เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2193 : พบกันอีกครั้ง
ตอนที่ 2193 : พบกันอีกครั้ง
หัวหน้าตระกูลกัส กู้หยวน สบถในใจตอนที่ได้ยินเสียงนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองต้องปวดหัวอีกรอบ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เขาก็เข้าใจนิสัยของลูกชายตัวเองดี ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่าผู้หญิงนี่ต้องเกี่ยวข้องกับลูกเขา ถ้าเป็นเวลาอื่น เขาคงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แต่ตอนนี้มันต้องทำให้นายน้อยเจียงหยาง ไม่ประทับใจในตระกูลของเขาแน่ ๆ
เป็นธรรมดาที่กู้หยวนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องการใช้โอกาสนี้ผูกมิตรกับนายน้อยผู้นี้เอาไว้
“นายน้อย มันอาจจะมีการถกเถียงในหมู่คนใช้ ด้วยฐานะที่สูงส่งของท่านแล้ว ที่พักของคนใช้ไม่เหมาะกับท่าน ไปดูที่อื่นกันเถอะ” กู้หยวนที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา
แต่ตอนที่กู้หยวนเพิ่งจะพูดจบ มันก็มีเสียงหื่นกามดังขึ้น
“ฮ่าฮ่า ! ทำลายตัวเองรึ ? ด้วยการบ่มเพาะขั้นผู้แลกเปลี่ยนของเจ้าแล้ว เจ้าต้องการทำลายตัวเองต่อหน้าข้ารึ ? เจ้าไม่ดูถูกข้าไปหน่อยรึไง ? หึหึหึ ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าประทับใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่มีความงดงามเกิดห้ามใจ แต่ที่สำคัญกว่านั้นนางกลับมีความหยิ่งทะนงที่มีแต่ผู้เชี่ยวชาญควรจะมี ข้าได้มาว่าเจ้ามาจากโลกเบื้องล่าง มันหมายความว่าเจ้าคือราชันของโลกด้านล่าง ตัวตนที่ควบคุมชะตาของคนนับไม่ถ้วน ฮิฮิ ข้าชอบผู้หญิงแบบนี้มากที่สุด การได้พิชิตราชันของโลกเบื้องล่างต้องน่าพอใจอย่างมากแน่…”
สีหน้าของกู้หยวนบิดเบี้ยวไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
เจี้ยนเฉินหุบพัดในมือและเดินไปทางห้องโถงนั่นทันที
ตอนที่เขาไปถึงประตู เฮยหยาก็พุ่งเข้าไปที่ประตูเพื่อเปิดมันออกโดยตรง
เจี้ยนเฉินก้าวเข้าไป ทันทีที่เข้าไปในตึก เขาก็เห็นผู้หญิงที่หน้าตางดงามแต่หน้าซีดไปเพราะความโกรธมองไปด้านหน้าของนางอยู่
สีหน้าของนางไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย มันมีแต่ความเกลียดชังและความอาฆาต
เจี้ยนเฉินมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น นางใส่ชุดสีฟ้าชุดเดิมและมีใบหน้าที่ดูคุ้นตา นางคือฉิงยี่หยวนซึ่งเขาเคยเจอที่อาณาจักรทะเล
เมื่อเห็นว่าฉิงยี่หยวนยังไม่เป็นอะไร เจี้ยนเฉินก็โล่งใจขึ้นมา
“เจ้าเป็นใคร ? ใครให้เจ้าเข้ามา ? ”
ตอนนั้นเสียงผู้ชายได้ตะโกนขึ้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนอยู่ข้างฉิงยี่หยวน รอยยิ้มหื่นกามของเขาหายไปเมื่อเจี้ยนเฉินปรากฏตัว สีหน้าของเขาหม่นลงและมองไปที่เจี้ยนเฉิน
“อย่าไร้มารยาท ! ” กู้หยวนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวและมองไปที่ชายหนุ่ม
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงได้มาที่นี่ ? ” ชายหนุ่มแปลกใจกับการมาของกู้หยวน เขารู้ว่าไม่มีทางที่พ่อเขาจะมายังที่แบบนี้ได้
“นี่คือนายน้อยเจียงหยาง ทำไมเจ้าไม่ทักทายเขา ? ” กู้หยวนตะโกนใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะบอกกับเจี้ยนเฉินด้วยท่าทีสุภาพ “นายน้อยเจียงหยาง นี่คือลูกชายที่น่าขายหน้าของข้า กู้เฟิง”
กู้เฟิงไม่ได้โง่เขลา เขาบอกได้จากพฤติกรรมของบิดาว่านายน้อยผู้นี้มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ เขาข่มความไม่พอใจที่มีและมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความแปลกใจและสงสัย ก่อนจะป้องมือเพื่อทำการทักทาย
“แปลกจริง ๆ ข้าอยู่ในที่ห่างไกลของตระกูล ทำไมนายน้อยเจียงหยางที่แม้แต่บิดาของข้ายังต้องสุภาพด้วยถึงได้มายังที่แบบนี้ ? ” กู้เฟิงรู้สึกสับสน
“หืม ? เป็นผู้หญิงที่พิเศษจริง ๆ ! ” เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจกู้เฟิง เขามองไปที่ฉิงยี่หยวนและตาเป็นประกายขึ้นมา เขาสะบัดพัดและเดินวนรอบฉิงยี่หยวนเพื่อตรวจสอบนางด้วยความสนใจ เขาได้ชมออกมา “บุคลิกดื้อด้านที่แม้ว่าจะต้องตายก็ยอม ที่สำคัญที่สุดคือข้าเห็นได้ถึงนิสัยที่มีแต่ในตัวผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเท่านั้นที่มีในตัวนาง ใช่ ผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของข้า”
สีหน้าของกู้เฟิงเปลี่ยนไป ตอนที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง กู้หยวนก็ตะโกนออกมา “มันถือเป็นโชคของนางที่ได้รับความสนใจจากนายน้อย เนื่องจากนายน้อยชอบนาง ข้าตัดสินใจว่าจะมอบนางเป็นของขวัญให้กับนายน้อย”
“ท่านพ่อ…” กู้เฟิงพูดขึ้นมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่หลังจากที่กู้หยวนมองมาที่เขา เขาก็ต้องปิดปากเงียบ
ตอนนั้นฉิงยี่หยวนได้มองไปที่เจี้ยนเฉิน นางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าตามเจ้าไปได้หากเจ้าต้องการให้ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ แต่เจ้าต้องยืนยันว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรอย่างอื่นกับข้า” เพราะการปลอมตัวและการปกปิดพลังของเจี้ยนเฉิน จึงทำให้ฉิงยี่หยวนจำเขาไม่ได้
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาพร้อมกับใช้พัดในมือเชยคางของฉิงยี่หยวนขึ้น เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “นี่คือโลกเซียนไม่ใช่โลกเบื้องล่างที่เจ้าเคยอยู่ระดับสูงสุดมาก่อน เจ้าเป็นแค่ผู้บ่มเพาะขอบเขตดั้งเดิมอันแสนต่ำต้อย เจ้าจะมีสิทธิอะไรมาตั้งเงื่อนไขกับข้า ? ”
สีหน้าของ ฉิงยี่หยวน หม่นลงเมื่อได้ยินแบบนั้นแต่นางก็ยังคงพูดด้วยความดื้อด้าน – “ หากเจ้าไม่ตกลง ข้าก็ยอมตายดีกว่าจะต้องติดตามเจ้า “
“เจ้ายอมตายรึ ? ” มันราวกับว่าเจี้ยนเฉินได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก เขาหัวเราะออกมา “ต่อหน้าข้า แม้แต่ความตายก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกขอบเขตดั้งเดิมอันแสนต่ำต้อยเช่นเจ้า เจ้าไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย”
ตอนนั้นเฮยหยาได้ก้าวเข้ามาและชี้ไปที่หลังของฉิงยี่หยวน ก่อนจะควบคุมนางได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเขาก็กลับไปอยู่ด้านหลังเจี้ยนเฉินพร้อมกับฉิงยี่หยวน
หัวหน้าตระกูลกัสไม่กล้าที่จะคัดค้านแต่อย่างใด เขากลับหลีกทางและก้มหน้ายิ้มให้ เขากลัวที่จะแสดงท่าทีเย็นชาออกมา
เมื่อเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้บรรลุผลแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่นานเขาก็ทำการอำลากู้หยวน และออกไปพร้อมกับฉิงยี่หยวน
“ท่านพ่อ ท่านไม่คิดว่านายน้อยผู้นี้ดูประหลาดไปหน่อยรึ ? จากที่เขาพูด ข้ารู้สึกว่าเขามาที่นี่เพื่อผู้หญิงคนนี้โดยเฉพาะ” นายน้อยของตระกูลกัส กู้เฟิง พูดขึ้นมาด้วยความสงสัยหลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป
“ถูกต้องแล้ว หัวหน้าตระกูล ข้าเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน …” ราชาเทพของตระกูลกัสพูดขึ้นมา
หัวหน้าตระกูลมองไปทางที่เจี้ยนเฉินเดินทางออกไป หลังจากคิดสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า “ มันแปลกนิด ๆ แต่มันมีสองประการที่เรามั่นใจได้ในเรื่องนี้ ประการแรกคือนายน้อยเจียงหยางผู้นี้ไม่ธรรมดา ข้าแอบใช้ทักษะลับดูแล้วแต่ก็ไม่อาจจะเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ มันหมายความว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา”
“ประการที่สองคือผู้คุ้มกันของเขาเป็นถึงราชาเทพช่วงสูงสุดเทพ ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าข้าและผู้อาวุโสสูงสุดเล็กน้อย แต่คนแบบนั้นกลับต้องแสดงความเคารพต่อนายน้อย ความเคารพนี้มาจากก้นบึ้งหัวใจ เขาถือว่าตัวเองเป็นลูกน้องจริง ๆ มันไม่ได้ดูเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย มันหมายความว่ายังไงกัน ? ”
“บางทีนายน้อยผู้นี้คงอยากที่จะสนุกหลังจากที่เห็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวแบบนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรีบกลับไป” ราชาเทพช่วงต้นหัวเราะออกมา
…
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านนอกห้องที่ปกคลุมไปด้วยค่ายกลภายในตระกูลนักรบโลหิต นี่คือตระกูลที่มีฐานะเท่าเทียมกับตระกูลกัส พวกเขาเป็นหนึ่งในสามตระกูลระดับสูงของจักรวรรดิพันใบ
“ท่านบรรพชน ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่ามีนายน้อยของตระกูลระดับสูงปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง เขาได้ไปเยือนตระกูลกัส”
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตระกูลนักรบโลหิตของเรากัน ? ” เสียงอันเย็นชาของบรรพชนดังขึ้นมาจากห้องลับ
“ท่านบรรพชน ตระกูลนักรบโลหิตของเราเทียบเท่ากับตระกูลกัสในด้านความแข็งแกร่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่เราเพียงลำพังจะทำลายตระกูลกัสได้ แต่ข้าคิดว่ามันมีโอกาสมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว”
“เจ้าจะบอกว่าให้ดึงนายน้อยที่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่นั่นเข้ามาเป็นพวกหรือ ? ” บรรพชนพูดขึ้น
“การดึงเขาเข้าพวกอาจจะไม่ได้ผล มันมีวิธีตรงไปตรงมากว่านั้นในตอนนี้ซึ่งคือฆ่านายน้อยและป้ายความผิดให้กับตระกูลกัส แต่มันมีราชาเทพช่วงสูงสุดเทพอยู่กับเขาด้วย เพื่อความปลอดภัยแล้ว ท่านบรรพชนต้องลงมือด้วยตัวเอง”