เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2119: เห็นแสงตะวันอีกครั้ง
ตอนที่ 2119: เห็นแสงตะวันอีกครั้ง
จื่อหยุนจ้องหน้าเจี้ยนเฉิน พร้อมกับสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงหลายครรั้งอย่างรวดเร็ว นางถามว่า “เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดจะทำอะไรกับเสี่ยวม่าน ? ถ้าเจ้ามีแผนอะไรเจ้าบอกข้าได้ หลังจากที่ข้าดูเสี่ยวม่านเติบโต ข้าไม่หวังว่าจะเห็นสิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง”
“ถ้าข้าเดาถูกต้อง บรรพชนของเสี่ยวม่านน่าจะเป็นผู้นำของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน และด้วยสายเลือดที่พิเศษของนางที่ได้รับการปกป้องของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน” เจี้ยนเฉินกล่าว เขาไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้จากจื่อหยุน
“ห๊ะ ? มะ-มะ-มันจะเป็นไปได้อย่างไร…” จื่อหยุนตกตะลึงและมีความไม่อยากจะเชื่อบนใบหน้า
“แน่นอนว่านี่เป็นการคาดเดาส่วนตัวของข้าเท่านั้น บางทีข้าอาจจะเดาผิดและความจริงในเรื่องนี้ก็ไม่อาจเป็นไปตามที่คิดเอาไว้” เจี้ยนเฉินพูด แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น เขาก็มั่นใจว่าเขาเดาได้ถูกต้อง
เจี้ยนเฉินและจื่อหยุนพูดเสร็จหลังจากนี้ไม่นาน หลังจากที่ขอตัวจากจื่อหยุนแล้ว เขาก็เดินทางไปยังทางเข้าหอคอยอนัตตาด้วยตัวเอง ผ่านประตูที่เสียหาย เขามองไปที่ลาวาด้านนอกขณะที่เขาจมอยู่ในความคิด
ความจริงที่ว่าเสี่ยวม่านเป็นทายาทของผู้นำพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนนั้นน่าประหลาดใจจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไรกับเสี่ยวม่านในอนาคต
เขาควรจะปล่อยเสี่ยวม่านออกไปในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนและไม่ต้องสนใจนางอีกต่อไป ?
หรือเขาควรจะช่วยเหลือเสี่ยวม่านให้สืบทอดการเป็นผู้นำของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนได้สำเร็จ ?
แต่เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้าระหว่างเขากับเสี่ยวม่านและจื่อหยุนนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือมีอะไรลึกซึ้งเลย พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าที่บังเอิญพบกัน เขาช่วยเสี่ยวม่านที่ยานอวกาศเพราะเขาคิดถึงเสี่ยวหลิงและเขาก็เห็นร่างเงาของเสี่ยวหลิงซ้อนทับกับเสี่ยวม่าน
แต่ตอนนี้เสี่ยวม่านโตขึ้นแล้ว นางกลายเป็นหญิงสาวที่งดงาม โดยไม่หลงเหลือความเป็นเด็กที่ดูคล้ายกับเสี่ยวหลิงอีกต่อไป ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่อาจเห็นร่างเงาของเสี่ยวหลิงบนตัวเสี่ยวม่านอีกต่อไปแล้ว
เป็นผลทำให้ความคิดของเจี้ยนเฉินต้องการปล่อยให้ทั้งสองไว้ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนโดยไม่ต้องเป็นห่วงใด ๆ อีก แม้ว่าจะเกิดเรื่องกับชีวิตของพวกนาง เขาก็ไม่รู้สึกผิด เขาจะไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนทอดทิ้งพวกนาง
นี่เป็นเพราะเขาไม่ได้เป็นหนี้เสี่ยวม่านหรือจื่อหยุน ในทางกลับกัน เขาได้ช่วยพวกนางไปถึง 2 ครั้ง ในแง่บุญคุณ เป็นเสี่ยวม่านและจื่อหยุนที่ติดหนี้เขา
อย่างไรก็ตาม หากเจี้ยนเฉินยังคงช่วยเสี่ยวม่านให้สืบทอดเป็นผู้นำพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน เขารู้ว่าเขาต้องเผชิญกับการโจมตีและปัญหามากมายเพียงใด หากนางเป็นสหายของเขาที่มีความผูกพันธ์พิเศษ เขาจะทำทุกอย่างที่ต้องการสำหรับนางแม้ว่าเขาจะต้องฝ่าฟันอันตรายใด ๆ ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม พวกนางเป็นคนแปลกหน้าที่พบเจอกันโดยบังเอิญ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ลึกซึ้งใด ๆ ความจริงแล้วพวกเขาไม่สามารถถือว่าเป็นสหายด้วยซ้ำ มันคุ้มไปที่จะเสี่ยงเพื่อเสี่ยวม่าน ?
