เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2180 : ประตูหิน
ตอนที่ 2180 : ประตูหิน
แววตาของไคยะสะท้อนความสงสัยออกมา นางมองไปที่เจี้ยนเฉินและหลังจากที่เงียบไปสักพัก นางก็พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย “เจ้าคิดว่าการที่จู่ ๆ สายเลือดหมาป่านภาโบราณกลับทำงานเกี่ยวข้องกับที่นี่หรือไม่ ? ”
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่รึ ? ” เจี้ยนเฉินส่ายหน้า เขายากที่จะเชื่อสิ่งที่ไคยะคาดเดาได้
แต่ตอนที่เจี้ยนเฉินพูดแบบนั้น จู่ ๆ สายตาเขาก็หรี่ลง เขาแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เขาหันกลับไปมองอีกด้านและพูดขึ้น “จากพลังสายเลือดในตัวข้า ข้ารับรู้ได้ถึงเสียงเรียก เสียงเรียกนี้มาจากด้านหน้า” ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายระยิบระยับ เขามองไปทางที่มีเสียงเรียกเขาและแสดงสีหน้าแปลกใจแกมสงสัยออกมา “หรือว่าสิ่งที่เจ้าพูดว่าสายเลือดหมาป่านภาโบราณจู่ ๆ ก็ทำงาน จะเกี่ยวข้องกับที่นี่จริง ๆ ? ”
“ไปดูที่นั่นกันก่อน” ไคยะพูดขึ้น นางเองก็สงสัยเช่นกัน
หลังจากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้อยู่นิ่งอีกต่อไป พวกเขาได้มุ่งหน้าไปยังที่ที่มีเสียงเรียกเจี้ยนเฉิน
อุกกาบาตนี้มีขนาดใหญ่อย่างมาก แต่ไคยะและเจี้ยนเฉินต่างก็เป็นราชาเทพ ด้วยความเร็วของพวกเขา พวกเขาจึงใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึงที่หมาย
มันเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่นั่นมีแต่ความเงียบสนิท มันไม่มีพืชพันธุ์เลยแม้แต่น้อย ทำให้ที่นั่นดูเป็นพื้นที่แห้งแล้ง “ที่นี่รึ ? ” ไคยะตรวจสอบดูรอบ ๆ และถามเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดอะไร เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหลับตาลง เขาทำการรับรู้ผ่านพลังของสายเลือดเพื่อค้นหาว่าเสียงเรียกนี้มาจากไหน
“ตรงนี้ ด้านล่างเท้าข้า” เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นและมองไปที่หินด้านล่าง การรับรู้วิญญาณของเขาแผ่ออกมาทันทีแทงทะลุพื้นไปได้ราวกับกระบี่ที่มองไม่เห็น
แต่ตอนที่การรับรู้วิญญาณแผ่ออกไปได้ไม่กี่พันเมตร พลังลึกลับก็ขัดขวางมันเอาไว้ มันไม่อาจจะเดินหน้าต่อไปได้
“ดูเหมือนว่าจะมีค่ายกลด้านล่างด้วย” ไคยะพูดขึ้น ชัดแล้วว่านางเองก็รู้ถึงสถานการณ์ด้านล่างผ่านการรับรู้วิญญาณของนาง
“เปิดทางกันเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว เขาเอากระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ออกมา ก่อนจะโคจรพลังบรรพกาลเข้าไปในวัตถุเทพ กระบี่เปล่งแสงออกมาราวกับแสงที่มาจากดวงดาว เจี้ยนเฉินกวัดแกว่งกระบี่ลงใส่พื้นดินเพื่อพยายามที่จะเปิดรู
ตูม !
เสียงระเบิดดังก้อง หินใต้เท้าของเจี้ยนเฉินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ หินก้อนเล็ก ๆ กระจายไปทั่วทุกทิศทางพร้อมกับเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ลึกกว่า 10 เมตร
อุกกาบาตนี้แข็งอย่างมาก การโจมตีของเจี้ยนเฉินเพียงพอที่จะผ่าอุกกาบาตที่หนานับหมื่นเมตรให้ขาดออกจากกันได้ แต่ตอนนี้เขากลับสร้างได้แค่เพียงหลุม
“เจี้ยนเฉิน ให้ข้าช่วยเอง” ไคยะเองก็ลงมือเช่นกัน กฎแห่งการทำลายล้างถูกใช้ออกมา เส้นพลังของกฎอัดลงไปที่พื้นที่ละสาย ๆ
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การโจมตีของเจี้ยนเฉินและไคยะ พื้นดินจึงเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง รอยแตกที่เหมือนกับใยแมงมุมลามออกไปทั่ว ฝุ่นกระจายออกมาราวกับที่นั่นปกคลุมไปด้วยหมอก
ภายใต้การโจมตีต่อเนื่องของทั้งคู่ที่เทียบเท่ากับการโจมตีของสุดยอดราชาเทพ หลุมนั่นก็ลึกลงไปเรื่อย ๆ
แต่ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ หินก็ยิ่งแข็งมากเท่านั้น ผลก็คือยิ่งลงไปลึกพวกเขายิ่งเดินหน้ากันได้ช้าลง
สุดท้าย เจี้ยนเฉินและไคยะก็ใช้เวลาถึง 3 วันกว่าที่จะขุดหลุมที่ลึกหลายพันเมตรได้ สุดท้ายพวกเขาก็พบกับค่ายกลที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง
ตรงหน้าพวกเขามันดูเหมือนกับประตูหินธรรมดาที่ไม่รู้ว่าตั้งอยู่นานแค่ไหน มันราวกับคงอยู่มาทุกยุคสมัย ค่ายกลที่สลักไว้บนประตูแข็งแกร่งอย่างมาก พวกมันเหมือนมีความจริงของโลกและแฝงไปด้วยความลึกลับไม่รู้จบ มันแผ่รังสีอาฆาตที่ทำให้คนต้องขนลุกออกมา
ไคยะมองไปที่ค่ายกลบนประตูหินและเริ่มเครียดขึ้นมา นางพูดขึ้นว่า “ข้ารับรู้ได้ว่าค่ายกลนี่น่ากลัวอย่างมาก มันน่ากลัวกว่าค่ายกลที่เราเคยพบไม่รู้กี่เท่า”
เจี้ยนเฉินมองไปที่ประตูหหินตรงหน้าและเงียบไป เขาไปยืนตรงหน้าประตูหินและพลังของสายเลือดหมาป่านภาโบราณก็เหมือนจะเดือดขึ้นมา มันไม่ใช่ทำงานอย่างรุนแรงแต่กลับให้พลังเผาไหม้ มันเหมือนต้องการสลัดการควบคุมของเขาและออกมาจากร่างกายของเขา
การทำงานของพลังสายเลือดทำให้เจี้ยนเฉินยืนยันได้ว่าที่นี่คือที่ที่เกี่ยวข้องกับหมาป่านภาโบราณหรือไม่ก็ต้องมีบางอย่งาที่สามารถเรียกพลังสายเลือดหมาป่านภาโบราณได้อยู่ด้านหลังประตูหินนี่
“ จากค่ายกลที่แข็งแกร่งบนประตูนี่ ค่ายกลปกปิดด้านนอกอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ กลับกันแล้วคงมีคนระดับสูงที่ขึ้นไปถึงขีดจำกัดการบ่มเพาะสร้างมันขึ้นมา แต่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมค่ายกลสังหารที่ชัดแล้วว่าเป็นระดับต่ำกว่าถึงปรากฏขึ้นในค่ายกลปกปิดที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสับสน เขายังจำได้ว่าเขากับไคยะถูกบังคับให้เข้าไปในหอคอยอนัตตาโดยค่ายกลสังหารทันทีที่เข้ามาในค่ายกลปกปิด
ค่ายกลสังหารนั้นทรงพลังก็จริงแต่มันไม่อาจจะฆ่าขั้นอสงไขยได้ เทียบกับค่ายกลปกปิดที่บดบังความลับสวรรค์และทำให้ทักษะค้นหาของพวกระดับสูงไร้ค่าแล้ว พวกกันต่างกันถึงสองระดับ
“เพราะค่ายกลสังหารนั้นสร้างขึ้นโดยซวนหมิงในอดีต” ตอนนั้นเองก็มีเสียงแก่ ๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง หญิงชราปราฏตัวขึ้นด้านหลังของเจี้ยนเฉินและไคยะ
“ในฐานะหนึ่งในแปดรองหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสง พ่อของซวนหมิงได้ให้ของมากมายที่อาจจะช่วยชีวิตเขาไว้ ค่ายกลสังหารที่เจ้าพบในค่ายกลปกปิดถูกสร้างขึ้นโดยซวนหมิงผ่านแผ่นอาคม มันกันไม่ให้คนนอกเข้าไปที่นี่ได้” หญิงชราอธิบาย จากนั้นางก็มองไปที่ไคยะและพูดขึ้นว่า “เด็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ธรรมดา แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะมองทะลุความลับของค่ายกลปกปิดนี้ได้ ซึ่งทำให้ข้าเชื่อว่ามันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติมาโดยตลอด แต่เจ้ากลับมองออกในทันที”
“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ผู้อาวุโส ผู้เยาว์แค่รู้สึกตามญชาตญาณ” ไคยะถ่อมตัว
หญิงชรามองไปที่ไคยะและพูดขึ้นว่า “หากเป็นแค่สัญชาตญาณ สัญชาตญาณนั่นคงน่ากลัวอย่างมาก”
เจี้ยนเฉินกระแอมออกมาและชี้ไปที่ประตูหิน เขาเปลี่ยนเรื่อง “ผู้อาวุโส มาตรวจสอบประตูหินนี่ดีกว่า ผู้อาวุโสมีทางที่จะผ่านค่ายกลบนประตูหินนี่หรือไม่ ? ”
หญิงชราถอนหายใจออกมา “ไปเถอะ ออกจากที่นี่กันก่อน อย่าไปสนใจประตู แม้ว่าข้าจะสนใจความลับเบื้องหลังประตูนี้ แต่ประตูหินนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราแตะต้องได้ เพราะค่ายกลนี้ถึงกับทำให้ข้าตัวสั่นเพราะความกลัวได้ หากข้ามองไม่ผิด ค่ายกลนี่คงมาจากจอมปราชญ์สูงสุด”
“มีแค่จอมปราชญ์สูงสุดเท่านั้น คนที่มีฐานะเท่าเทียมกับกฎและสามารถบิดพลิ้วกฎได้ เพียงแค่คิดถึงจะสามารถสร้างค่ายกลปกปิดในระดับที่เหมือนมันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติได้”
“ค่ายกลนี้ไม่อาจจะพังลงได้ พวกที่ลองมีแต่จะตาย….”
หญิงชรามองไปที่ประตูหินและพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อพูดจบนางก็หันกลับและออกจากที่นั่น
เจี้ยนเฉินไม่คิดที่จะกลับไป เขามองไปที่ประตูหินและหลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจและปลดปล่อยพลังสายเลือดหมาป่านภาโบราณในตัว
เมื่อเจี้ยนเฉินไม่ได้ยับยั้งมันไว้ พลังนั้นก็เปลี่ยนเป็นแสงสีแดงเลือดและพุ่งออกจากตัวของเจี้ยนเฉินเข้าใส่ประตูหินทันที