เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2127: กลับไปที่ภูเขาเนปจูน
ตอนที่ 2127: กลับไปที่ภูเขาเนปจูน
คำพูดเหล่านี้ทำให้ปรมาจารย์ชูตกใจและใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ
จอมปราชน์นั้นยอดเยี่ยมเพียงใด ? ทั่วทั้งโลกเซียนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขาเป็นดั่งตำนาน
ถึงแม้ว่าจักรวรรดินภาของพวกเขาจะมีมรดกและมีสิทธิในการพยายามที่จะทำให้กลายเป็นจักรวรรดินิรันดร์ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นจักรวรรดินิรันดร์ แต่จอมปราชน์ก็ยังคงมีอยู่
การขอความช่วยเหลือจากจอมปราชน์นั้นไม่แตกต่างจากนิทาน
ยิ่งไปกว่านั้นจักรวรรดินภาของพวกเขาสามารถขอให้จอมปราชน์จัดการได้ พวกเขาจำเป็นต้องกลัวเจี้ยนเฉินอีกต่อไปอีกหรือ ? ความจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินอาจคุกคามพวกเขาได้ในอนาคต แม้แต่ชนชั้นสูงก็ไม่กล้าพอที่จะทำลายองค์ชายห้าในขณะที่เขาได้รับมรดก
ในเวลานี้ ผลึกชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วบนร่างปรมาจารย์ชู ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเขาก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
ปรมาจารย์ชูไม่ใช่คนเดียวที่ถูกแช่แข็ง แม้แต่องค์รักษ์ที่เหลืออยู่และคนในครอบครัวหยุนก็ถูกตรึงไว้โดยซุยหยุนหลาน แม้แต่หยุนซินก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตากรรมนี้ได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นราชาเทพและปรมาจารย์ชูจะมีวัตถุเทพ ซุยหยุนหลานก็มีพลังมากเกินไป ปรมาจารย์ชูและคนอื่น ๆ ก็ไม่อาจต้านทานพวกนางได้
“ข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้า เมื่อข้าเจอองค์ชายห้าของเจ้าและได้รับของจากแหวนมิติ ข้าจะปล่อยเจ้าไป” ชุนหยวนหลานพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนที่จะเก็บพวกเขาไว้ในโถงศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นนางก็เห็นเจี้ยนเฉินที่หนีไปอย่างรวดเร็วอย่างมากจากระยะไกล ๆ และมีความรู้สึกหลากหลายปะปนอยู่ในแววตาของนาง
“ตอนแรกข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอกับเจ้าอีกแล้ว และหากข้าเจอเจ้ามันก็ต้องเป็นสนามรบ เพราะท้ายที่สุดเมื่อเจ้าไปที่โลกอมตะและเจ้าสืบทอดนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง เจ้าก็จะกลายเป็นศัตรูกับทุกคนรวมถึงศาลาเทพธิดาน้ำแข็งไม่ช้าก็เร็ว แม้ว่าเจ้าจะเป็นพี่น้องกับฝ่าบาทในโลกที่ต่ำกว่า นั่นก็เพราะก่อนที่ฝ่าบาทจะฟื้นความทรงจำของนาง มันจะเกี่ยวข้องกับชีวิตก่อนหน้านี้ของนาง เมื่อฝ่าบาทฟื้นพลังของนาง ข้าเชื่อว่านางจะไม่เก็บเจ้าไว้ นางจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง”
“แต่เป็นเพราะศาลาเทพธิดาน้ำแข็งแตกต่างจากเมื่อก่อน นอกจากโม่เทียนหยวนแล้ว ไม่มีใครช่วยเราได้และสำหรับข้าที่จะได้พบกับโมเทียนหยุน ข้าต้องผ่านทางเจ้า” ซุยหยุนหลานก็เต็มไปด้วยความขมขื่น หลังจากที่ถอนหายใจเบา ๆ นางพุ่งตามเจี้ยนเฉินไปอย่างช่วยไม่ได้
ด้านหน้า เจี้ยนเฉินก็ตกใจมากเมื่อเขาหนีมาทีชั้น 11 เมื่อเขาเห็นว่าองค์ชายห้ารอดชีวิตและหายตัวไปด้วยยันต์ เขามองไปที่สุดยอดราชาเทพที่เข้ามาใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นว่ามีบางคนใช้วัตถุเทพกับเขาอย่างไม่ลังเล เขาเตรียมที่จะใช้อสนีบาตเพื่อพุ่งเปิดทาง
ทันใดนั้น ก็มีแสงสีฟ้า มันเหนือกว่าราชาเทพขั้นสูงสุดทั้งหมดพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วที่ไม่อาจอธิบายได้
