เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2167 - ราชาเผิงสีฟ้า
ตอนที่ 2167 – ราชาเผิงสีฟ้า
ขณะที่เจี้ยนเฉินมองดูสายตาที่แสดงความเกลียดชังของเสี่ยวม่าน เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงการเผชิญหน้ากับอมตะเที่ยงแท้วัฏสงสารก่อนหน้านี้และวิธีที่เขาผ่านไปในเส้นทางแห่งกรรมอย่างไม่ปิดบัง เจี้ยนเฉินลอบถอนใจอยู่ข้างใน
เขารู้ว่าเสี่ยวม่านคงไม่สามารถไปถึงระดับเดียวกันกับจอมปราชญ์สูงสุดได้ การแก้แค้นต่ออมตะเที่ยงแท้วัฏสงสารเป็นได้แค่ความหวังของนางซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการเห็นเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจของเสี่ยวม่านตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน
“ ข้าสงสัยว่าข้าทำถูกหรือเปล่าในการช่วยเสี่ยวม่านนำพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนกลับคืนมา” เจี้ยนเฉินมองเสี่ยวม่านและจิตวิญญาณวัตถุเงียบ ๆ ในขณะที่เขามีความรู้สึกผสมปนเปอยู่ข้างใน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงสิ่งนี้บนสีหน้าของเขา ในขณะที่เขากลัวว่าจิตวิญญาณวัตถุที่อยู่มานานหลายปีจะเห็นอะไรบางอย่าง
สายตาของจิตวิญญาณวัตถุมองลึกลงไป ดวงตาอันแก่ชราของเขาถูกแผดเผาด้วยความเกลียดชัง ขณะที่เขาพูดเบา ๆ “ การแก้แค้นครั้งนี้จะต้องเสร็จสิ้น แม้ว่านายน้อยอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอมตะเที่ยงแท้วัฏสงสารได้ แต่ก็มีวิธีการแก้แค้นมากมาย”
จิตวิญญาณวัตถุมองไปที่เสี่ยวม่านอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “แล้วค่อยมาคุยเรื่องการแก้แค้นกันในภายหลัง สิ่งสำคัญอันดับแรกในตอนนี้ก็คือนายน้อยจะต้องสามารถควบคุมพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน”
“ตอนนี้ข้าสามารถควบคุมพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนได้แล้วหรือ ? ” เสี่ยวม่านถาม นางรู้สึกกระตือรือร้นและตื่นเต้นที่จะได้ควบคุมพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ก่อนที่นางจะได้เรียนรู้เหตุผลที่แน่นอนสำหรับการเสียชีวิตของพ่อแม่
อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถจะเข้าใจกระจ่างได้ไม่ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร จิตใจของนางหนักอึ้ง
จิตวิญญาณวัตถุกระแอมเบา ๆ และพูดด้วยความลังเลว่า “กะ- เกี่ยวกับเรื่องนั้น เนื่องจากนายน้อยอ่อนแอเกินไปในขณะนี้ ความสามารถควบคุมพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนอย่างเต็มรูปแบบจึงเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ข้าสามารถพานายน้อยไปยังจุดศูนย์กลางและให้นายน้อยหลอมรวมส่วนพื้นฐานของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนได้”
“เมื่อนายน้อยได้หลอมรวมส่วนพื้นฐานจนสมบูรณ์แล้ว ท่านจะสามารถเคลื่อนไหวในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเข้าและออกได้อย่างอิสระ แน่นอนว่าการฝึกฝนอันน้อยนิดของนายน้อยในปัจจุบันนั้นแทบจะไม่เพียงพอที่จะใช้พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนเพื่อต่อสู้กับศัตรูหรือใช้พลังของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน”
“อย่าลืมว่าท่านต้องมีระดับการฝึกฝนขั้นบรรพกาลเป็นอย่างน้อยที่สุดเพื่อควบคุมวัตถุเทพขั้นสูง หรือบางทีอาจต้องเป็นขั้นอัครสูงสุด” จิตวิญญาณวัตถุมองเสี่ยวม่านผู้ซึ่งไม่มีที่ใดใกล้เคียงกับขอบเขตเทพอย่างช่วยไม่ได้
อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกหลานเพียงคนเดียวที่เขารอคอยมานานหลายปีจะอ่อนแอ
