เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2179 : การทำงานของสายเลือด
ตอนที่ 2179 : การทำงานของสายเลือด
“ข้าไม่คิดว่าชายผู้นี้จะแข็งแกร่งจนเขาสามารถรับมือกับโถงเซียนธาตุแสงไว้ได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เข้าไม่เข้าใจคือทำไมคนแข็งแกร่งแบบเขาถึงได้ลดตัวมาโจมตีเหล่าราชาเทพธาตุแสง ? ”
“บางทีเพราะมีความแค้นกับโถงเซียนธาตุแสงของเจ้าหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสับสน
แต่ซวนหมิงกลับส่ายหน้าโดยไม่ลังเล “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดปิศาจตนนี้ถึงได้เพ่งเล็งมาที่เหล่าราชาเทพธาตุแสง แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ ปิศาจตนนี้ไม่ได้มีความแค้งเคืองต่อโถงเซียนธาตุแสงของเรา หากเขามีความแค้นเคืองอยู่จริง เขาคงทำให้โถงเซียนธาตุแสงเสียหายในระดับที่ไม่คาดคิดด้วยความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานของเขา แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น”
“หากเจ้าพูดเช่นนั้นมันก็ค่อนข้างแปลก เล็งเป้าหมายมาที่ราชาเทพธาตุแสงด้วยเหตุผลอื่นรึ ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำ
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ยังไงซะราชาเทพธาตุแสงทั้งหมดของโถงเซียนธาตุแสงต่างก็กังวลกันเพราะปิศาจตนนี้ พวกเขาเริ่มหนีออกจากโถงเซียนธาตุแสงไปซ่อนตัวตามที่ต่าง ๆ เพราะกลัวว่าปิศาจตนนี้จะมาตามล่าตัวพวกเขา แต่ถึงจะเป็นเช่นขั้นแต่ปิศาจก็ยังพบเจอราชาเทพธาตุแสงหลายคนและฆ่าพวกเขา “
“ใครจะไปรู้ว่าปิศาจนั่นเสียสติไปรึไม่ เขาเล็งเป้าหมายไปที่สุดยอดราชาเทพธาตุแสงที่กำลังจะย่อต้นไม้วิญญาณได้ แม้แต่คนที่อยู่ขอบเขตอื่นมาอยู่ตรงหน้า แต่ปิศาจนั่นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย “
“ข้าขึ้นมาถึงสุดยอดราชาเทพธาตุแสงมานานแล้วและข้าก็กำลังย่อต้นไม้วิญญาณ การย่อต้นไม้วิญญาณคล้ายกับการเลื่อนขั้นจากราชาเทพไปเป็นขั้นขสงไขยของเจ้า แต่มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ยิ่งกว่านั้นราชาเทพธาตุแสงต้องได้พบกับความยากลำบากหลายเท่าเพราะกฎที่เราต้องเข้าใจ” ซวนหมิงสลด
“ผลก็คือเจ้าถึงได้ซ่อนตัวอยู่ที่นี่มาหลายแสนปีและยังคงเป็นแค่ราชาเทพธาตุแสงรึ ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขาได้ข้อมูลสำคัญอย่างมากจากซวนหมิง มันยากกว่าที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะทะลวงผ่านขอบเขตหากเทียบกับนักสู้
“มันไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของข้าแต่เพราะค่ายกล หากมันมีด้านบวก มันก็ต้องมีด้านลบ ค่ายกลนี้ปกปิดความลับสวรรค์และทำให้ทักษะต่าง ๆ ไร้ค่า ซึ่งทำให้ข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่เพราะค่ายกลนี้ที่ทำให้ความลับสวรรค์ถูกตัดขาดซึ่งส่งผลต่อกฎด้วย ดังนั้นการทำความเข้าใจจึงยากกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งมันกันไม่ให้ข้าทะลวงผ่านได้ตลอดหลายปีมานี้”