คังหยิงลงมือ เขาส่องประกายแสงสีฟ้าราวกับว่าเขากลายเป็นเผิง เขาใช้ทักษะเผิงสยายปีกเพื่อตามเจี้ยนเฉินและหยุดเขาไม่ให้หลุดไปได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของคังหยิงจะอยู่ในอันดับต่ำสุดในบรรดาสุดยอดราชาเทพ แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายขณะที่เขาใช้ทักษะเผิงสยายปีกและมีเพียงไม่กี่คนเอาชนะเขาได้
“เจี้ยนเฉิน แม้ว่าเจ้าจะมีหมิงตงช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่อาจหลบหนีข้าได้ในวันนี้” มีความมุ่งมั่นในสายตาของคังหยิง เขากลัวความแข็งแกร่งของหมิงตงอย่างมาก แต่ตอนนี้สุดยอดราชาเทพไล่ตามเจี้ยนเฉิน เขาเชื่อว่าแม้ว่าหมิงตงจะปรากฏตัว มันก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ เขาเพียงแค่พัวพันเจี้ยนเฉินเพียงไม่กี่วินาทีและสุดยอดราชาเทพทั้งหมดจะล้อมรอบเขาเอาไว้
เมื่อคังหยิงพุ่งออกไป กระบี่บินทั้งสองที่เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั้งท้องฟ้ารวมถึงพลังแห่งการมีอยู่ของวัตถุเทพเจ้ามุ่งตรงมาที่เจี้ยนเฉิน
“คังหยิง ! ” เจี้ยนเฉินรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของคังหยิงที่ไล่ตามเขามาอย่างกระชั้นชิด มีแสงวาบอย่างเย็นชาผ่านดวงตาของเขาพร้อมกับจิตสังหาร เห็รได้ชัดว่าเป็นคังหยิงเองที่ใช้ปราณกระบี่ทั้งสองพุ่งใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรง อย่างไรก็ตามคังหยิงไม่รู้ว่าเขาได้กลั่นปราณกระบี่ลึกซึ้งเส้นที่สามแล้ว
แต่ในเวลานี้ เจี้ยนเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะใช้ปราณกระบี่ลึกซึ้งเส้นที่สาม คังหยิงรวดเร็วมาก แต่เมื่อเทียบกับอสนีบาต เขาก็ยังช้ากว่ามาก
ทันใดนั้นมีแสงสีเขียวพุ่งเข้ามา เอเดรียนน่าใช้พลังชีวิตที่หนาแน่นของนางเพื่อควบคุมการเจริญเติบโต เถาวัลย์นับไม่ถ้วนได้หลั่งไหลเข้ามาล้อมรอบคังหยิงด้วยความเร็วสูงและวัตถุเทพทั้งสองเพื่อซื้อเวลาให้เจี้ยนเฉิน
การแทรกแซงของเอเดรียนน่าทำให้เจี้ยนเฉินตกใจเล็กน้อย เขามองย้อนกลับไปยังทิศทางของเอเดรียนน่าและในวินาทีต่อมาเขาก็ถูกปกคลุมด้วยแสงที่สว่างไสว มันเป็นพลังของปราณกระบี่ เขาพุ่งไปยังทางเดินด้วยความเร็วสูงเพื่อไปยังชั้นที่ 11
ด้านหลัง บรรดาสุดยอดราชาเทพยังคงตามกันอย่างต่อเนื่อง พวกเขาพุ่งเข้าสู่ชั้นที่ 11 เช่นกัน
เจี้ยนเฉินหายวับไปกับตาหลังจากที่ใช้อสนีบาต ทันทีที่เขามาถึงชั้น 11 และหลบหนีจากสัมผัสวิญญาณของราชาเทพ อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจช่วยอะไรได้ มันยังมีร่องรอยอยู่บ้าง
“ปรากฏร่องรอยเล็กน้อยของปราณกระบี่บนอากาศ เขามาทางนี้ เขากำลังไปชั้นที่ 10 ตามเขาไป เราไม่อาจให้เขาออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนได้…”
สุดยอดราชาเทพตะโกนออกมา พวกเขาติดตามมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับมองไปยังร่องรอยของเจี้ยนเฉินด้านหน้า
ไม่น่าแปลกที่ซุยหยุนหลานและเอเดรียนน่าก็เป็นหนึ่งในพวกเขาเช่นกัน พวกนางอยู่ด้านหน้าสุด
“เอเดรียนน่า เจ้าไล่ตามเจี้ยนเฉินและเก็บเขาไว้ในโถงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า เขาจะปลอดภัยมากว่านี้ ข้าจะถ่วงเวลาให้เจ้า” ซุยหยุนหลานบอกเอเดรียนน่าอย่างฉับพลัน หลังจากนั้นภายใต้การจ้องมองอย่างประหลาดใจและสับสนของเอเดรียนน่า ซุยหยุนหลานก็จู่โจมสุดยอดราชาเทพที่อยู่ใกล้ ๆ นางและทำให้หลายคนบาดเจ็บทันที
“สารเลว เจ้าจะทำอะไร….”
