เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2114: กฏที่สอง (2)
ตอนที่ 2114: กฏที่สอง (2)
เมื่อใดก็ตามที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเปิด มันจะเปิดเพียง 10 ปี นี่มันผ่านไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว เจี้ยนเฉินรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสะสมเหรียญผลึกแห่งไฟต่อไปในอนาคต
เขาหันหน้าและจ้องมองไปยังที่ไกล ๆ เขาสงบลงเล็กน้อยทันที่เขาเห็นกองเหรียญผลึกแห่งไฟ
เขารู้ว่าจะได้เหรียญผลึกห้าสีไม่มากนัก เมื่อใช้เหรียญผลึกแห่งไฟแลกเปลี่ยน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามที่ราบไปสองสามครั้ง
“เจ้าออกมาแล้ว ? ” ไคยะค่อยลืมตาของนางมองไปที่เจี้ยนเฉินที่อยู่ข้าง ๆ และถามว่า “เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่ ? ”
เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยและหัวเราะอย่างแห้ง ๆ แบบแปลก ๆ “กิ้งก่ายังคงอยู่ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจออกไปได้ ข้าต้องอยู่ที่นี่ โอ้ ใช่…ไคยะ ข้าเคยเห็นเจ้าใช้กฏของเจ้าแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความรู้เกี่ยวกับมันอย่างมาก ในเวลาเดียวกันกฏแห่งไฟและกฏแห่งการทำลายล้างนั้นมีพลังพิเศษอย่างมากเมื่อเจ้าใช้ มันเกินกว่าการบ่มเพาะของเจ้าอย่างแน่นอน ข้าถามเจ้าได้หรือไม่ ? ”
เจี้ยนเฉินมักสงสัยเกี่ยวกับการใช้กฏของไคยะ หากความเข้าใจและการใช้กฏกระบี่ของเขามาถึงระดับเดียวกันกับกฏแห่งไฟและการทำลายของไคยะ พลังในการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
แม้ว่าเขาจะใช้เวลาหลายปีภายใต้ลาวาในตอนนี้และเขาก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนมากนัก แต่มันก็ไม่ยากที่จะคาดเดาว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขารู้ตั้งแต่ที่สุดยอดราชาเทพ 8 คนและราชาเทพคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นถึงความสำคัญของเสี่ยวม่านที่ไม่อาจเป็นความลับ ทุกคนน่าจะรู้เกี่ยวกับความลับของเสี่ยวม่านแล้ว
เสี่ยวม่านอยู่กับเขาในตอนนี้ นอกจากว่าเขาจะทิ้งเสี่ยวม่าน เขาจะต้องขัดแย้งกับสุดยอดราชาเทพมากมายในไม่ช้า เมื่อเขาต้องออกไปจากที่นี่ เขาต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อจัดการกับมัน ในขณะที่เขาเพิ่งบรรลุร่างบรรพกาลขั้นที่ 12 เท่านั้น
เป็นผลทำให้เขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่อาจอธิบายได้จริง ๆ ว่าข้าทำได้อย่างไรโดยละเอียด มันเป็นแค่ความรู้สึก”ไคยะพูดตามความคิด จากนั้นนางก็ยกมือขวาขึ้นมาอย่างช้า ๆ และพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ข้าจะใช้พลังของกฎอย่างช้า ๆ ให้เจ้าดู” ไคยะเริ่มควบแน่นพลังของกฏทำลายล้างอย่างช้า ๆ
คราวนี้นางย่อกฎอย่างช้า ๆ และค่อยเป็นค่อยไปอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงพลังของกฏที่มารวมตัวกันภายใต้นิ้วมือของนาง จากสภาพแวดล้อมที่ค่อย ๆ จับตัวกันเป็นลูกบอลของกฏที่เต็มไปด้วยพลังของการทำลายล้างอย่างช้า ๆ
ดวงตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลงเมื่อเขาพบว่ากระบวนการของไคยะนั้นไม่แตกต่างจากราชาเทพคนอื่น ๆ นัก มันไม่มีอะไรพิเศษเลย อย่างไรก็ตามเมื่อกฏแห่งการทำลายล้างรวมกันอยู่ในฝ่ามือของนาง มันก็ชัดเจนว่ามันบริสุทธิ์กว่าราชาเทพคนอื่น ๆ
ความรู้สึกนี้ทำให้ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะของไคยะไม่ใช่ราชาเทพช่วงต้น แต่เป็นราชาเทพช่วงปลาย
นี่เป็นเพราะกฏแห่งการทำลายล้างที่นางเพิ่งจะควบแน่นนั้นย่อมมีพลังเช่นเดียวกับกฏแห่งการทำลายล้างของราชาเทพช่วงปลายคนอื่น ๆ
“กฏที่มาจากพลังของรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีทักษะที่รวบรวมการใช้พลังด้วย”ไคยะพูดเบา ๆ ขณะที่นางพูด กฎแห่งการทำลายล้างก็ย่อมาอยู่ที่ปลายนิ้วของนางและเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างเงียบ ๆ มันไม่ใช่พลังบริสุทธิ์อีกต่อไป มันกลายเป็นจารึก
ทันทีที่จารึกปรากฏ มันก็แผ่พลังงานฉีกกระชากความรู้สึกของเจี้ยนเฉิน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่ทรงพลังจากจารึก ราวกับว่ามันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสุดยอดราชาเทพที่เขาต่อสู้มาก่อน