“ข้าไม่กล้าออกไปด้านนอกโดยยังไม่ทันย่อต้นไม้วิญญาณ แม้ว่ามันจะผ่านมานานแต่มันก็ไม่มีใครรับรองได้ว่าปิศาจนั่นจะไม่มาหาข้า …”
เพื่อที่จะได้ความเชื่อใจและความช่วยเหลือจากเจี้ยนเฉิน ซวนหมิงจึงบอกข้อมูลออกมามากมาย เขาอธิบายทุกอย่างอย่างถี่ถ้วนโดยไม่คิดปกปิดจากเจี้ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย
นี่เพราะเขารู้ว่าเขาจะรอดได้ก็มีแค่ต้องพึ่งเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหอคอยที่เต็มไปด้วยรอยฟันนี้จะโดดเด่นจริงหรือไม่ แต่เขาเชื่อในสิ่งที่ผู้อาวุโสซูพูดมา
“เจี้ยนเฉิน ค่ายกลปกปิดนี้ได้รับความเสียหายและคงไม่อาจจะปกปิดความลับสวรรค์ได้อีกต่อไป จะ เจ้าคิดว่าเข้าจะเข้าไปได้รึยัง ? ข้ากลัวว่าปิศาจนั่นจะพบข้าหากข้ายังอยู่ด้านนอกนานเกินไป แม้ว่าที่นี่จะไกลจากโถงเซียนธาตุแสงมากพอ แต่เจ้าต้องรู้ว่าพวกระดับสูงอย่างปิศาจนั่นต้องมีวิธีการมากมาย” ซวนหมิงมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีคาดหวัง ในแววตาของเขาไม่ได้มีความแค้นเคืองเจี้ยนเฉินอีกต่อไป
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “แน่นอน เข้าไปได้เลย ข้าแค่สงสัยหลายเรื่องเกี่ยวกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ดังนั้นข้าอาจจะต้องให้เจ้าชี้แนะเกี่ยวกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในอนาคต ตอนนั้นข้าหวังว่าพี่ซวนหมิงจะชี้แนะข้า “
ซวนหมิงดีใจขึ้นมา “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลย แน่นอน ไม่เป็นปัญหาเลย ตราบใดที่มันไม่ใช่ความลับของโถงเซียนธาตุแสง ทุกอย่างก็ไม่เป็นไร “
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เอาหอคอยอนัตตาออกมาและให้ซวนหมิงเข้าไปด้านใน
“สวรรค์ ช่างเป็นโลกจิ๋วที่ใหญ่โตจริง ๆ เจี้ยนเฉิน คุณภาพของหอคอยนี่ต้องน่าประทับใจแน่ ๆ….”
“อ๊ะ ! ช่างเป็นปราณกระบี่ที่น่ากลัวจริง ๆ มันกลับมีเขตแดนขนาดใหญ่ที่แตกสลายอยู่ด้านหน้า โลกจิ๋วนี้กว้างขนาดไหนกัน…”
“ข้าทำความเข้าใจโดยไม่พบอุปสรรคที่นี่ได้ไม่เหมือนในค่ายกลปกปิดที่ข้ารู้สึกเหมือนได้แต่มองผ่านหมอกไป ข้าสาบานว่าตราบใดที่ได้บ่มเพาะในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ อุปสรรคในการย่อต้นไม้วิญญาณคงไม่อาจจะยื้อข้าได้นานนัก…”
ซวนหมิงอุทานออกมาทันทีที่เข้าไปในหอคอยอนัตตา
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าและยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงของซวนหมิง เขามองไปยังหอคอยที่เสียหายด้วยสายตาซับซ้อน
เขาเอาหอคอยอนัตตาออกมาหลายครั้งตอนอยู่ในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน แม้ว่าสุดยอดราชาเทพจะไม่รู้จักมันด้วยความรู้ที่พวกเขามี แต่เขารู้ว่าเมื่อพวกระดับสูงที่หนุนหลังพวกนี้รู้ถึงหน้าตาและพลังของหอคอย พวกนั้นคงเดาได้ว่าหอคอยนี้คืออะไรและมันคงเป็นเรื่องแย่สำหรับเขา