เจี้ยนเฉินยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องเสี่ยวม่านอย่างไรดี
“เจี้ยนเฉิน โปรดช่วยพวกเรา”ในเวลานี้จื่อหยุนและเสี่ยวม่านมาถีงด้านหน้าเจี้ยนเฉินแล้วพร้อมกับคุกเข่าด้านหน้าเขา
“เจ้ากำลังทำอะไร ? ” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ พร้อมกับพลิกฝ่ามือส่งพลังที่อ่อนโยนดึงเสี่ยวม่านและจื่อหยุนขึ้นมา
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้ว่ามันยากที่เสี่ยวม่านจะได้รับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนซึ่งเป็นสมบัติของนางด้วยความสามารถของข้า นั่นก็เป็นเพราะสุดยอดราชาเทพที่อยู่ภายนอกได้เข้ามาแทรกแซง แม้ว่าเสี่ยวม่านจะได้รับการปกป้องจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ก็ไม่ใช่ว่านางจะปลอดภัยเสมอไป อาจมีใครบางคนรู้ทักษะลับโบราณที่สามารถทำร้ายนางจากการปกป้องนี้ก็ได้ ข้าเองก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ ดังนั้นข้าจึงขอร้องให้เจ้าช่วยเสี่ยวม่าน” จื่อหยุนวิงวอน
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว จื่อหยุนก็กัดฟันแน่น นางตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง นางพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เจี้ยนเฉิน ถ้าเจ้าช่วยเสี่ยวม่านให้เป็นผู้นำของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ข้าจะเป็นของเจ้าในอนาคต” ด้วยสิ่งนี้ จื่อหยุนเอียงอายเล็กน้อย แต่ดวงตาของนางยังคงจ้องไปที่เจี้ยนเฉินราวกับว่านางต้องการเห็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่
มันสร้างความผิดหวังให้กับจื่อหยุน เพราะเท่าที่นางเห็น เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเงื่อนไขในการเสนอเรือนร่างของนางเลย
ต้องบอกว่าจื่อหยุนนั้นงดงามพอที่จะทำให้ดวงจันทร์อับแสงได้ แม้ว่านางจะไม่อาจเทียบได้กับซ่างกวนมู่เอ๋อ แต่นางก็ยังมีความงามอย่างน่าประหลาดใจ โชคไม่ดีที่เจี้ยนเฉินไม่ใช่คนที่มักมาก ดังนั้นเสน่ห์ของนางจึงไร้ประโยชน์เป็นธรรมดา
“พี่เจี้ยนเฉิน ถ้าท่านช่วยข้าให้เป็นผู้นำของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนสำเร็จ ข้าจะมอบมรดกและสมบัติสวรรค์ทั้งหมดของที่นี่ให้กับท่าน ข้าต้องการเพียงพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนที่เป็นมรดกที่สืบทอดมาจากบรรพชนของข้าเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่อาจอยู่ในมือคนอื่นได้” ในเวลานี้เสี่ยวม่านเงยหน้าของนางและพูดอย่างกล้าหาญ มีความมุ่งมั่นอยู่บนใบหน้าของนาง
มีแสงส่องประกายวาบผ่านดวงตาของเจี้ยนเฉิน มรดกทั้งหมดและสมบัติสวรรค์ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนนั้นมีมากมายมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นสิ่งที่ดึงดูดเขาอย่างมาก
“ตอนนี้เราไม่สนใจสมบัติสวรรค์ แค่มรดกจากขอบเขตตั้งต้นที่นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเทียนหยวนพัฒนาอย่างรวดเร็ว….” มีแสงแว่บผ่านสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาคิดอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ไม่เป็นไร เสี่ยวม่านจดจำคำพูดเอาไว้ หากข้าช่วยเจ้ายึดครองพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน มรดกและสมบัติสวรรค์ทั้งหมดในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนจะเป็นของข้า”
สถานภาพของเสี่ยวม่านนั้นเพียงพอที่จะทำให้เจี้ยนเฉินต้องรับความเสี่ยง
แม้ว่าพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนจะเป็นสิ่งที่เจี้ยนเฉินสนใจมาก่อน แต่เขาก็เข้าใจดีว่ามันเป็นสิ่งล้ำค่าซึ่งจะนำไปสู่ปัญหามากมายจากคนอื่น
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีผู้สืบทอดของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนที่นี่ ใครจะกล้ามาเอาไป ?
เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นด้วยใบหน้าของเสี่ยวม่านก็สดใสขึ้นทันที “เอาล่ะ พี่เจี้ยนเฉิน แต่มรดกที่อยู่ชั้นบนสุดน่าจะเป็นของบรรพชนของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่อาจมอบให้ท่านได้ นอกจากสิ่งนั้น ข้ามอบให้หมดเลย”
“แน่นอน ตกลงตามนั้น” เจี้ยนเฉินตกลงอย่างไม่ลังเล มรดกของอัครสูงสุดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เพราะมันไร้ประโยชน์กับเขา ตราบเท่าที่เขาสามารถได้รับมรดกจากขั้นบรรพกาลและอสงไขย ก็เพียงพอสำหรับตระกูลเทียนหยวน
…
ในมุมที่ห่างไกลและไม่เด้นของชั้น 8 มีหัวโผล่ออกมาจากลาวาที่แผดเผาอย่างเงียบ ๆ
เนื่องจากมันถูกท่วมไปด้วยลาวาและมีเพียงแค่หัวเดียว มันจึงซ่อนในทะเลลาวาได้อย่างดี ดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่นี้และทำให้ยากที่จะค้บพบ
ในเวลานี้ หัวนั้นได้ลืมตา พวกมันเป็นดวงตาแบบไหนกัน ? พอกระพริบตาก็มีแสงแว่บออกมาจากสายตาที่แหลมและอย่างเย็นชา มันเป็นเรื่องยากที่จะให้คนทั่วไปจ้องมองมัน
ประการแรก ดวงตาที่แหลมคมคู่นั้นสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ยืนยันได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ หัวก็ค่อย ๆ โผล่พ้นออกจากลาวา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยสภาพแวดล้อมไม่เคลื่อนไหวใด ๆ มันไม่ได้สร้างคลื่นบนลาวาที่หนา มันเหมือนราวกับภูตผี
พริบตา ชายร่างผอมเพรียวก็โผล่ขึ้นมาอย่างเงียบ ตอนนี้ เขายืนอยู่บนลาวา
เมื่อตรวจสอบดี ๆ แล้ว ชายคนนั้นไม่ได้สวมสิ่งปกป้องใด ๆ เลย เขาพึ่งพาร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาอย่างสมบูรณ์เพื่อทนรับความร้อนที่น่ากลัวจากลาวาที่แม้แต่สุดยอดราชาเทพหรือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นก็ไม่อาจไปโดนมันง่าย แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อเขาเลย
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ หรือไม่งั้นมันคงจะนำความโกลาหลครั้งใหญ่มาสู่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
ไม่แปลกใจเลยที่คนที่โผล่มานั้นคือเจี้ยนเฉิน
เพียงเขาโบกมือ หอคอยขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก็บินออกมาจากลาวา มันตกลงบนกลางฝ่ามือของเขา เขามองเข้าไปในลาวาอย่างลึก ๆ และถอนหายใจอย่างโล่งอกและคิดว่า “โชคดีที่กิ้งก่ายักษ์ไม่ได้ติดตามพวกเรา ดูเหมือนว่ามันจะไม่อาจออกจากก้นลาวาได้ง่าย ๆ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่มีใครพบมันจนถึงตอนนี้”
“หลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้าสงสัยว่าสถานการณ์ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเป็นอย่างไรในตอนนี้ ข้าต้องหาใครสักคนเพื่อถามและเข้าใจสถานการณ์ก่อนที่จะทำสิ่งใด ๆ ” ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เจี้ยนเฉินก็หายไปโดยปราศจากร่องรอยใด ๆ