“ข้าจะทำให้เจ้าดูอีก 2-3 ครั้ง ข้าไม่รู้ว่าข้าจะอธิบายถึงวิธีที่ถูกต้องได้อย่างไร ดังนั้นนี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถทำได้ในตอนนี้” ไคยะกระจายกฏแห่งการทำลายล้างในมือของนางและเริ่มรวบรวมขึ้นมาอีกครั้งภายในขั้นตอนเดียว
ไม่เพียงเจี้ยนเฉินจะเป็นคนที่ไคยะไว้วางใจที่สุด แต่เขายังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนางและเป็นคนที่นางคุ้นเคยที่สุด ทำให้นางไม่ได้เก็บงำอะไรต่อเจี้ยนเฉินเลย นางใช้ทุกอย่างที่นางรู้ นางทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่คำนึงถึงความอ่อนล้าใด ๆ
เจี้ยนเฉินหลับตาลงช้า ๆ และทำจิตใจให้สงบ เขารับรู้ทุกขั้นตอนและทุกรายละเอียดเมื่อไคยะย่อกฏแห่งการทำลายล้าง เขาต้องการที่จะเข้าใจถึงความลับนี้ เพื่อให้เขาเพิ่มความสามารถความเข้าใจส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับกฏของกระบี่
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะรับรู้จิตใจ เขารู้สึกว่าเขาจมอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยกฏแห่งการทำลายล้างที่กำลังห่อหุ้มตัวของเขา
ในทะเลแห่งกฏของการทำลายล้าง เขาไม่รู้สึกถึงการถูกคุกคามหรือไม่สบายใจเลย เขากลับรู้สึกอบอุ่นราวกับเด็กทารกในอ้อมกอดของมารดา
ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเขากำลังหลอมรวมเข้ากับมัน ราวกับว่าร่างกายของเขาต้องการที่จะกลายเป็นหยดน้ำเป็นส่วนหนึ่งของทะเล
ในเวลาเดียวกันพลังกฎแห่งการทำลายล้างก็จางหายไปอย่างเงียบ ๆ ภายในตัวของเจี้ยนเฉินและหมุนวนรอบตัวของเขา
ไคยะผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของเจี้ยนเฉินมองเข้าอย่างตกใจ นางพูดพึมพำ “ขะ-เขา เข้าใจกฏแห่งการทำลายล้างแล้วจริง ๆ ”
…
ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน เจี้ยนเฉินก็ออกจากสภาวะที่มหัศจรรย์
ทันทีที่เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะรู้สึกถึงพลังของกฏแห่งกระบี่อย่างชัดเจนแล้ว เขายังสามารถสัมผัสถึงกฏแห่งการทำลายล้างอีกด้วย
เจี้ยนเฉินตกใจ ไม่นานเขาก็พยายามที่จะรวบรวมพลังของกฎแห่งการทำลายล้าง และอย่างที่คิดเอาไว้กฏแห่งการทำลายล้างก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาคิด
“ขะ-ข้าเข้าใจกฎแห่งการทำลายล้างแล้ว ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินบ่งบอกถึงความไม่อยากจะเชื่อ เดิมทีเขาต้องการทำความเข้าใจถึงความลับจากกฏจากไคยะ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้างได้สำเร็จ
“ไคยะ ข้าใช้เวลาไปนานแค่ไหน ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างประหม่า เขาจมอยู่กับสภาวะที่น่าประหลาดใจโดยลืมถึงตัวตนของเขาและทุกอย่างไปหมด เขากลัวว่าเขาจะใช้เวลาไปนานมาในการทำความเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง
“ครึ่งปี”
“เพียงครึ่งปี ? โล่งอกไปที” เจี้ยนเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและท้ายที่สุดเขาก็หยุดความกังวล
“นายท่าน เส้นทางกระบี่คือสิ่งที่ท่านต้องให้ความสนใจหลัก ๆ ท่านต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อเข้าสู่เส้นทางกระบี่ จากนั้นท่านจะอยู่ในจุดสูงสุดด้วยเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…..” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นภายในหัวของเจี้ยนเฉิน ความเข้าใจของเจี้ยนเฉินเกี่ยวกับกฎแห่งการทำลายล้าง ทำให้ทั้งสองต้องกังวลเพราะพวกเขากลัวว่ามันจะชะลอความคืบหน้าของเจี้ยนเฉินจากเส้นทางกระบี่
จือหยิงและฉิงโซวรู้ว่าเจี้ยนเฉินจะเข้าใจกฏมากมายในอนาคต แต่พวกเขาต้องการให้ตัวเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองภูมิภาคก่อนที่จะเข้าใจกฏต่าง ๆ
นี่เป็นเพราะในตอนนั้นจะไม่มีคนมากมายที่จะสามารถคุกคามเจี้ยนเฉินได้อีกต่อไป เขาจะสามารถเข้าใจกฏมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลใด ๆ ไม่เหมือนตอนนี้ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายตลอดเวลา ความประมาทเพียงเล็กน้อยจะเอาชีวิตของเขาไปได้