ยังไงซะคนพวกนี้ก็ไม่เหมือนกับหญิงชราที่ไม่ได้สนใจจะครอบครองหอคอยอนัตตานี่
“ข้าไม่อาจจะเก็บหอคอยนี่ไว้ได้นานนัก” เจี้ยนเฉินพึมพำ จิตวิญญาณวัตถุของพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูนพูดถูก หอคอยอนัตตาคือสิ่งของแห่งความต้องการ แม้ว่าเขาจะเอามันมาจากโลกเบื้องล่างแต่มันก็ไม่ได้เป็นของเขา สุดท้ายมันคงต้องกลับไปยังพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิง
นี่เพราะเขาไม่ได้มีความแข็งแกร่งพอที่จะเก็บหอคอยอนัตตาไว้
“เจี้ยนเฉิน ข้ารู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้ดูธรรมดาแบบที่เห็น” ตอนนั้นเอง ไคยะก็ออกมาจากหอคอย นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและมองไปรอบ ๆ
เจี้ยนเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ยินแบบนั้น เขามองไปที่ไคยะด้วยตาที่เป็นประกาย “ไคยะ เจ้าเจออะไร ? ”
“เจ้ารับรู้ได้ถึงพลังอันอ้างว้างโดยรอบได้รึไม่ ? พลังนี่เหมือนจะเก่าแก่ มันราวกับมีประวัติศาสตร์ไม่รู้จบ” ไคยะหลับตาลงและลองตรวจสอบโดยรอบพร้อมกับพูดกับเจี้ยนเฉินเบา ๆ
เจี้ยนเฉินลองหลับตาและตรวจสอบโดยรอบ แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า เขาไม่อาจจะรับรู้อะไรได้
“พลังนี่มันเบาบางเกินไป ดูเหมือนว่ามันจะหลอมรวมกับมิติจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่..” ไคยะพูดต่อ จากนั้นนางก็หยุดและพูดขึ้นมา “และข้าก็มีความรู้สึกแปลก ๆ บอกข้าว่าค่ายกลปกปิดในมิติภายนอกนี่ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติแต่มีคนสร้างขึ้นมา”
“เจ้าว่ายังไงนะ ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป เขาอุทานขึ้นมาเพราะสิ่งที่ไคยะพูดในตอนสุดท้าย
เขาคิดถึงหญิงชรา หญิงชราผู้นั้นคือศิษย์รุ่นหลานของอัครสูงสุดอนัตตาและนางเองก็อยู่ขอบเขตตั้งต้น ทั้งด้านความรู้และความเข้าใจของนางต้องเปิดกว้างอย่างมาก แต่นางยังยืนกรานว่าค่ายกลนี่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไคยะ สรุปว่าค่ายกลนี้สร้างขึ้นมาโดยคนได้ยังไง ?
“สัญชาตญาณบอกข้าว่าค่ายกลนี่ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติแต่มีคนสร้างเอาไว้” ไคยะยืนยัน
เจี้ยนเฉินมองไปที่ไคยะ สัญชาตญาณของไคยะกับความรู้และความเข้าใจของหญิงชรา อันไหนเชื่อถือได้มากกว่ากัน ?
แต่ต่อมาสีหน้าของเจี้ยนเฉินกลับเปลี่ยนไป เขาอดไม่ได้ที่จะกุมอกด้วยความสับสนและแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“เจี้ยนเฉิน มีอะไร ? ” ไคยะเข้าไปประคองเจี้ยนเฉินและเริ่มกังวล เมื่อนางรับรู้ได้ถึงท่าทีผิดปกติของเจี้ยนเฉิน
“พลังของสายเลือดหมาป่านภาโบราณในตัวข้าจู่ ๆ ก็ทำงาน มันหลุดจากการควบคุมของข้าไปได้เล็กน้อย” เจี้ยนเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด