เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2092: ใต้ลาวา
ตอนที่ 2092: ใต้ลาวา
บนชั้นที่ 8 ของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ร่างกายของเจี้ยนเฉินลอยอยู่ในลาวาที่ร้อนจัดซึ่งสามารถละลายได้แม้วัตถุเซียนหากมันมีคุณภาพต่ำ ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยลาวาในขณะที่เขาจมลงไปที่ก้นลึก
ตอนนี้เจี้ยนเฉินหมดสติไป ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าเขากำลังเผชิญกับอันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ลาวามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน แม้แต่สิ่งที่ทนทานเช่นวัตถุเทพก็สามารถสลายลงได้ นับประสาอะไรกับร่างกายของเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะมาถึงร่างบรรพกาลขั้นที่ 12 ร่างของเขาก็มีพลังเท่ากับวัตถุเซียนคุณภาพสูงสุดเท่านั้น หากการป้องกันของเขาถูกใช้จนถึงขีดจำกัด โดยธรรมชาติเขาไม่สามารถรักษาตัวเองให้ปลอดภัยในลาวาได้
นอกจากนี้เขายังหมดสติอยู่ในปัจจุบัน ร่างของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยพลังบรรพกาล ดังนั้นการป้องกันของร่างบรรพกาลจึงไม่ถูกผลักไปถึงขีดสูงสุด เป็นผลให้ภายในสิบวินาทีของการตกลงไปในลาวา ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำไปแล้ว ผิวของเขาทั้งหมดปริแตก
หลังจากที่เจี้ยนเฉินใช้เวลา 15 วินาทีในลาวา ร่างกายของเขาเริ่มสลายตัวออกไปอย่างช้า ๆ กลายเป็นเถ้าและกลายเป็นส่วนหนึ่งของลาวาร้อนแดง
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปร่างกายของเจี้ยนเฉินก็สลายตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไป ลาวาอาจจะละลายร่างกายทั้งหมดของเจี้ยนเฉินจนไม่เหลือซากภายในครึ่งนาที ในที่สุดวิญญาณของเขาก็จะถูกกำจัดออกไป
ปัจจุบันเจี้ยนเฉินต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวง หากเขายังมีสติอยู่ เขาก็จะมีความหวังในการหลบหนีจากลาวาผ่านความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาล แต่เขากำลังหมดสติ
ในขณะที่เขาเผชิญกับช่วงเวลาที่สำคัญนี้ หอคอยอนัตตาที่ชำรุดก็ปรากฏขึ้นใกล้เจี้ยนเฉินใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไคยะผู้ซึ่งถูกเหวี่ยงเข้าไปข้างในโดยเจี้ยนเฉินก่อนหน้านี้ ก็รีบบินออกจากหอคอยพร้อมกับม่านพลัง นางมุ่งตรงไปที่เจี้ยนเฉิน
ทันทีที่ไคยะออกมาจากหอคอย ม่านพลังรอบตัวนางก็มืดลงอย่างรวดเร็ว มันกินเวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะแสดงสัญญาณของรอยแตก
อย่างไรก็ตาม ไคยะเคลื่อนไหวเร็วมาก เมื่อม่านพลังรอบ ๆ ตัวนางแตก นางก็คว้าร่างการที่ถูกเผาของเจี้ยนเฉินเรียบร้อยแล้วและกลับไปยังหอคอยอนัตตาภายในพริบตา
ในขณะนั้น ถ้าเจี้ยนเฉินยังคงมีสติอยู่ เขาจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนเพราะไคยะสามารถเคลื่อนย้ายเข้าและออกจากหอคอยอนัตตาได้ตามที่ตัวนางต้องการโดยไม่ต้องใช้คำอนุญาตจากเขา ซึ่งเป็นเจ้าของหอคอยในขณะนี้
ไคยะวางเจี้ยนเฉินลงบนพื้นอย่างอ่อนโยนบนชั้นหนึ่ง เมื่อร่างของเจี้ยนเฉินสัมผัสกับพื้นดิน หินแข็งที่เขาสัมผัสได้เริ่มละลายทันทีก่อตัวเป็นลาวาที่ไหม้เกรียม
เจี้ยนเฉินเพิ่งถูกดึงออกมาจากลาวา โดยธรรมชาติเขายังคงไหม้อยู่ ตัวของเขาร้อนมากจนเขาสามารถละลายหินที่นั่นได้
ความกังวลปรากฏขึ้นในสายตาของไคยะเมื่อนางมองดูบาดแผลของเจี้ยนเฉิน หลังจากครุ่นคิดสักครู่ นางก็หยิบเอาสมบัติสวรรค์ระดับเทพออกมาจากแหวนมิติของนางและบดขยี้ส่วนหนึ่งให้เป็นฝุ่นก่อนที่จะโรยบางส่วนลงบนร่างกายของเจี้ยนเฉิน นางป้อนส่วนที่เหลือให้เจี้ยนเฉินบริโภค
