เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2115: ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 2115: ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
“จือหยิงและฉิงโซว ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวัง” เจี้ยนเฉินสื่อสารกับจิตวิญญาณกระบี่ แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ที่เขาเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่เสียใจ
นี่เป็นเพราะด้วยกฏทั้งสองกฏ พลังการต่อสู้ของเขาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่เขาเข้าใจกฏเดียว ปัญหาเดียวก็คือเขาเพิ่งจะเริ่มเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง ดังนั้นการใช้และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับกฏแห่งการทำลายล้างยังคงอยู่ในระดับพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถเพิ่มระดับความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับกฏทำลายล้างสำหรับราชาเทพ
จากนั้นพลังการต่อสู้ของเขาจะเข้าสู่ระดับใหม่โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อเขาใช้กฏแห่งกระบี่และกฏแห่งการทำลายล้างพร้อมกับพลังบรรพกาล
“ความเข้าใจในตอนนี้ของข้าเกี่ยวกับกฏแห่งการทำลายล้างกำลังเข้าขั้นราชาเทพช่วงกลาง เจี้ยนเฉินเจ้าเพิ่งเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้าง ดังนั้นระดับของเจ้าจึงอยู่แค่พื้นฐาน ข้าจะจารึกความเข้าใจของข้าเพื่อช่วยเจ้าในการทำความเข้าใจ” ไคยะกล่าว นางหยิบแผ่นศิลาขึ้นมา 1 แผ่นก่อนที่จะหลับตาลงอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นเอง พลังก็แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง ผมที่ยาวสลวยของนางปลิวไสวจากพลังของกฏแห่งการทำลายล้างที่เพิ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ รอบ ๆ ตัวไคยะ
กระบวนการของไคยะในการทำความเข้าใจกฎแห่งการทำลายล้างตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นราชาเทพช่วงต้นของนางก็พุ่งทะลักออกมาจากจิตใจของนาง ท้ายที่สุดมันก็มารวมตัวกันที่นิ้วของนางก่อนที่นางจะจารึกความเข้าใจของความลึกลับจากกฏลงไป
ทันทีที่เริ่มจารึก กฎแห่งการทำลายล้างรอบ ๆ ไคยะก็แปรปรวนทันที มันแปรปรวนอย่างรุนแรงและดูไม่เสถียร
ในเวลานี้ สายตาของไคยะก็จดจ่ออย่างมาก ขณะที่นางตะโกนออกมา นิ้วที่กำลังจารึกของนางก็มีแสงสีดำพุ่งออกไปยังแผ่นศิลา
ไม่เกิดเสียง ‘ตูม’ ใด ๆ และไม่มีการทำลายล้างที่น่ากลัว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นล้วนน่าประหลาดใจต่อไคยะอย่างมาก มันเหลือเพียงร่องรอยที่ชัดเจนและลึกซึ้งที่สุดบนแผ่นศิลา
ร่างกายไคยะอ่อนแรงขณะที่นางเดินโซเซ นางเกือบจะล้มลงและใบหน้าของนางก็ซีดลงเล็กน้อย นางดูอ่อนแรงอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางทำมีผลกระทบต่อนางเป็นอย่างมาก
“ไคยะ เจ้าทำอย่างนี้ทำไม ? ” เจี้ยนเฉินพุ่งเข้าหาไคยะทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขาหยิบยาฟื้นฟูออกมา 2-3 เม็ดและป้อนใส่ปากของไคยะทันที
เป็นเรื่องปกติที่เขารู้ว่าไคยะทำอะไร เขาเคยทำสิ่งเดียวกันนี้กับตระกูลเทียนหยวนมาก่อน ด้วยการจารึกถึงความลึกลับของกฏกระบี่ให้กับซีหยู
สิ่งนี้เรียกว่าการส่งมอบกฏ มันเป็นการจารึกถึงความเข้าใจต่อกฏตามรายบุคคลเพื่อให้ง่ายและชัดเจนที่สุดในการที่อธิบายคนอื่นให้เข้าใจ
