เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2195 : สู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น
ตอนที่ 2195 : สู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้น
“ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าใครแอบตามข้ามาแต่เมื่อข้ารับรู้ถึงเขาได้ มันก็หมายความว่าผู้ที่อยู่ขอบเขตตั้งต้นคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่อาจจะรับรู้ถึงพวกนี้ได้แน่” เจี้ยนเฉินคิด หลังจากที่ร่างบรรพกาลมาถึงขั้นที่ 13 ความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เพิ่มขึ้นมา ความสามารถในด้านต่าง ๆ ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางรับรู้ได้ถึงคนขอบเขตตั้งต้นที่แอบมองดูเขาอยู่
“ร่างบรรพกาลขั้นที่ 12 ได้เพิ่มพลังในการต่อสู้กับข้าให้มากกว่าสุดยอดราชาเทพบนบัลลังก์ราชาเทพ ตอนนี้ร่างบรรพกาลได้ทะลวงผ่านขึ้นมาอีกครั้ง ข้าสงสัยว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นมาถึงระดับไหน ข้าจะอยู่อันดับหนึ่งของบัลลังก์ราชาเทพได้หรือไม่…”
“ว่ากันว่าสิบอันดับแรกบนบัลลังก์ราชาเทพสามารถรับมือกับพวกขอบเขตตั้งต้นหรืออาจจะฆ่าพวกนั้นได้ ข้าสงสัยว่าข้าจะฆ่าพวกขอบเขตตั้งต้นได้รึยัง….”
“ข้าต้องการผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ใช้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่แอบตามข้ามาละกัน แม้ว่ามันจะเสี่ยงกับการเปิดเผยตัวตน แต่ข้าก็ไม่คิดจะอยู่ที่ดาวเคราะห์เทียนหมิงนานนัก….”
เจี้ยนเฉินได้ออกจากเมืองหลวง เขายังคงบินออกมาด้วยความเร็วที่คงที่แต่ความเร็วนี้กลับน่าตกใจอย่างมาก ไม่นานเขาก็เดินทางได้กว่าล้านกิโลเมตร
แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่ตามเขามาก็ยังไม่ได้แสดงตัว แต่เจี้ยนเฉินรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายยังคงตามเขามาอยู่ มันแค่อีกฝ่ายซ่อนตัวดีเกินไป เพราะดูจากความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้แล้ว เจี้ยนเฉินคงไม่อาจจะหาตัวอีกฝ่ายได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว เจี้ยนเฉินจึงไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ ออกมา เขาถึงกับไม่กล้าใช้การรับรู้ทางวิญญาณด้วยซ้ำ
“คนที่ตามข้ามารู้ว่าข้าเป็นใครหรือเพราะว่าเหตุผลอื่น ? ” คำถามมากมายโผล่มาในหัวของเจี้ยนเฉิน เรื่องนี้มันสำคัญอย่างมากเพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเขาโดยตรง เขาจำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลเรื่องนี้
ตอนที่เจี้ยนเฉินออกห่างจากเมืองหลวงได้ 2 ล้านกิโลเมตร มิติที่เขาอยู่นั้นกลับบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง พื้นดินรอบตัวเขาหายไปและมันถูกแทนที่ด้วยโลกอันแห้งแล้งแทน
เจี้ยนเฉินหยุด เขาทำการตรวจสอบรอบตัวและแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา เขาบอกได้ทันทีว่านี่คือโลกจิ๋วแยกออกจากโลกเซียน เขาถูกดูดเข้ามาในโลกนี้โดยไม่รู้ตัว
เขาไม่ใช่ว่าไม่คุ้นเคยกับโลกจิ๋วนี้เพราะมันมีหลายที่ในทวีปเทียนหยวน ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบต่างก็พักอาศัยอยู่ในโลกจิ๋วที่เปิดขึ้นโดยเซียนจักรพรรดิ
แต่โลกจิ๋วเองก็มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันไป สำหรับแบบที่อ่อนแอ การต่อสู้ระหว่างพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเซียนก็เพียงพอทำให้พังลงได้ ชัดแล้วว่าโลกจิ๋วที่เขาเข้ามานี้ไม่ได้อ่อนแอในด้านความแข็งแกร่ง มิติที่นี่มั่นคงเพียงพอที่จะทนคลื่นพลังของขั้นอสงไขยได้
ตอนนั้นพลังงานอันแข็งแกร่งเส้นหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา จนทำให้มิติในโลกจิ๋วนั้นสั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ พลังงานที่เหมือนกับทะเลได้ปะทุขึ้นไปในอากาศและอัดแน่นกลายเป็นนิ้วขนาดใหญ่ พลังสังหารจำนวนมากที่มันมีได้พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน
นิ้วนี้ทรงพลังอย่างมาก มันมีพลังทำลายล้าง ตอนที่นิ้วนี้ตกลงมา มิติทั้งหมดในโลกจิ๋วกลับเหมือนกลายเป็นภาพพร่ามัว
ใจของเจี้ยนเฉินหล่นวูบ คนที่อยู่ขั้นอสงไขยที่เขาครั้งนี้ไม่ใช่พวกขอบเขตตั้งต้นทั่วไป ชายคนนี้กลับเข้าใจหนึ่งในกฎการโจมตีที่รุนแรงที่สุด กฎแห่งการสังหาร อีกฝ่ายคงกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรด้วยยากกว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้นคู่ต่อสู้ของเขาก็โจมตีออกมาอย่างเด็ดขาด เขาไม่ได้พูดอะไรและโจมตีออกมาเต็มกำลังตั้งแต่ต้น ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องการจะฆ่าเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาพร้อมกับตอบโต้กลับไป พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นพร้อมกับพลังของกฎแห่งกระบี่ได้อัดแน่นขึ้นมารอบตัว เปลี่ยนเป็นเส้นปราณกระบี่ขนาดใหญ่พุ่งปะทะกับนิ้วนั่น
เจี้ยนเฉินไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีในการโจมตี อันที่จริงเขาใช้พลังไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ปลดปล่อยพลังในระดับราชาเทพที่อยู่ในร้อยอันดับแรกบนบัลลังก์ราชาเทพเท่านั้น
ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา เจี้ยนเฉินกระเด็นไปราวกับว่าวที่หลุดลอย เขาชนกับพื้นอย่างแรง หน้าของเขาซีดพร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก เขาเหมือนจะบาดเจ็บสาหัส นอนอยู่กับพื้นยากที่จะลุกขึ้นยืนได้
“เจ้าเป็นใครกัน ? ทำไมเจ้าถึงได้โจมตีข้า ? ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ข้าเป็นใครนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือเจ้าไม่อาจจะรอดไปต่อได้ในวันนี้ นายน้อยเจียงหยาง” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายขึ้นมา วิธีที่ชายคนนี้เรียกเขาทำให้เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าตัวตนของเขายังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งเป็นเรื่องน่าโล่งอก แต่สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขาได้ตะโกนออกมา “ในเมื่อเจ้ารู้จักชื่อข้า เจ้าคงรู้ภูมิหลังของข้าเช่นกัน เจ้าตั้งใจที่จะสังหารข้าจริง ๆ รึ ? แต่สิ่งที่ทำให้ข้าสับสนคือข้าไม่ได้มีศัตรูบนดาวเคราะห์เทียนหมิงแห่งนี้ ทำไมเจ้าถึงคิดจะสังหารข้า ? ”
“เมื่อเจ้าอยากรู้ ข้าก็จะบอกเจ้าก่อนตาย โลกจิ๋วของข้าไม่ใช่โลกจิ๋วธรรมดา ไม่ว่าทักษะลับที่ใช้กับการหนีที่เจ้ามีก็ไร้ประโยชน์ที่นี่ แม้ว่าเจ้าจะมีสมบัติที่โดดเด่นที่ใช้ไว้กับการหนี แต่เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันต่อหน้าข้า ผลก็คือวันนี้เจ้าจบสิ้นแล้ว เหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องฆ่าเจ้า ก็เพื่อป้ายความผิดให้กับตระกูลกัส ตราบใดที่เจ้าตาย เราก็จะป้ายความผิดนี้เพื่อให้ตระกูลกัสถูกทำลาย”