แน่นอนว่าไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสมบัติสวรรค์ระดับเทพ บาดแผลของเจี้ยนเฉินรักษาตัวเองในอัตราที่มองเห็นได้ทันที ผิวไหม้เกรียมของเขาค่อย ๆ ฟื้นสีปกติบางส่วน
คราวนี้เจี้ยนเฉินบาดเจ็บสาหัส แม้จะมีสมบัติสวรรค์และการฟื้นฟูร่างบรรพกาล แต่ก็ต้องใช้เวลา 3 วันกว่าเขาจะหายสนิท
แม้ว่าบาดแผลในร่างกายของเขาจะได้รับการรักษาแล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังไม่รู้สึกตัว
จื่อหยุนและเสี่ยวม่านได้มาถึงแล้วข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน พวกเขามองเขาขณะที่พวกเขาแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้ง
“พี่ใหญ่สบายดีหรือไม่ ? ทำไมเขายังไม่ตื่นเลย ? ” เสี่ยวม่านนั่งข้างเจี้ยนเฉินขณะที่นางถามด้วยความหดหู่
“เขาสบายดีแล้ว มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับวิญญาณของเขา เขาคงจะหมดสติไปอีกสองสามวัน” ไคยะมองดูเจี้ยนเฉินแล้วพูดเบา ๆ
“จื่อหยุนจะไม่มีวันลืมความเมตตาที่พี่สองคนช่วยชีวิตข้า หากข้ามีโอกาส ข้าจะตอบแทนพี่อย่างแน่นอน” จื่อหยุนคำนับให้ไคยะอย่างลึกซึ้งขณะที่นางพูดอย่างเคร่งขรึม นางรู้สึกขอบคุณ
คราวนี้ เจี้ยนเฉินยังคงหมดสติไปเป็นเวลานาน หลังจากครึ่งเดือนผ่านไป เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างฉับพลันในวิญญาณของเขา
“อ๊า ! พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้นมา น่าอัศจรรย์ มันอัศจรรย์มาก พี่จื่อหยุน, พี่ไคยะ เจี้ยนเฉินตื่นแล้ว” เจี้ยนเฉินได้ยินเสียงของเสี่ยวม่านเป็นคนแรก มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข
จื่อหยุนและไคยะนั้นไม่จำเป็นต้องให้ใครเตือนเลย พวกนางสัมผัสได้ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา พวกเขาเป็นราชาเทพ พวกเขาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขา ทำให้เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเหล่าสุดยอดราชาเทพหลายคนล้อมรอบเขาไว้ตลอดทางจนกระทั่งจิตมารเข้ามาแทนที่
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากจิตมารเข้าครอบงำเขา
“ตอนนี้เราปลอดภัยแล้วหรือยัง ? ” เจี้ยนเฉินมองดูไคยะและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ทันทีที่เขายืนขึ้น เขาก็เซและรู้สึกวิงเวียนจนเกือบจะล้ม
ไคยะรีบเข้ามาพยุงเจี้ยนเฉินทันทีและถามด้วยความกังวลว่า “เจี้ยนเฉิน เจ้าสบายดีหรือไม่ ? ”
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าเบา ๆ “ ข้าสบายดี วิญญาณของข้าเสียหายเล็กน้อย มันน่าจะเกิดจากจิตมาร”
“ขณะนี้เราอยู่ในหอคอย และหอคอยนั้นจมลงสู่ก้นลาวา เป็นไปไม่ได้ที่คนข้างบนจะลงมาที่นี่ ดังนั้นความปลอดภัยจึงไม่ใช่ปัญหา ไปรักษาก่อนเถอะ” ไคยะพูด
“ผู้มีพระคุณ ข้ามียาที่สามารถรักษาวิญญาณได้ โปรดรับไว้” จื่อหยุนส่งขวดหยกให้เจี้ยนเฉินทันที มีเม็ดยาระดับเทพสำหรับรักษาวิญญาณที่นั่น ขั้นบรรพกาลจากลัทธิเต๋าแห่งเนปจูนได้ทิ้งยานี้ไว้ นางได้รับมรดกของขั้นบรรพกาล ดังนั้นนางจึงได้สมบัติทั้งหมดของเขา
“ไม่จำเป็น ข้ามีสมบัติสวรรค์ที่สามารถรักษาวิญญาณได้ ข้าจะไปทำสมาธิเงียบ ๆ เป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อรักษาให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์ก่อน” เจี้ยนเฉินเข้าสู่การบ่มเพาะที่เงียบสงบทันที เขาใช้น้ำจากไผ่จิตวิญญาณม่วงสองชิ้นสุดท้ายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่วิญญาณของเขา