แม้ว่านี้จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับคนที่จะทิ้งความลึกลับของกฏตามที่พวกเขาเข้าใจ แต่มันจะทำให้คน ๆ นั้นหมดแรง แถมด้วยความเสี่ยงขนาดใหญ่เข้ามา เช่น วิญญาณของพวกเขาได้รับบาดเจ็บหากเกิดความประมาทเพียงเล็กน้อย
ยิ่งกว่านั้นทุกคนไม่อาจได้รับประโยชน์จากการจารึกเช่นนี้ มันเป็นการบอกต่อกฏของโลกในรูปแบบที่ชัดเจนและตรงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้าใจมันได้ หากมีความสัมพันธ์ตรงกับความเข้าใจของพวกเขา
ทำให้แม้แต่ปรมาจารย์บางคนในโลกเซียนก็จะไม่ทิ้งจารึกอย่างนี้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะไม่ได้คิดถึงว่ามันจะบรรลุได้เพราะเหตุใดหรือไม่ ก็เพียงความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนอายที่จะทำมัน
“ข้าไม่อาจอธิบายเคล็บลับในการใช้กฏให้กับเจ้าและข้าไม่รู้จะบอกเจ้าอย่างไร เจ้าเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ข้าทำได้ตอนนี้คือการจารึกกฏแห่งการทำลายล้างให้กับเจ้า” ไคยะพูดเสียงเอื่อย ตอนนี้นางนั่งลงและเริ่มฟื้นฟู
เจี้ยนเฉิมมองไปที่ไคยะซึ่งหน้ายังคงซีดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะอุทิศความสนใจทั้งหมดของเขาไปที่จารึกของไคยะ เขามุ่งความสนใจเพื่อทำความเข้าใจความลึกลับของกฏแห่งการทำลายล้าง
เจี้ยนเฉินนั้นทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เขามีความสามารถอยู่แล้วและตอนนี้เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากจารึกกฏแห่งการทำลายล้างนี้ พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้เขาก้าวหน้าตลอดเวลา
ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงต้น
ขั้นศักดิ์สิทธิ์ช่วงปลาย
ขั้นเทพช่วงต้น
ขั้นเทพช่วงกลาง
…
ความเข้าใจกฏแห่งการทำลายล้างของเจี้ยนเฉินนั้นเพิ่มสูงมาก เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง
“ความเข้าใจของนายท่านนั้นมากกว่าที่พวกเราคาดคิด…..”
“แน่นอน ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าใจเส้นทางของกระบี่ เมื่อคราวนั้นขณะที่อยู่บนทวีปเทียนหยวน แม้ว่าเขาจะใช้ชาหยั่งรู้ ตั้งแต่นั้นมาระดับการบ่มเพาะของเขาก็ต่ำเกินไป เขาไม่เข้าใกล้มาตรฐานพื้น ๆสำหรับการทำความเข้าใจเส้นทางของกระบี่ ในความคิดของข้า มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับใครบางคน ไม่ว่าจะมีความเข้าใจวิถีกระบี่ด้วยความช่วยเหลือของชาหยั่งรู้ในระดับบ่มเพาะของนายท่านในอดีต แต่นายท่านก็ทำได้…..”
จิตวิญญาณกระบี่ถอนหายใจอย่างลับ ๆ ด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันเป็นเพราะจารึก แต่พวกเขาก็ยังสามารถเห็นถึงพรสวรรค์ของเจี้ยนเฉินทางอ้อม
ในเวลาเดียวกันก็มีราชาเทพกว่า 1,000 คนมารวมตัวกันที่ชั้น 12 ของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนรอบ ๆ รูปปั้นขนาดใหญ่ทั้งสาม ทุกคนนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับหลับตา ขณะที่พวกเขาทำความเข้าใจรูปปั้นนั่นด้วยความคิด
ในมุมที่ไม่โดดเด่นภายในพื้นที่ ราชาเทพครอบครัวหยุนได้รวมตัวกันที่นั่น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับในอดีต จำนวนของพวกเขาก็ลดลงอีกครั้ง เหลือเพียง 5 คนเท่านั้น
“ซินเอ๋อ เจ้าได้รับพร ซึ่งเจ้าได้รับรากจิตวิญญาณวิถีสวรรค์ ไม่นานมานี้หลังจากที่เจ้าเข้ามาในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน มันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าที่จะกลายเป็นขั้นบรรพกาล เจ้าต้องใช้ประโยชน์นี้จากโอกาสนี้ในตอนนี้และทำความเข้าใจรูปปั้นทั้งสามเหล่านี้ให้เพียงพอ มาดูกันว่าเจ้าจะได้รับการยอมรับจากรูปปั้นหรือไม่”
