เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2117: จะกลับไปไหน
ตอนที่ 2117: จะกลับไปไหน
“บางทีมันอาจจะเป็นเจ้า ซุยหยุนหลาน เจ้าต้องการความมั่งคั่งของอัครสูงสุด ? แต่นั่นก็ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งของเจ้าเป็นอย่างไรกัน ? แม้ว่าเจ้าจะขาดทรัพยากร แต่สิ่งที่เจ้าต้องทำคือการแสดงให้เห็นว่าเจ้าต้องการมัน และองค์กรขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนของโลกเซียนจะต่อสู้กันเองเพื่อเสนอความมั่งคั่งให้กับเจ้า ทำไมเจ้าถึงสนใจสมบัติของอัครสูงสุดจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ? ”
เมื่อนางพูดถึงตอนนี้ เอเดรียนน่าก็ส่งยิ้มแปลก ๆ “บางทีเจ้าอาจไม่ได้กลับไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งกับเทพธิดาหิมะที่นับถือของเจ้า ? หากเป็นเช่นนั้น เจ้าต้องการให้ข้าส่งข้อความไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งเพื่อให้พวกเขาส่งคนมารับเจ้าและเทพธิดาหิมะหรือไม่ ? ”
“เอเดรียนน่า เจ้าอย่ากล้าให้มากนัก ! ”
คำตอบของซุยหยุนหลานนั้นรุนแรงมากเมื่อนางได้ยินข้อเสนอของเอเดรียนน่า ทันใดนั้นนางก็หันหน้าออกไปและสายตาของนางก็ส่องแสงสีขาว สายตาของนางแหลมคมราวกับกระบี่ขณะที่จ้องมองไปที่เอเดรียนน่าอย่างมั่นคง นางพูดว่า “เอเดรียนน่า ถ้าเจ้าทำอย่างนี้จริง ๆ มันคงไม่ง่ายที่จะปรับความเข้าใจระหว่างเราทั้งสอง ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะได้รับบาดเจ็บในตอนนี้แต่นางก็ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เทพเจ้าสงครามของเจ้ายังไม่เติบโตเต็มที่ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่นำหายนะมาสู่เผ่าเทพของเจ้า”
“ฮิฮิฮิ เทพธิดาน้ำแข็งของศาลาเทพธิดาน้ำแข็งของเจ้าได้รับการรักษามาหลายล้านปีแล้ว และตอนนี้นางก็ยังคงเงียบสงบ นางไม่ได้ปรากฏตัวหรือมีอะไรมากพอที่จะบอกได้ว่าเทพธิดาหิมะของเจ้ากลับมาแล้ว ใครจะรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในทางกลับกัน แม้ว่าเทพเจ้าสงครามที่ยิ่งใหญ่ของเราจะยังไม่เติบโตเต็มที่แต่มันก็ไม่นานนัก ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเผ่าเทพของเรา เรายังคงสามารถครอบครองและยืนหยัดในฐานะองค์กรชั้นสูงได้โดยไม่ต้องมีเทพเจ้าสงคราม กลับกัน มีใครบ้างที่ยืนรับหน้าให้กับเทพธิดาน้ำแข็งหรือเทพธิดาหิมะของเจ้า ? มีใครบ้างที่มีอำนาจคุกคามเผ่าเทพของเราและจะนำหายนะมาสู่เรา ? ” เอเดรียนน่าเย้ยหยัน
ใบหน้าของซุยหยุนหลานที่ซ่อนอยู่ในหมวกเกราะของนางนั้นหมองหม่นนานแล้ว นางรู้ว่าเอเดรียนน่าพูดถึงศาลาเทพธิดาน้ำแข็งซึ่งไม่มีคนมากนักและไม่เคยรับสาวกอย่างเปิดเผยเหมือนกับสำนักขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ พวกเขาไม่เหมือนกับพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงอีกด้วยซึ่งมีองค์ชายและองค์หญิงทั้งแปด แม้ว่าไม่มีอัครสูงสุดอนัตตา หนึ่งในเจ็ดจอมปราชน์ ไม่ปรากฎตัว พวกเขาก็ยังยืนหยัดอยู่ได้
ความจริงศาลาเทพธิดาน้ำแข็งไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ที่จะแยกความแตกต่างระหว่างเทพธิดาน้ำแข็งและเทพธิดาหิมะออกได้