ระดับการฝึกฝนของนางยังสามารถอธิบายได้ว่าไม่เหมาะที่จะเห็น
“อย่างไรก็ตาม นายน้อยยังเด็กและฝึกฝนมาไม่นานนัก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการฝึกฝนของนายน้อยจึงต่ำมาก มีทรัพยากรจำนวนมากและบันทึกต่าง ๆ ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ภายใต้คำแนะนำของข้า มันจะไม่ยากสำหรับระดับการฝึกฝนที่จะเพิ่มขึ้นของนายน้อย” จิตวิญญาณวัตถุคิด
ในขณะนี้เสี่ยวม่านสามารถบอกได้ว่านางกำลังจะไปจากที่นี่ นางพูดกับเจี้ยนเฉินด้วยความซาบซึ้ง“ พี่เจี้ยนเฉิน ข้าจะไม่มีวันลืมความเมตตาที่ท่านได้แสดงให้ข้าเห็น ข้าจะจากไปพร้อมกับจิตวิญญาณวัตถุก่อน และเมื่อข้าได้รับความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนแล้ว ข้าจะตามทำข้อตกลงให้เสร็จสิ้น” เสี่ยวม่านหยุดชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อไป “พี่เจี้ยนเฉิน เนื่องจากท่านปลอดภัยในตอนนี้ โปรดนำพี่จื่อหยุนออกมา”
เจี้ยนเฉินเหลือบมองไปที่จิตวิญญาณวัตถุ และหลังจากลังเลเล็กน้อยเขายังคงนำหอคอยอนัตตาออกมาในที่สุดและปล่อยจื่อหยุนออกมา
“หอคอยอนัตตา ! ”
ด้วยความรู้ของจิตวิญญาณวัตถุซึ่งไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับสุดยอดราชาเทพเหล่านั้น เมื่อเขาเห็นหอคอยอนัตตา เขาก็จำได้ทันที ทำให้สีหน้าของเขาดูตกใจขระจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาแปลก ๆ
“เจ้าเด็กสารเลว เจ้าช่างโชคดีเสียจริง แม้แต่หอคอยอนัตตา หนึ่งในสามขุมสมบัติอันยิ่งใหญ่ของอัครสูงสุดอนัตตาก็ยังตกอยู่ในมือของเจ้าแล้ว แม้ข้าจะไม่ทราบว่าเจ้าได้รับหอคอยอนัตตามาจากที่ใด แต่มันเป็นเป้าหมายของความโลภ ดังนั้นการรักษามันจึงไม่ได้เป็นเรื่องดี ข้าขอแนะนำว่าเจ้าควรส่งคืนหอคอยอนัตตาไปที่พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงโดยเร็วที่สุดทันที หากเจ้าสนใจที่จะเก็บรักษาสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ พระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า”
“การส่งคืนโดยในเร็ววันอาจเป็นประโยชน์ต่อเจ้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” จิตวิญญาณประดิษฐ์กล่าวอย่างจริงใจ
ด้วยสิ่งนั้น จิตวิญญาณวัตถุจึงหายไปพร้อมกับเสี่ยวม่านและจื่อหยุน ปล่อยให้เจี้ยนเฉินอยู่คนเดียว
เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่เขามองดูพื้นที่ที่ว่างรอบตัวเขา เขาออกจากที่นั่นตรงไปยังชั้น 9 ของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน
ไม่นาน เจี้ยนเฉินก็ยืนอยู่นอกภูเขาเนปจูน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงที่นั่นอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นก็คือดินแดนที่ว่างเปล่าที่ทอดยาวออกไป
ภูเขาเนปจูนที่แต่เดิมตั้งอยู่นั้นหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เฮยหยา หาดูว่าเฉินหลงอยู่ที่ไหน” เจี้ยนเฉินเรียกเฮยหยาทันที
“นายท่าน ข้าไม่สามารถรับรู้ที่อยู่ของเฉินหลงได้อีกต่อไป วิญญาณของเขาต้องแตกสลายไปหรือเขาออกจากพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนไปแล้ว” เฮยหยากล่าว
เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่ดินแดนที่ว่างเปล่าและเงียบลง
ในเวลาเดียวกัน ในพื้นที่มืดมิดและเงียบเหงานอกพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลและองค์กรหลักทั่วโลกแห่งเซียนได้มารวมตัวกันแล้ว พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทางเข้าของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนและมองไปที่สิ่งก่อสร้างขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตตั้งต้น นอกจากนี้ยังมีขอบเขตบรรพกาลอีกสองสามคน เมื่อมีคนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นั่น ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวของพวกเขาที่แทรกซึมอยู่รอบ ๆ ก็ทำให้มิติบิดเบือน
