เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2192 : ช่างหยิ่งยโสเสียจริง
ตอนที่ 2192 : ช่างหยิ่งยโสเสียจริง
ที่ทางเข้าตระกูลกัสตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉินและเฮยหยาอย่างลืมหายใจ
พวกเขาไม่อาจจะหาเรื่องคนที่มีราชาเทพช่วงสูงสุดเป็นผู้คุ้มกันได้
เจี้ยนเฉินสะบัดพัดเบา ๆ เขามองไปที่ขั้นเหนือเทพที่คุกเข่าตรงหน้า เจี้ยนเฉินยกมือขึ้นให้สัญญาณกับเฮยหยา ให้ดึงพลังกลับมาก่อนจะพูดขึ้นว่า “ นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของตระกูลกัสงั้นหรือ ? ”
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่รู้เลยว่าเราจะมีแขกผู้ทรงเกียรติมา ยกโทษให้ข้าด้วยที่ต้อนรับท่านได้ไม่ดีนัก” ตอนนั้นเองมีเสียงแก่ ๆ ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ชายแก่ชุดขาวเดินออกมาจากด้านใน ใบหน้าเขาดูสดใส เขาป้องมือให้กับเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีถ่อมตัว เขาเหมือนจะสุภาพอย่างมาก
มันมีสมาชิกระดับสูงกว่าสิบคนของตระกูลที่อายุแตกต่างกันไปตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ พวกนั้นต่างก็มองมาที่ เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีเฉยเมยและมองความแข็งแกร่งของพวกนั้นออกทั้งหมด ชายแก่ตรงหน้าเขาเป็นราชาเทพช่วงปลาย ส่วนคนที่มาด้วยด้านหลังต่างก็เป็นราชาเทพเช่นกัน ส่วนมากแล้วเป็นราชาเทพช่วงต้น มันมีราชาเทพช่วงกลางแค่เพียง 3 คน
รวมชายแก่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุดแล้ว มันมีราชาเทพช่วงปลายแค่เพียง 2 คนเท่านั้น
“ข้า กู้หยวน หัวหน้าตระกูลกัสตอนนี้ ยินดีต้อนรับนายน้อยในนามของตระกูลกัส” กู้หยวนหัวเราะออกมาและมองไปที่เฮยหยาซึ่งยืนอยู่ข้างเจี้ยนเฉินพร้อมกับหรี่ตาลง จากนั้นเขาก็แสดงท่าทีต่อเจี้ยนเฉินดีกว่าเดิม เขาได้ตะโกนใส่ทหารที่เป็นราชาเทพ “นาตี้ เจ้าหยาบคายแบบนี้ได้ยังไง ? ทำไมเจ้าไม่ขอโทษนายน้อยซะ ? ”
ตอนนั้นทหารที่ชื่อนาตี้เข้าใจทันทีว่าคนตรงหน้าเขานั้นไม่ใช่คนที่เขาจะไปหาเรื่องได้ นี่ไม่ต้องนับเขาเลย แม้แต่หัวหน้าตระกูลกัสก็อาจจะหาเรื่องอีกฝ่ายไม่ได้ เขาก้มหน้าโดยไม่ลังเลและขอให้เจี้ยนเฉินยกโทษให้ ราวกับเขารู้สึกผิด
เจี้ยนเฉินไม่ได้เหลือบมองดูนาตี้เลยแม้แต่น้อย เขาสะบัดพัดและมองไปภายในตระกูลกัส เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งทะนง “นายน้อยผู้นี้ไม่ใช่คนใจแคบ ดังนั้นลุกขึ้นเถอะ ข้าจะลืมเรื่องที่เจ้าหยาบคายก่อนหน้านี้ แต่มันจะไม่มีครั้งที่สอง”
นาตี้ขอบคุณราวกับได้รับการละเว้นชีวิต เขาเริ่มกลัวเจี้ยนเฉิน เมื่อดูจากการที่มีราชาเทพช่วงสูงสุดเป็นผู้คุ้มกันให้เจี้ยนเฉิน
ต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เพียงใดกันถึงจะได้มีราชาเทพช่วงสูงสุดเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวได้ ?
อย่างน้อย ๆ ตระกูลกัสก็ถือว่าราชาเทพทุกคนเป็นสมบัติรวมไปถึงราชาเทพช่วงต้นด้วย สถานะของพวกเขาสูงส่งและไม่มีทางทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันโดยเด็ดขาด
“ฮ่าฮ่า มันเป็นเกียรติของตระกูลกัสที่นาน้อยมาเยือน เชิญเข้ามาได้เลยนายน้อย” หัวหน้าตระกูลกัสเรียกเจี้ยนเฉิน เขาพูดด้วยความระวังเพราะกลัวว่าจะทำให้นายน้อยผู้นี้ไม่พอใจ
ในห้องโถงหลักของตระกูลกัส กู้หยวนได้ขอให้แขกทุกคนก่อนหน้านี้กลับไปก่อน พวกระดับสูงของตระกูลต่างก็มารวมตัวกันเพื่อต้อนรับเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยท่าทีสบาย เขาไม่ได้สำรวมเลยแม้แต่น้อย เฮยหยาไปยืนอยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีเฉยชาราวกับผู้คุ้มกันที่ภักดี พลังแห่งการมีอยู่ของราชาเทพช่วงสูงสุดแผ่ออกมาโดยรอบสร้างความกดดันเหล่าราชาเทพช่วงต้นและช่วงกลางอย่างมาก พวกนั้นต้องฝืนแสดงสีหน้าเป็นมิตรออกมา
กู้หยวนได้แนะนำสมาชิกสำคัญของตระกูลกัสให้เจี้ยนเฉินรู้จัก ก่อนจะป้องมือแล้วบอกกับเจี้ยนเฉินว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าจะให้เรียกนายน้อยว่าอะไร ? ”
“ ข้า เจียงหยาง “
“งั้นมันก็เป็นนายน้อยเจียงหยาง ท่านมาจากเขตกลางของดาวเคราะห์เทียนหมิงงั้นหรือ ? ” กู้หยวนป้องมือพร้อมกับยิ้มออกมา เขาคิดถึงกลุ่มต่าง ๆ บนดาวเคราะห์เทียนหมิงที่อาจจะเกี่ยวข้องกับเจียงหยาง
เจี้ยนเฉินจงใจแสดงท่าทีหยิ่งทะนงออกมา เขาจิบชาที่ทำขึ้นจากสมบัติสวรรค์ที่ล้ำค่าและพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้มาจากดาวเคราะห์เทียนหมิง ข้ามากับผู้อาวุโสจากตระกูลข้า ตอนที่ข้าผ่านดาวเคราะห์เทียนหมิงมา เราก็ได้หยุดที่นี่เพราะผู้อาวุโสต้องการจะมาเยี่ยมคนรู้จัก ข้าชอบอิสระมาโดยตลอดและอยากจะเห็นประเพณีของที่อื่น ๆ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ออกไปกับผู้อาวุโสด้วยและอยู่ท่องดาวเคราะห์เทียนหมิงแทน”
“นายน้อยเจียงหยางช่างสูงส่งและรูปงาม ข้าบอกได้ทันทีว่านายน้อยนั้นโดดเด่น คงไม่ต้องบอกเลยว่าผู้อาวุโสของนายน้อยต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในการบ่มเพาะ” กู้หยวนลองตรวจสอบภูมิหลังของเจี้ยนเฉินแบบอ้อม ๆ
เจี้ยนเฉิน ทำราวกับไม่รู้เรื่อง เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้อาวุโสของข้าเพิ่งจะทะลวงผ่านขึ้นไปยังขั้นบรรพกาลเมื่อไม่กี่ล้านปีก่อน ในตระกูลของข้ามันก็ไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจอะไร เขาจะถือว่าได้เป็นพวกระดับสูงในการบ่มเพาะได้อย่างไร ? ”
มือของกู้หยวนสั่นเมื่อได้ยินแบบนั้น ชาที่เขาพึ่งจะยกถึงกับกระฉอกออกมา สายตาเขาเต็มไปด้วยความตะลึง ราชาเทพคนอื่นในห้องโถงต่างก็ตื่นตกใจเช่นกัน ทุกคนต่างก็มองมาที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเคารพและเกรงกลัว
“ไปกันเถอะ หัวหน้าตระกูลกู้หยวน ไปเดินเล่นด้านนอกกัน พาข้าไปชมทิวทัศน์ที” เจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป มันราวกับว่าโลกหมุนรอบตัวเขา เขาไม่ได้สนใจว่าเจ้าของที่นี่จะสะดวกหรือไม่
แต่ตอนที่กู้หยวนและคนอื่น ๆ เห็นท่าทีของเจี้ยนเฉิน พวกเขาต่างก็พบว่ามันเหมาะสมกับเขาแล้ว
นายน้อยจากกลุ่มระดับสูงอย่างเจี้ยนเฉินมาสนใจตระกูลกัสที่ต่ำต้อยเช่นนี้ชัดแล้วว่าเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องขบคิด
พวกเขาตะลึงกับผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นบรรพกาลที่เจี้ยนเฉินได้พูดถึง พวกเขาต่างก็คิดว่าจะปฏิบัติต่อนายน้อยผู้นี้อย่างดีเพื่อผูกมิตรเอาไว้
“นายน้อยเจียงหยาง เชิญทางนี้” กู้หยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็นำทางเจี้ยนเฉินไป พวกเขาถ่อมตัวกันยิ่งกว่าเดิม แทบจะอุ้มเจี้ยนเฉินด้วยซ้ำ
เจี้ยนเฉินเดินไปภายในบ้านตระกูลกัส เขาเหมือนจะชื่นชมทิวทัศน์โดยรอบ แต่อันที่จริงในใจเขากังวลอย่างมาก อย่างไรเสียตระกูลกัสก็เป็นตระกูลโบราณที่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น ดังนั้นค่ายกลและม่านพลังจึงมีอยู่ทั่วทุกที่ ป้องกันไม่ให้เขาพบอะไรจากการรับรู้วิญญาณได้ ผลก็คือเขาไม่รู้ว่าฉิงยี่หยวนถูกจับตัวไว้ที่ไหน
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉิงยี่หยวนถูกจับตัวไว้ที่นี่รึไม่
โชคร้ายที่เขาไม่อาจะถามเรื่องนี้ได้โดยตรง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็สวมบทบาทนายน้อยของตระกูลใหญ่อยู่ ทันทีที่เขาถามถึงผู้บ่มเพาะที่อยู่ขั้นแลกเปลี่ยน มันก็จะเกิดช่องโหว่ขึ้นและนำไปสู่คำถามที่ไม่อาจจะอธิบายได้
“นายน้อยเจียงหยาง นี่คือที่พักของคนใช้และทหาร ข้าคิดว่าไม่มีเหตุผลที่เราจะไปที่นั่น มันมีแต่จะทำให้เท้าท่านแปดเปื้อน” กู้หยวนพูดขึ้นมาตอนที่กำลังจะเดินผ่านม่านพลัง สีหน้าเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ
นี่เพราะเขตนี้คือเขตที่จัดไว้ให้กับนายน้อยคนโต นายน้อยคนโตของตระกูลกัสเป็นพวกหมกมุ่นในกาม ดังนั้นมันจึงมีการกระทำที่น่าละอายเกิดขึ้นที่นี่บ่อย ๆ
เป็นธรรมดาที่มันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของกู้หยวน แต่หากนายน้อยเจียงหยางที่มีฐานะสูงส่งเห็นเข้า มันคงทำให้เกิดความประทับใจแย่ ๆ ขึ้นมา
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจ เขาเดินหน้าต่อและผ่านโล่พลังไปพร้อมกับสะบัดพัดในมือ
กู้หยวนไม่กล้าจะห้ามอีกฝ่าย เขาได้แต่แอบถอนหายใจและภาวนาให้ไม่มีอะไรแย่ ๆ เกิดขึ้นด้านใน หลังจากนั้นเขาก็เดินตามเจี้ยนเฉินด้วยความอึดอัดใจ
“ปล่อยข้า หากเจ้าแตะต้องข้าอีก ข้าจะทำลายตัวเอง…”
เสียงของผู้หญิงตะโกนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดทันทีที่เขาผ่านม่านพลังเข้าไป
สีหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลงพร้อมกับเจตนาฆ่าที่วาบขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
มันเป็นเสียงของฉิงยี่หยวน