เทพธิดาน้ำแข็งได้รับบาดเจ็บสาหัสและสภาพในปัจจุบันนี้ของนางก็ยังไม่อาจรู้ได้ นางไม่เคยแม้แต่จะปรากฏตัวในช่วงเวลาสำคัญเช่นการกลับมาของเทพธิดาหิมะ ดังนั้นสถานการณ์คงไม่ดีอย่างที่คิด
สำหรับเทพธิดาหิมะ นางยังไม่ได้ปลุกความทรงจำของนาง ดังนั้นนางจึงจำเรื่องอดีตไม่ได้ การคืนความแข็งแกร่งของนางให้อยู่ในสภาพสูงสุดของนางจะต้องใช้เวลาอีกนานหากไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอของศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง
เอเดรียนน่ารู้สึกพอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นการจ้องมองของซุยหยุนหลาน นางพูดว่า “ซุยหยุนหลาน อย่าทำหน้าแบบนั้น แม้ว่าข้าจะเกลียดเจ้า ข้าก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรคือเรื่องใหญ่และข้าก็ไม่ใช่คนขี้ลืม แม้ว่าข้าจะไม่พอใจเจ้า ข้าจะเอาชนะเจ้าอย่างผ่าเผยจากการฝึกฝนอย่างหนักของข้า ข้าไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เหมือนกับเจ้าและเทพธิดาหิมะ ข้าจะไม่พูดถึงข่าวของเจ้าและเทพธิดาหิมะ”
“เจ้าควรจะเลิกเสแสร้งต่อหน้าข้าในอนาคต เพราะในสายตาของข้า เจ้าไม่มีที่ไหนให้กลับไป ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เจ้าภูมิใจได้อีกแล้ว ข้าจะต่อสู้กับเจ้าไม่ช้าก็เร็วเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวน”
ตาของซุยหยุนหลานก็หรี่แคบลง นางมองไปที่เอเดรียนน่าอย่างซาบซึ้งก่อนที่จะมองออกไป นางก้มหน้าลงเล็กน้อย นางจ้องมองพื้นอย่างเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่เบื่อหน่าย
สิ่งที่เอเดรียนน่าพูดว่านางไม่มีที่ไหนให้กลับไปยังคงดังก้องในหัวของนางราวกับคำสาป มันสั่นคลอนความคิดของนางและเพิ่มความโศกเศร้าให้กับนาง
ซ่างกวนมู่เอ๋อไม่ทราบว่ามีการเกิดมีปากมีเสียงกันระหว่างเอเดรียนน่าและซุยหยุนหลาน นางมองไปที่พิณปีศาจร่ำไห้อีกครั้งและรู้สึกดีใจมาก นางรู้สึกถึงความหวัง
“บรรพชนนั้นพูดถูก ชั้นที่ 12 ของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนสามารถทำให้จิตวิญญาณวัตถุตื่นขึ้นมาได้เร็วมาก เพราะมีพลังลึกลับในพื้นที่นี้ พิณปีศาจร่ำไห้จะดูดซับด้วยตัวของมันเอง เป็นเพราะว่าพลังนี้มันพิเศษอย่างมากทำให้คนอื่นไม่อาจรู้สึกได้ แม้ว่าข้าจะไม่อาจรู้สึกถึงพลังลึกลับได้ หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าข้าได้รับการยอมรับเบื้องต้นจากพิณปีศาจร่ำไห้…..” ซ่างกวนมู่เอ๋อคิด นางไม่ต้องการมรดกทั้งสามที่นี่ นางกลับมุ่งความสนใจของนางไปที่พิณปีศาจร่ำไห้อย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอเวลาจิตวิญญาณวัตถุตื่นขึ้นในเร็ว ๆ นี้
หมิงตงยังคงนั่งอยู่บนอากาศที่ชั้น 8 เขาฟื้นฟูตัวเองจากการใช้ส่องชะตากรรมอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอเจี้ยนเฉิน
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าได้แยกย้ายกันหมดแล้ว พวกเขาล้อมกลายเป็นรูปห้าเหลี่ยมเพื่อปกป้องหมิงตงอย่างภักดีและจริงจัง
