเก้าต้องสั่นไหว
ไม่นานหลังจากที่การต่อสู้นี้เริ่มต้น ปรมาจารย์ชูก็ได้เผยจุดอ่อนออกมาก่อน การใช้วัตถุเทพมานานนั้นกินพลังงานดั้งเดิมของเขาไปอย่างรวดเร็ว รวมกับบาดแผลที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักแล้ว เขาจึงยากที่จะทนได้นาน
ในอีกด้าน เจี้ยนเฉินนั้นบาดเจ็บมากกว่าปรมาจารย์ชูอย่างมาก เขาตัวชุ่มไปด้วยเลือดและโดนโจมตีโดยตรงโดยวัตถุเทพ ตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดบรรพกาลที่กระจายไปทั่ว แต่พลังของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เขาดูเหมือนกับสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ เขาเหมือนกับบางสิ่งที่ไม่อาจจะฆ่าลงได้ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ตาม
ตูม !
สุดท้ายภายใต้การปะทะที่ดุเดือดในครั้งนี้ ปรมาจารย์ชูซึ่งอ่อนแอลงก็ต้องกระเด็นกลับไปเพราะการโจมตีจาก เจี้ยนเฉินเพียงครั้งเดียว วัตถุเทพในมือหม่นลงหลังจากที่ไม่มีพลังงานดั้งเดิมสนับสนุนได้มากพอ
แม้ว่าปรมาจารย์ชูจะกินยาฟื้นฟูเพื่อฟื้นฟูพลังงานดั้งเดิมของตนแล้ว แต่มันก็เทียบไม่ได้กับอัตราการใช้พลังงานที่รวดเร็วของวัตถุเทพเลย
เมื่อสลัดจากปรมาจารย์ชูได้ เจี้ยนเฉินก็พุ่งเข้าหาคังหยิงและเข้าต่อสู้เพื่อแบ่งเบาความกดดันที่มีต่อไคยะ
“คังหยิง ข้าทำทุกอย่างที่ข้าทำได้แล้ว ต่อไปมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” ปรมาจารย์ชูพูดขึ้น เขาดูมีสภาพน่าอดสู การต่อสู้นี้ส่งผลต่อเขาอย่างมาก เขาเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับราชาเทพช่วงต้นทั้ง ๆ ที่เขามีวัตถุเทพ เขารู้สึกละอายกับเรื่องนี้
อันที่จริงมันไม่ใช่เพราะปรมาจารย์ชูอ่อนแอกว่าเจี้ยนเฉิน แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนที่เจี้ยนเฉินมี และไม่ได้มีพลังบรรพกาลที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุน
“เจี้ยนเฉินบาดเจ็บแล้ว เขาทนได้ไม่นาน ทุกคนร่วมมือกันโจมตีเขา ข้าต้องการเด็กผู้หญิงคนนั้น ของอย่างอื่นพวกเจ้าเอาไปได้เลย” คังหยิงตะโกนออกมา เขาต้องการยืมพลังของทุกคนจัดการกับเจี้ยนเฉินและไคยะ เพราะเขาไม่อาจจะจับกุมไคยะได้เลยแม้ว่าจะร่วมมือกับปรมาจารย์ชูก็ตาม
แต่คำพูดของคังหยิงนั้นไร้ค่า แม้ว่าจะมีราชาเทพมารวมตัวกันโดยรอบกว่าสองร้อยคนและทุกคนต่างก็ต้องการของที่เจี้ยนเฉินมี แต่ไม่มีสักคนที่จะยอมเป็นเป้าหมายแรกของเจี้ยนเฉิน หลังจากที่เข้าใจแล้วว่าเจี้ยนเฉินแข็งแกร่งเพียงใด
ตอนนั้นเองมีแสงอันเจิดจ้าพุ่งเข้ามา มันเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและพุ่งตรงเข้าใส่ตำแหน่งของพวกเขา
มันคือกระบี่ที่ยาวกว่า 10 เมตร ส่องประกายแสงออกมา แสงที่ส่องประกายนี้ราวกับดวงอาทิตย์ที่ย้อมค่ำคืนอันมืดมิดให้สว่างราวกับเป็นตอนกลางวัน
ชายหนุ่มในชุดทองยืนอยู่บนดาบนั่น เขาดูอายุประมาณ 20 ปีและมีหน้าตาที่หล่อเหลา ใบหน้าของเขาดูราวกับงานสลักและแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา เจตจำนงกระบี่ที่แข็งแกร่งหมุนวนรอบตัวเขาอยู่
เขาคือผู้เชี่ยวชาญกฎแห่งกระบี่ที่ซึ่งขึ้นไปถึงขั้นราชาเทพช่วงสูงสุดแล้ว เจตจำนงกระบี่รอบตัวเขาไม่มีทางสลายไป ซึ่งทำให้เขาดูมีกระบี่ที่ยากจะมีใครทัดเทียมได้
ชายหนุ่มในชุดทองขี่กระบี่มาหยุดอยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรเพื่อดูการต่อสู้ระหว่างเจี้ยนเฉิน, ไคยะ และคังหยิง เขามองไปยังเหล่าราชาเทพหลายร้อยคนด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะบอกกับสามคนที่อยู่ใกล้ด้วยท่าทีเฉยเมย “ข้าได้ยินว่าผู้หญิงที่ได้รับการปกป้องโดยโลกนี้ปรากฏตัวขึ้นในชั้น 9 พวกเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่ ? ”
เพราะคำพูดนี้ได้ทำให้ราชาเทพหลายคนถึงกับใจสั่น พวกเขาเดาได้ว่าชายหนุ่มชุดทองคนนี้ลงมาจากชั้น 10 จากสิ่งที่เขาพูดออกมา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบกลับ สีหน้าของชายหนุ่มก็หม่นลงเล็กน้อย เขาฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับแผ่พลังของตนรวมไปถึงเจตจำนงกระบี่ที่แข็งแก่รงเข้าใส่เหล่าราชาเทพทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของราชาเทพจำนวนมากก็เปลี่ยนไป ภายใต้พลังของชายหนุ่มผู้นี้ มีราชาเทพที่อ่อนแอหลายคนที่รู้สึกราวกับว่าพวกเขาตกอยู่ในคลื่นกรรโชกแรงที่พวกเขาจะจมลงตอนไหนก็ได้