เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2178 : ซวนหมิง
ตอนที่ 2178 : ซวนหมิง
เพราะแบบนั้นเจี้ยนเฉินถึงได้เข้าใจว่าค่ายกลปกปิดที่เขาบังเอิญเข้ามานี้อาจจะเป็นค่ายกลที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่ทำให้หญิงชราหลีกหนีจากการตามล่าจากแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง แต่นางยังหลีกเลี่ยงการถูกพบโดยพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหรือคนที่มีทักษะลับหรือความสามารถต่าง ๆ
อุกกาบาตที่หอคอยอนัตตาชนเมื่อตะกี้อาจจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของค่ายกลปกปิด เมื่อมันถูกทำลาย ค่ายกลนี้ก็มีจุดเสียหาย รอยแตกที่ปรากฏขึ้นมานี้ทำให้หญิงชราถูกไล่ล่าโดยแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
ราชาเทพธาตุแสงอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไล่ล่าเพราะบางเหตุผล
“ผู้อาวุโส เราได้พบกับค่ายกลนี้โดยบังเอิญ เราไม่คิดจะทำลายค่ายกล มันเป็นเรื่องบังเอิญ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะยกโทษให้เรากับปัญหาที่เราก่อ” เจี้ยนเฉินขอโทษหลังจากที่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงได้เป็นเช่นนี้
“มันคือลิขิตสวรรค์ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า” นางโบกมือและพูดขึ้นด้วยท่าทีไร้พลัง นางมองไปยังท้องฟ้าสีหม่นด้านบนด้วยสายตาที่สะท้อนถึงหลายอย่าง ความเหนื่อยล้าก็คือหนึ่งในนั้น
“ข้าถูกพบแม้ว่าจะซ่อนอยู่ที่นี่ โชคชะตาไม่อาจจะปฏิเสธได้ โชคชะตาไม่อาจจะปฏิเสธได้ เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตายและสวรรค์ต้องการให้ข้าชดใช้กับสิ่งที่อาจารย์ข้าทำ งั้นข้าก็จะยกชีวิตบัดซบนี่ให้ ข้าเหนื่อยเต็มทีกับการที่ต้องเอาแต่ซ่อนตัว…” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าราวกับความตายโอบกอดตัวนางอยู่
“มีเหตุผลอะไรที่ต้องดีใจกับการมีชีวิตอยู่ ? มีเหตุผลอะไรที่ต้องมากลัวตาย ? ฮ่าฮ่า…” จู่ ๆ นางก็หัวเราะออกมา ตอนนั้นนางไม่ได้สนใจชีวิตของนางอีกต่อไป
“ผู้อาวุโสอย่าคิดในแง่ร้ายไป ท่านบอกไม่ใช่หรือว่าบรรดาองค์หญิงและองค์ชายของพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงยังไม่ได้ข้อยุติในการตามล่าท่าน ? หากเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่ามันอาจเป็นไปได้ที่จะแก้ไขเรื่องนี้” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“แก้ไข ? เจ้าจะแก้ไขยังไง ? หากเจ้าแก้ไขได้ ทำไมข้าถึงได้โดนไล่ล่ามาตลอดหลายปีและยังบาดเจ็บสาหัสมาหลายครั้ง ซึ่งห่างจากความตายเพียงก้าวเดียว ? แม้แต่ขอบเขตการบ่มเพาะของข้าก็ลดลงจากขั้นบรรพกาลมาเป็นเพียงขั้นอสงไขย เพราะอาการบาดเจ็บของข้าที่สาหัสเกินไป” หญิงชราตอบกลับ หลังจากนั้นนางก็เหมือนจะหมดพลังทั้งหมดที่มีเหลือแต่เพียงท่าทีสลด
เจี้ยนเฉินเงียบไปเมื่อมองไปยังหญิงชราโดดเดี่ยวผู้นี้
“มันเป็นความผิดของเจ้า เมื่อเจ้าทำ ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสซูที่ต้องตายเพราะเจ้า แม้แต่ข้าก็ยังต้องตายเพราะเจ้าด้วย” ราชาเทพธาตุแสงนั่งลงหลังจากที่หญิงชราเดินออกไป เขามองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนจะถอนหายใจออกมา
เขาไม่ได้ทำการโจมตีเจี้ยนเฉินต่อจากการโจมตีก่อนหน้านี้แล้ว เขาสามารถบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน
“ข้า เจี้ยนเฉิน ข้าขอถามได้รึไม่ว่าข้าจะเรียกเจ้าว่ายังไง สหาย ? ” เจี้ยนเฉินเก็บหอคอยอนัตตาและเดินออกมาจากหลุมใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยหอคอย เขาป้องมือให้กับราชาเทพและพูดขึ้น
“ฮึ่ม ใครกันที่เป็นสหายเจ้า ? ” ราชาเทพธาตุแสงแค่นเสียงเย็นชาออกมา เขาแค้นเจี้ยนเฉินอย่างมาก เขาไม่พูดอะไรก่อนจะหันกลับแล้วบินหนีไป
“ซวนหมิง หากเจ้าต้องการจะซ่อนตัวจากชายที่เจ้าพูดถึง เจ้าซ่อนอยู่ในหอคอยก็ได้ ตราบใดที่เจ้าอยู่ในหอคอย ตัวตนของเจ้าจะหายไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวตนของเจ้าไม่ว่าจะใช้ทักษะลับใด ๆ ก็ตาม” ตอนนั้นเองเสียงของหญิงชราก็ดังขึ้นมา
ราชาเทพธาตุแสงชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าหม่น ๆ ของเขาดูสดใสขึ้นมา
เขาเหมือนเห็นแสงแห่งความหวังในความมืดมิดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหญิงชรา เขาเริ่มมีหวังอีกครั้ง
ทันใดนั้นเขาก็หันกลับและหันไปขอร้องเจี้ยนเฉิน “จะ เจ้าให้ข้าซ่อนอยู่ในหอคอยเจ้าสักพักได้หรือไม่ ? เมื่อข้าทะลวงผ่านจากราชาเทพธาตุแสงได้และย่อต้นไม้วิญญาณได้ ข้าจะจากไปทันที”
เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “หากเจ้าช่วยข้า เจ้าจะมีบุญคุณต่อข้า แน่นอนว่าข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยเจ้าหากข้ามีประโยชน์ในอนาคต”
“แม้ว่าข้า ซวนหมิง จะมีรากฐานการบ่มเพาะที่ต่ำแต่ข้าก็ยังมีพ่อ พ่อข้าคือหนึ่งในแปดรองหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสง”
เจี้ยนเฉินมองไปยังราชาเทพธาตุแสงด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แบบนี้ พ่อของเขากลับเป็นหนึ่งในรองหน้าทั้งแปดคนของโถงเซียนธาตุแสง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งของโถงเซียนธาตุแสง แต่เขาก็บอกได้ว่าโถงเซียนธาตุแสงค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากซวนหมิงพูดถึงด้วยท่าทีภูมิใจ
“มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เจ้าซ่อนอยู่ในหอคอยข้า แต่ข้าต้องรู้ว่าเจ้าไปหาเรื่องใครมา” เจี้ยนเฉินจงใจพูดอย่างใจเย็น เขาไม่รู้ว่าเขาควรถามเกี่ยวกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจากซวนหมิง ยังไงแต่ตอนนี้เป็นโอกาสครั้งใหญ่เพราะซวนหมิงกลับมอบข้อเสนอให้กับเขา
ซวนหมิงดีใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินตกลง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดในตอนสุดท้าย เขาก็แสดงท่าทีใสซื่ออกมา “ข้าไม่ได้ไปหาเรื่องใครหรือใครมาหาเรื่องข้า มันก็แค่ปิศาจที่แข็งแกร่งซึ่งหมายตาราชาเทพธาตุแสงอย่างเรา”
“ปิศาจ ? ” เจี้ยนเฉินเริ่มสงสัย
“ถูกต้อง ปิศาจ จู่ ๆ ปิศาจก็โผล่มามี่กี่แสนปีมานี้ เขามีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นและทำการไล่ล่าราชาเทพธาตุแสง ไม่ว่าตำแหน่งที่ราชาเทพธาตุแสงซ่อนตัวนั้นจะปลอดภัยแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะหนีจากเขาได้ ในไม่กี่ปีมานี้ไม่รู้ว่ามีราชาเทพธาตุแสงกี่คนที่ต้องตายไปด้วยน้ำมือเขา แม้แต่ข้าก็ต้องออกมาจากโถงเซียนธาตุแสงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ข้าวางแผนจะซ่อนตัวอยู่ในที่ห่างไกลที่ชายแดนของโลกเซียน”
“แต่เพราะความบังเอิญ ข้ากลับเข้ามาในค่ายกลปกปิดตอนที่ผ่านเข้ามาในเขตนี้ เมื่อข้ารับรู้ได้ถึงพลังของค่ายกลปกปิด ข้าก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่และทำการบ่มเพาะเพื่อจะย่อต้นไม้วิญญาณ…”
“ข้าเป็นคนแรกที่มาถึงที่นี่ ข้าอยู่ที่นี่มาหลายแสนปี สำหรับผู้อาวุโสซูแล้ว นางพบที่นี่ไม่กี่ปี ตอนแรกที่นี่คือที่ซ่อนที่ดีที่สุดสำหรับผู้อาวุโสซู เพราะค่ายกลปกปิดนี้สร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงปกปิดความลับสวรรค์ทั้งหมดได้ ไม่วาจะเป็นวิธีและทักษะอะไรก็ไร้ค่า สุดท้ายมันก็ถูกทำลายเพราะการมาของเจ้า…”
เจี้ยนเฉินหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา เขาเปลี่ยนเรื่องทันที “โถงเซียนธาตุแสงแข็งแกร่งเพียงใดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ ในโลกเซียน ? ไม่ใช่ว่าพ่อเจ้าที่เป็นหนึ่งในแปดรองหัวหน้าควรจะปกป้องเจ้าได้หรือ ?”
ซวนหมิงถอนหายใจออกมา “โถงเซียนธาตุแสงของเราเป็นองค์กรระดับสูงของโลกเซียน ในฐานะหนึ่งในแปดรองหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสง เป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ความแข็งแกร่งของปิศาจนั่นน่ากลัวเกินไป เขาถึงกับทำให้หัวหน้าของเราบาดเจ็บ พ่อข้าไม่ได้มีความสามารถที่จะปกป้องข้า ดังนั้นข้าจึงได้แต่ออกมาจากโถงเซียนธาตุแสง”
ซวนหมิงคิดถึงฉากที่น่ากลัวในอดีตตอนที่พูดถึงเรื่องนี้ แววตาเขาเผยความกลัวออกมา