“ข้ารู้ว่าภูมิหลังของเจ้าน่าประทับใจและเจ้าถึงกับมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงคอยหนุนหลัง พวกผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสามารถมองดูความลับสวรรค์ได้ แต่เจ้าควรยอมแพ้กับความคิดนั้นซะ เนื่องจากข้ากล้าพอที่จะลงมือกับเจ้า ข้าก็ต้องมั่นใจที่จะปกปิดร่องรอยนี้ไว้ได้ ซึ่งแม้แต่พวกผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็ไม่อาจจะพบร่องรอยใด ๆ ”
“เจ้ารู้ทุกอย่างที่ควรรู้แล้ว นายน้อยเจียงหยาง ได้เวลาตายของเจ้าแล้ว”
เมื่อพูดจบ พลังงานอันแข็งแกร่งก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เส้นพลังของการสังหารได้แผ่ออกมาโดยรอบก่อตัวเป็นใบมีดขนาดใหญ่ซึ่งควบรวมขึ้นมาจากพลังงานดั้งเดิมและพลังของกฎ มันได้พุ่งเข้าใส่หัวของเจี้ยนเฉิน
ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการจะเสียเวลา เขากลัวว่าอาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อเขาทำเช่นนั้น
สีหน้าลนลานปลอม ๆ ของเจี้ยนเฉินหายไป เขามองดูใบมีดที่มีพลังขอบเขตตั้งต้นซึ่งพุ่งเข้ามาหาตัวอย่างรวดเร็ว เขากลับใจเย็นและมีสติ สายตาเขาดูเย็นชา สายตาเขาเฉียบคมราวกับกระบี่
ต่อมาปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งและคมกริบก็แผ่ออกมาจากตัวของเจี้ยนเฉิน มันส่องประกายเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ตอนนั้นเขาเหมือนจะกลายเป็นคนละคน พลังของเขาปะทุขึ้นไปยังก้อนเมฆพร้อมกับเจตจำนงในการต่อสู้ที่น่าตกใจ
เจี้ยนเฉินต่อยขึ้นไปบนฟ้า พลังบรรพกาลอันแน่นในมือของเขาและปะทะกับใบมีดพร้อมกับพลังกฎแห่งกระบี่ เสียงครวญครางดังขึ้นพร้อมกับโลกจิ๋วที่สั่นไหวเล็กน้อย ใบมีดแตกสลายภายใต้หมัดของเจี้ยนเฉิน มันกลายเป็นพายุพลังงานที่กระจายออกไปโดยรอบ
เจี้ยนเฉินนั้นกลับกัน เขาราวกับเทพสงครามที่ไม่อาจจะมีใครเอาชนะได้ มันไม่หลงเหลือร่องรอยบาดเจ็บก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย พลังของเขาปะทุออกมาและทนรับพายุพลังงานเอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า นัยน์ตาเขาดูน่าทึ่งราวกับมีแสงปะทุออกมา
“จะ เจ้า…” การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่ซ่อนอยู่แปลกใจ นายน้อยเจียงหยางที่ควรต้องตายกลับแสดงพลังต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อออกมาได้
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจท่าทีตกใจของอีกฝ่าย เขาลอยอยู่ในอากาศพร้อมพลังของกฎแห่งกระบี่ที่ได้มารวมตัวกันและพลังบรรพกาลที่ปะทุภายในตัว เส้นปราณกระบี่สีเทาขนาดใหญ่อัดแน่นขึ้นมาในมือเขา จู่ ๆ เขาก็ฟันมันเข้าใส่มิติตรงหน้าเขา
ครั้งนี้ เจี้ยนเฉินไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย เขาปลดปล่อยพลังขั้นที่ 13 ออกมา การโจมตีแบบนี้เหมือนจะแยกโลกออกเป็นสองส่วนได้และทำให้ทุกคนต้องหน้าซีดด้วยความกลัว มันเกินระดับของราชาเทพจนขึ้นมาถึงขอบเขตตั้งต้น
โลกจิ๋วสั่นไหวรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นที่ซ่อนตัวอยู่ถูกบังคับให้ออกมาโดยการโจมตีของ เจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น
เขาคือชายวัยกลางคนในชุดสีแดงและมีผมยาวถึงเอว ตอนนี้เขามองมาที่นายน้อยเจียงหยางด้วยความตกตะลึง เขาทั้งตกใจและสับสน