“หนึ่งในมรดกถูกเอาไปจากรูปปั้นทั้ง 4 เจ้าจะต้องได้รับการยอมรับจาก 1 ใน 3 ของรูปปั้นที่เหลืออยู่และไม่เพียงเท่านั้นมันจะช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากจักรวรรดินภา แถมเจ้าอาจจะแก้แค้นให้กับเจี้ยนเฉินได้ด้วย”
หยุนเหลียนชิงนั่งอยู่ข้าง ๆ หยุนซินและพูดกับนางอย่างลับ ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการได้รับมรดกที่นี่เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตามตำนาน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความหวัง
หยุนซินลืมตาของนางและมองไปที่องค์ชายห้า, ปรมาจารย์ชูและคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะพยักหน้าเล็กน้อย
องค์ชายห้าและปรมาจารย์ชูกำลังสื่อสารด้วยทักษะลับเช่นกัน
“ปรมาจารย์ชู ข้าจะอยู่ที่นี่ในตอนนี้และจะออกจากกลุ่มเมื่อพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนปิด มีสุดยอดราชาเทพอยู่สองสามคนในชั้น 12 นี้ แม้ว่าหมิงตงจะมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้”
“เจ้ากังวลเกินไป องค์ชายห้า หมิงตงคงไม่รู้ว่าเราโจมตีเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นข่าวลือที่ละเอียดก็มีเพียงสุดยอดราชาเทพ 8 คนที่ร่วมมือกับเจี้ยนเฉิน ข้าไม่ได้รวมอยู่ในนั้น ดูเหมือนว่าข้าจะถูกคนมากมายไม่สนใจ เพราะข้าไม่ใช่สุดยอดราชาเทพ….” ปรมาจารย์ชูกล่าว
“งั้นถ้าหมิงตงรู้ล่ะ ? เจ้าไม่อาจลืมได้ว่าเราพบกับแกนดาราชีวิตในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน แกนดาราชีวิตแต่ละอันมาจากศูนย์กลางของดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต มันก็มีค่าอย่างยิ่งและมีพลังชีวิตที่ท่วมท้น มันเป็นสมบัติซึ่งมีแต่ผู้ที่โชคดีซึ่งบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งชีวิตจะได้พบพาน” องค์ชายห้ากล่าวอย่างมั่นใจ
“องค์ชาย 5 ท่านกำลังคิด….” ปรมาจารย์ชูตกใจและมองไปยังที่ไกล ๆ
ปรมาจารย์ชูกำลังมองไปยังพื้นที่ที่ว่างเปล่าที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ มันมีเพียงผู้หญิง 2 คนเท่านั้นที่นั่งอยู่ตรงนั้น
มันกว้างมาก มิติที่ว่างเปล่านั้นได้กลายเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับพวกนาง
หญิงสาวนางหนึ่งสวมชุดม่วง มีผ้าปิดบังใบหน้าขณะที่นางวางพิณไว้ที่เข่าของนาง นางไม่พยายามที่จะเข้าใจรูปปั้นหรือพยายามที่จะรับมรดก นางมุ่งความสนใจไปที่พิณของนางแทน
หญิงสาวอีกคนสวมชุดเขียว นางมีเสน่ห์และงดงามอย่างมาก
ปรมาจารย์ชูไม่มองหญิงสาวที่ปิดบังใบหน้า เขากลับมองไปที่หญิงสาวชุดเขียวพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสยดสยองและมีความเจ็บปวดลึกบนใบหน้าของเขา
หญิงสาวชุดเขียวปกปิดตัวตนของนางไว้ ดังนั้นนางจึงดูธรรมดาอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ลึกล้ำเทียบเท่ากับราชาเทพทั้งหมดบนชั้นนี้
นี่เป็นเพราะทันทีที่หญิงสาวคนนี้มาถึงชั้นนี้ นางก็ปะทะกับหญิงสวมเกราะเงินขาว แม้ว่าจะเป็นการปะทะกันเพียงครั้งเดียว แต่พลังทำลายก็ทำให้ราชาเทพทั้งหมดต่างสงสัยว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นแทน
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวชุดเขียวยังเข้าใจกฏแห่งชีวิต !