ยิ่งไปกว่านั้นยังมียานอวกาศอีกนับไม่ถ้วน มีคนบางคนที่บางครั้งขึ้นลงอยู่บนดาดฟ้าของยานอวกาศแต่ละลำ พวกเขาจ้องมองไปที่พระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนโดยยืนเงียบ ๆ ในอวกาศรอบนอกเหมือนสัตว์ร้ายในขอบเขตตั้งต้น
“เกิดอะไรขึ้นในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ? ไม่เพียงแต่มีสุดยอดราชาเทพจำนวนมากจากบัลลังก์ทำเนียบราชาเทพเสียชีวิต แล้วก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็พลันเข้ามาและใช้การฝึกฝนที่น่ากลัวของนางเพื่อฝ่าค่ายกลที่หลากหลายภายในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ซึ่งนางได้ฝืนเข้าไปข้างใน … ”
“สตรีนางนั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงเป็นใครกัน ? ความแข็งแกร่งของนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน ด้วยการฝึกฝนของข้าในฐานะขั้นอสงไขยที่ยอดเยี่ยม จริง ๆ แล้วข้ายังตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้านาง…”
…
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นทุกคนพูดคุยกันเพราะพวกเขารู้สึกลำบากใจมาก
“ค่ายกลภายในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนนั้นทรงพลังมากจนสามารถหยุดขั้นอัครสูงสุดได้ ถึงกระนั้นผู้อาวุโสคนนั้นก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการเข้าไป นางเป็นจอมปราชญ์สูงสุดในตำนานหรือ ? ”
“อะไรนะ ? จอมปราชญ์สูงสุด ? ”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดมารวมตัวกันที่นั่นตกใจเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้
ในสายตาของพวกเขา จอมปราชญ์สูงสุดเป็นตำนานที่มีชีวิต การคงอยู่ของพวกเขาสามารถควบคุมกฎของโลกทำให้พวกเขายอดเยี่ยม
“นางไม่ใช่จอมปราชญ์สูงสุด แต่นางก็ใกล้เคียง หากข้าเดาได้ถูกต้องนางควรจะเป็นองค์หญิงใหญ่ของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง” เสียงอันชราดังขึ้น มันมาจากชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทาที่ถือกระบี่อยู่บนหลังของเขา
ชายชรานั่งอยู่บนอุกกาบาตขนาดใหญ่ขณะที่ดวงตาของเขาปิด ตัวตนของเขาถูกปกปิด ทำให้เขาดูเหมือนคนธรรมดา
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นทั้งหมดที่มารวมตัวกันที่นั่นมองไปที่ชายชรา พวกเขาทุกคนต่างก็แสดงความหวาดกลัว
“บรรพชนกระบี่เดียวดาย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าก็มาเหมือนกัน” ในขณะนี้เสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วอวกาศเหมือนเสียงระฆังอันยอดเยี่ยม คลื่นเสียงที่น่ากลัวฉีกพื้นที่ให้เปิดโล่งทำให้เกิดรอยแตกสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในบริเวณโดยรอบ
เผิงตัวใหญ่ที่กระพริบด้วยแสงสีฟ้าที่พุ่งมาจากส่วนลึกของอวกาศ เขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าแนวคิดเรื่องระยะทางไม่มีปัญหาเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เขาสามารถเดินทางได้หลายล้านกิโลเมตรในเสี้ยววินาที
เมื่อไม่นานมานี้เขาอยู่ในห้วงอวกาศที่ห่างไกล แต่ในวินาทีต่อมาเขามาถึงด้านนอกพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน เขาเร็วมากจนดูเหมือนว่าเขาจะส่งผ่านทางไกลได้
“ราชาเผิงสีฟ้า ! ” ชายชราบนอุกกาบาตลืมตาเมื่อมองไปที่เผิงสีฟ้าขนาดยักษ์ที่มีปีกที่ปกคลุมท้องฟ้า