ยิ่งไปกว่านั้นสุดยอดราชาเทพจำนวนมากยังรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ทั่วอากาศ พวกเขาให้ความสนใจกับลาวาด้านล่างตลอด
อย่างไรก็ตามจำนวนของพวกเขาลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน หลายคนได้ออกไปเพื่อไปหาโชคลาภของตัวเองในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
กว่าแปดในสิบส่วนของคนที่ยังอยู่เป็นกลุ่มที่เข้ามาภายหลัง
คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการจัดอันดับบนบัลลังก์ราชาเทพหรือไม่ก็ติด 100 อันดับแรก พวกเขาไม่ได้มาเพื่อมรดก แต่มาเพื่อพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
“ลาวานี้เกรี้ยวกราดนานแล้ว เมื่อไหร่จะสงบ...”
“จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ด้านล่างของลาวาหรือมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น…”
“เจ้าอย่าพูดไป ทุกคนสามารถบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในนั้น แต่ที่สำคัญคือใครกล้าที่จะดำลงไป ? ”
…
สุดยอดราชาเทพทั้งหมดลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาล้วนแต่กังวลและไม่สงบ เวลาในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนใกล้จะหมดแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้นำเด็กหญิงตัวน้อยเลย มันทำให้พวกเขาหงุดหงิดมาก
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และพริบตามันก็ผ่านไปครึ่งปีอีกครั้ง ตอนนี้เพียงเวลาที่เจี้ยนเฉินใช้ในการเก็บตัวในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนนานกว่า 4 ปี แม้จะรวมเวลาที่เขาใช้ในการรวบรวมเหรียญผลึกแห่งไฟ เวลาครึ่งหนึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นเมื่อเขาเข้าในกฏแห่งการทำลายล้างที่ชั้น 1 ของหอคอยอนัตตา ทันทีที่เขาลืมตา พลังบริสุทธิ์, พลังแห่งการทำลายล้างก็ดูเหมือนจะซึมซับอยู่รอบ ๆ ตัวและส่องประกายดำ
ในตอนนี้สายตาของเขาช่างน่าหวาดกลัวเป็นพิเศษ มันทำให้คนรู้สึกได้ว่าการจ้องมองเพียงอย่างเดียวก็ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นฝุ่นผงได้
อย่างไรก้ตามการจ้องมองนี้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะกลับสู่ความสงบอีกครั้ง มันกลายเป็นธรรมดาอีกครั้ง
“ด้วยจารึกที่ไคยะทิ้งเอาไว้ ความเข้าใจในกฏแห่งการทำลายล้างเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก ในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ข้าก็ยกระดับความเข้าใจของข้าให้เป็นขั้นเหนือเทพช่วงปลาย อย่างไรก็ตามน่าจะเป็นเพราะข้าทำความเข้าใจเร็วเกินไป พลังงานในจารึกของไคยะจึงหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าอาจจะไม่อาจทะลวงไปยังราชาเทพได้ในเร็ว ๆ นี้” เจี้ยนเฉินมองไปที่จารึกพลางถอนหายใจอย่างแปลกใจ
จารึกที่ส่งต่อกฏแห่งการทำลายล้างจะไม่คงอยู่ตลอดไป ทุกจารึกจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากพลังงาน หากไม่เข้าใจพลังงานของมันก็จะหายไปอย่างช้า ๆ ถ้ามีคนเข้าใจด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจ พลังงานก็จะหายไปในระดับที่น่าตกใจ