เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2191 : ตระกูลกัส
ตอนที่ 2191 : ตระกูลกัส
“ฉิงยี่หยวน ไปหาเรื่องใครเข้า ? ทำไมคนของตระกูลกัสถึงต้องจับนางไป ? และเจ้ารู้จักกับฉิงยี่หยวนได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“น้องสาวข้าอยู่แค่ขอบเขตดั้งเดิม นางไม่เคยหาเรื่องใครเลยหลังจากที่มายังโลกเซียน แม้แต่ตอนที่นางเจอกับพวกขั้นศักดิ์สิทธิ์ นางก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยง นางโดนจับไปโดยคนของตระกูลกัสเพราะความงดงามของนางที่ไปสะดุดตาพวกนั้น สำหรับการที่เรารู้จักกันยังไงนั้น มันคงต้องย้อนกลับไปหลายสิบปี”
“ตอนนั้นข้าบาดเจ็บสาหัสปางตาย มันคือน้องฉิงยี่หยวนที่ใช้สมบัติสวรรค์เพื่อช่วยข้า ดังนั้นนางจึงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณสำหรับข้า หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสักพัก ข้าก็พบว่าน้องฉิงยี่หยวนกับข้าเข้ากันได้ดี ดังนั้นข้าจึงเริ่มเรียกนางว่าน้อง” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา สีหน้านางเต็มไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกผิด “มันเป็นเพราะข้า ข้าไม่ควรนำนางมาที่นี่ ข้ารู้มาตลอดว่านายน้อยคนโตของตระกูลกัสเป็นคนมากตัณหา มีข่าวลือว่าเขามีผู้หญิงอยู่มากมาย มันเป็นความผิดของข้า ข้าทำให้น้องต้องตกที่นั่งลำบาก..”
“ฉิงยี่หยวนโดนจับไปนานแค่ไหนแล้ว ? ” เจี้ยนเฉินถามหลังจากที่ระงับความโกรธของตัวเอง ฉิงยี่หยวนคือคนที่มาจากบ้านเกิดเขาและทั้งสองก็รู้จักกัน ในอดีตนั้นพวกเขาสนิทกัน เขาไม่อาจจะปล่อยให้ฉิงยี่หยวนต้องทนทุกข์จากเรื่องในโลกเซียนได้
“น้องข้าถูกจับไปเมื่อ 5 ปีก่อน”
“อะไรนะ ? มันผ่านมา 5 ปีแล้วรึ ? ” สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป 5 ปีสำหรับการบ่มเพาะมันคือในพริบตา แต่หลายอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับฉิงยี่หยวนแล้วก็ได้
นางเหมือนจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินกังวลถึงเรื่องอะไร นางได้อธิบายขึ้นมาว่า “คนที่จับฉิงยี่หยวนไปคือผู้คุ้มกันของนายน้อยคนโต คนคุ้มกันเหล่านั้นรับใช้นายน้อยคนโตโดยเฉพาะ พวกเขามักจะจับแต่ผู้หญิงที่ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ไม่ได้มีภูมิหลัง แต่มีความงดงามที่น่าประทับใจเพื่อนำไปเสนอกับนายน้อย แต่มันมีข่าวลือว่านายน้อยคนโตนั้นเก็บตัวมาหลายสิบปีแล้วและกำลังจะเป็นขั้นเหนือเทพ ผลก็คือตอนนี้น้องฉิงยี่หยวนก็น่าจะยังไม่เป็นอะไร”
สุดท้ายเจี้ยนเฉินก็โล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น ตราบใดที่ฉิงยี่หยวนยังไม่เป็นอะไร เขาก็สามารถหาวิธีช่วยนางออกมาได้
“เฮ้อ หากข้าหาเจี้ยนเฉินพบ น่าเสียดายที่โลกเซียนช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก ใครจะไปรู้ว่าเจี้ยนเฉินซ่อนตัวอยู่ที่ไหน การหาเขาให้พบแทบจะเป็นไปไม่ได้” นางถอนหายใจออกมา ชัดแล้วว่านางกังวลเรื่องฉิงยี่หยวน