“นี่ท่าน เราไม่มีความขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อน ทำไมถึงต้องลงมือกับเราอย่างฉับพลัน….”
…
ทันใดนั้นสุดยอดราชาเทพที่อยู่รอบ ๆ ซุยหยุนหลานก็ส่งเสียงดังด้วยความโกรธ
“ทำไมเจ้าไม่ไป ? มีสุดยอดราชาเทพมากมายที่นี่ ข้าทนได้ไม่นานนัก” ซุยหยุนหลานบอกกับเอเดรียนน่า เกราะสีขาวเงินบนร่างกายของนางแผ่นความเย็นอย่างจับใจและในเวลาเดียวกันลูกกลมขนาดกำปั้นลอยอยู่เหนือหัวของนาง มันเปล่งประกายพร้อมกับพลังแห่งการมีอยู่ที่เหนือกว่าวัตถุเทพ
ซุยหยุนหลานไม่ได้ใช้วัตถุเทพ เมื่อนางช่วยองค์ชายห้า นางออมมือเอาไว้ แต่ตอนนี้นางได้ใช้วัตถุเทพ ดังนั้นนางพร้อมที่จะปล่อยพลังของนางออกไปอย่างเต็มที่อย่างชัดเจน
นอกจากนี้นางไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดราชาเทพหลายคน แถมส่วนใหญ่ยังอยู่ในร้อยอันดับแรก พวกเขาแข็งแกร่งมาก
…
เจี้ยนเฉินใช้อสนีบาตอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเขาก็ไปถึงชั้น 10 อย่างไรก็ตามด้วยการที่เขาใช้อสนีบาตอย่างไม่หยุดพักเป็นระยะทางไกล ๆ เขาเดินทางถึงหลายสิบล้านกิโลเมตรจากทางเข้า จากนั้นเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์และสัดส่วนของเขา จนกลายเป็นชายชราหน้าแดงที่บินอยู่บนชั้น 9 อย่างมั่นคง
“สุดยอดราชาเทพเหล่านั้นจะตามทันในไม่ช้า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนโฉมแล้ว ตราบที่ข้าไม่ใช้พลังบรรพกาลและปราณกระบี่ พวกเขาก็ไม่อาจจำข้าได้” เจี้ยนเฉินคิดและสร้างเรื่องโกหกเพื่อรับมือกับพวกเขาได้อย่างเหมาะสมเพื่อถูกคนอื่นถาม
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ การเดินทางนั้นราบรื่นอย่างมาก เขาไม่ได้พบกับสุดยอดราชาเทพแม้แต่คนเดียวบนชั้น 10 และมาถึงชั้น 9 อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามเขาได้พบกับราชาเทพและขั้นเหนือเทพไม่กี่คนที่เคลื่อนไหวรอบ ๆ และบังเอิญเจอกัน
เจี้ยนเฉินบินเป็นเส้นตรงและยังคงรักษาภาพลักษณ์บ้าน ๆ บนชั้น 9 ไม่นานเขาก็กลับไปยังภูเขาเนปจูนที่จากมาเมื่อหลายปีก่อน
ทันทีที่เขาเข้ามาในเขตแกนของเทือกเขาเนปจูน เฉินหลงก็มาปรากฏตัวด้านหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ ราวกับเขาโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า เขาไม่ได้มีความกดดันใด ๆ เลยที่ทำให้เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ เขาต้องมองด้วยตาของเขาเท่านั้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ตายง่าย ๆ ” เฉินหลงยิ้ม การกลับมาของเจี้ยนเฉินทำให้เขาโล่งใจ
“เจ้ารู้ว่าเป็นข้าได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินลูบจมูกเมื่อเขาถามเช่นนี้ด้วยความประหลาดใจ เขาปลอมตัวกลายเป็นตาเฒ่าหน้าซีดและปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของเขาเอง แต่เฉินหลงก็ยังจำเขาได้ในการชำเลืองมองเพียงแวบเดียว
“โลกภูเขาเนปจูนนั้นเป็นดังดินแดนของข้า ไม่มีใครซ่อนตัวในดินแดนของข้าได้ ไม่ว่าเจ้าจะปลอมตัวอย่างไรก็ไม่อาจหลบซ่อนมันจากข้าได้” เฉินหลงลูบเคราของเขาขณะที่พูดอย่างภูมิใจ