ยังไงซะนางก็เป็นแค่ขั้นเทพช่วงกลาง
“ทำไมเจ้าต้องตามหาเจี้ยนเฉิน ? ” เจี้ยนเฉินมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลก ๆ เขาปลอมตัวปิดบังหน้าตาที่แท้จริง เขาไม่ได้กังวลว่าจะโดนจับได้ นอกเสียจากว่าการบ่มเพาะอีกฝ่ายจะมากกว่าเขา
นางมองไปที่เจี้ยนเฉินราวกับเขาเป็นคนโง่และพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจ “เป็นธรรมดาที่ข้าจะตามหาตัวเจี้ยนเฉิน เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือจากบรรพชนกระบี่เดียวดาย เจ้าคิดว่าบรรพชนกระบี่เดียวดายเป็นใครกัน ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเขาในอดีต แต่มีข่าวลือหนาหูบอกกันว่าเขาเป็นอัครสูงสุด และข้าได้ยินว่าแม้แต่ผู้ปกครองดาวเคราะห์ก็ไม่อาจจะทำให้เขาไม่พอใจได้ หากมีเขาช่วย ตระกูลกัสก็ไม่มีทางขัดขืนแม้ว่าจะมีความกล้าแค่ไหนก็ตาม”
เจี้ยนเฉินมองไปที่อีกฝ่ายและพูดขึ้นว่า “บอกที่ตั้งของตระกูลกัสกับข้ามา ข้าจะหาทางช่วยฉิงยี่หยวน”
ตอนนั้นได้มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากไกล ๆ มันดังต่อเนื่องอยู่นาน มันกระจายไปทั่วทั้งเมืองและทำให้ผู้คนหันไปสนใจ
“ นั่นนายน้อยคนโตของตระกูลกัส เขาทะลวงผ่านเป็นขั้นเหนือเทพได้สำเร็จ…”
“นายน้อยคนโตของตระกูลกัสช่างมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แค่ 50,000 ปีตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำการบ่มเพาะ และตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นขั้นเหนือเทพแล้ว…”
“การขึ้นถึงขั้นขั้นเหนือเทพได้ใน 50,000 ปีไม่อาจจะเทียบกับพวกอัจฉริยะระดับสูงที่ทำให้โลกเซียนสั่นไหวได้ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่น่าประทับใจในจักรวรรดิพันใบ…”
….
หลังจากนั้นมันก็เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งเมือง หลายคนพากันชื่นชมนายน้อยคนโตตอนที่พูดถึงเขา
“ไม่นะ ไม่นะ เราตกที่นั่งลำบากแล้ว นายน้อยคนโตทะลวงผ่านได้เร็วแบบนี้ น้องข้าตกอยู่ในอันตรายแล้ว ระ เราควรทำยังไงกันดี ? ” ผู้หญิงคนนั้นเริ่มลนลานและกังวล
“ไม่ต้องกังวลไป” เจี้ยนเฉินมองไปทางเสียงที่ตะโกนขึ้นมา เขายืนยันตำแหน่งของตระกูลกัสได้แล้ว จากนั้นเขาก็กลับไปที่โรงเตี้ยมที่เขาอยู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ออกมาจากโรงเตี้ยมพร้อมกับพัดและชุดสีขาวอันหรูหรา มันมีชายชุดดำคนหนึ่งตามเขามาด้วย พลังอันแข็งแกร่งเหมือนจะแผ่ออกมาจากชายผู้นั้น
“เฮยหยา เจ้าจำที่ข้าบอกไปได้หรือไม่ ? เจ้ารู้ว่าเจ้าควรทำอะไรใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินเดินนำหน้าและบอกกับชายชุดดำด้านหลังแบบลับ ๆ
“ขอรับ นายน้อย ข้ารู้ว่าข้าควรทำยังไง” เฮยหยาตอบกลับด้วยความเคารพ
“เฮ้อ น่าเสียดายที่ข้าถูกประกาศตัวอยู่ทุกที่ แม้แต่ทักษะกระบี่, วิธีสู้, ความเข้าใจกฎและสมบัติต่างก็ถูกบันทึกเอาไว้ ข้าไม่อาจจะต่อสู้ได้เลย ไม่งั้นแล้วมันคงไม่ยุ่งยากแบบนี้” เจี้ยนเฉินสะบัดพัดในมือทำให้เขาดูราวกับนายน้อย แต่ในใจเขากลับร้อนรน
ไม่นานเขาก็มาถึงตระกูลกัสพร้อมกับเฮยหยา ตอนนี้ทางเข้าหลักของตระกูลกัสเต็มไปด้วยผู้คนที่นำของขวัญมายินดีกับการที่นายน้อยทะลวงผ่านได้
ตระกูลกัสคือหนึ่งในสามตระกูลชั้นนำของจักรวรรดิพันใบ พวกเขาอยู่ระดับเดียวกับตระกูลราชวงศ์ ดังนั้นพวกเขาจึงแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ในหมู่จักรวรรดิโบราณใกล้เคียง มันก็ไม่มีกลุ่มไหนที่กล้าจะดูหมิ่นตระกูลกัส มันถึงกับมีคนมากมายอยากเข้าร่วมกับพวกนี้
แม้ว่าคนจำนวนมากจะรวมตัวกันอยู่ที่ทางเข้าหลักแต่มันกลับไม่ได้ดูวุ่นวายเลย ทุกคนต่างก็ยืนเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบและเดินเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้ม
มันถึงกับมีคนส่งของล้ำค่าให้กับทหารที่ทางเข้าหลักเพื่อติดสิบบนตอนที่เดินเข้าไปด้านใน
แม้ว่าจะเป็นแค่ทหารแต่ก็ได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
นี่คือสถานะและอำนาจที่ตระกูลที่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นครอบครอง
แต่ตอนนั้นเองมันกลับมี 2 คนที่ไม่ได้ทำตามกฎ ไม่ใช่แค่ไม่คิดจะต่อแถวเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ยังลัดคิวและเดินเข้าไปที่ทางเข้าแทน
“ช้าก่อน เจ้าทั้งสอง บอกตัวตนและจุดประสงค์มา” เป็นธรรมดาที่ทหารจะหยุดสองคนนี้เอาไว้ ขั้นเหนือเทพที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มของทหารได้ตะโกนถามขึ้นมา
“เจ้ากล้าดียังไง ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้พูดกับนายน้อยของเราแบบนั้น ? ทำไมเจ้าไม่คุกเข่าเพื่อขอความเมตตาซะ ! ” ชายชุดดำที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา พลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากตัวกดตัวขั้นเหนือเทพลงอย่างไร้ปราณี
ทหารนั่นหน้าซีดและไม่อาจจะทนแรงกดดันนี้ได้ไหว ขาของเขาทรุดลงไปกับพื้นอย่างแรง เข่าของเขาถึงกับแตกเพราะแรงกระแทก
“ราชาเทพช่วงสูงสุด ….”
“ชายคนนี้คือราชาเทพช่วงสูงสุด นายน้อยผู้นี้มาจากไหนกัน หากดูจากการที่ราชาเทพช่วงสูงสุดเป็นผู้คุ้มกันให้กับเขา ? ”
“แม้แต่ทั่วทั้งจักรวรรดิพันใบ ราชาเทพช่วงสูงสุดก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงได้ สถานะของพวกเขายิ่งใหญ่ แต่ราชาเทพช่วงสูงสุดกลับเป็นได้แค่ผู้คุ้มกันในตอนนี้ …”
ทุกคนที่มาเพื่อยินดีต่างก็พากันตะลึง พวกเขามองไปที่ชายชุดดำด้วยความตื่นตะลึงพร้อมกับใจที่ปั่นป่วน
ชัดเจนแล้วว่าสองคนนี้คือเจี้ยนเฉินกับเฮยหยาที่ปลอมตัวมา