เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2221: ความสงสัยเกี่ยวกับตัวตน - novel-lucky

ตอนที่ 2221: ความสงสัยเกี่ยวกับตัวตน

โมเทียนหยุนมองเจี้ยนเฉินด้วยความชื่นชมและถอนหายใจด้วยอารมณ์อ่อนไหว “เมื่อร่างโคลนของข้าเห็นเจ้าใกล้กับศิลาเซียนหยินหยาง เจ้ายังไม่ได้อยู่ใกล้กับขอบเขตเทพเลย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในเวลาเพียงไม่กี่ศตวรรษ เจ้าจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในโลกเซียน”

“ตอนนี้นอกเหนือจากนักบวชที่ยังคงอยู่อย่างสันโดษ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของเจ้าในโลกเซียน” โมเทียนหยุนยิ้มอย่างลึกลับเมื่อพูดจบ

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างงุ่มง่าม เขารู้ว่าโมเทียนหยุนหมายถึงเงินรางวัลค่าตัวจากราชาเผิงสีฟ้าและบรรพชนกระบี่เดียวดาย

อันที่จริงแล้วคนที่เป็นเพียงราชาเทพที่ถูกหมายหัวโดยผู้เชี่ยวชาญสูงสุดสองคนของโลกเซียน ราชาเผิงสีฟ้าและบรรพชนกระบี่เดียวดาย นำมาสู่ความโกลาหล มันเพิ่มความสนใจอย่างมากให้กับองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน ท่านพบข้าได้อย่างไร ? ท่านเป็นส่วนหนึ่งของโถงเซียนธาตุแสงหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินกล่าวถึงความสงสัยของเขา

“ข้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโถงเซียนธาตุแสง แต่การตามหาเจ้านั้นไม่มีอะไรยาก” โมเทียนหยุนยิ้มอย่างลึกลับ เขามองเจี้ยนเฉินอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “เจ้ายังจำวัตถุเซียนที่เป็นรูปร่างหอคอยที่เจ้าได้รับจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในทวีปเทียนหยวนได้หรือไม่ ? ”

“แน่นอนข้าจำได้” เจี้ยนเฉินกล่าว ววัตถุเซียนธาตุแสงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับข้าในโลกที่ต่ำกว่า มันก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้น 9 ได้

อย่างไรก็ตาม คุณภาพของวัตถุเซียนหอคอยธาตุแสงนั้นมีจำกัด เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น วัตถุเซียนหอคอยธาตุแสงก็ค่อย ๆ ไร้ประโยชน์ เขาจึงไม่เคยใช้มันเลยหลังจากมาถึงโลกเซียน

“เหตุผลที่ข้าสามารถตามหาเจ้าเจอในโลกเซียนอันกว้างใหญ่ไพศาลเป็นเพราะวัตถุเซียนธาตุแสง”

“ในอดีตร่างโคลนของข้าเข้าไปในวัตถุเซียนธาตุแสงในโลกที่ต่ำกว่าและทำลายผนึกภายในวัตถุเซียนธาตุแสงในขณะที่ข้าอยู่ที่นั่น ปลดปล่อยพลังงานเซียนธาตุแสงที่ติดอยู่ที่นั่น เมื่อข้าทำลายผนึก ข้าจึงทิ้งรอยประทับที่คลุมเครือเอาไว้ ข้าจึงสามารถตามหาเจ้าเจอในโลกเซียนตราบใดที่เจ้ายังคงครอบครองวัตถุเซียนธาตุแสง” โมเทียนหยุนกล่าว

“นั่นหมายความว่าผู้อาวุโสรู้ทันทีที่ข้ามาถึงโลกเซียนหรือ ? ” เจี้ยนเฉินกล่าว ในเวลาเดียวกันในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าผนึกในวัตถุเซียนธาตุแสงซึ่งแม้แต่วัตถุวิญญาณก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถูกโมเทียนหยุนทำลาย

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกขอบคุณโมเทียนหยุนอย่างมาก

ท้ายที่สุดถ้าไม่ใช่เพราะผนึกที่ถูกทำลาย เขาจะไม่สามารถกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 9 ได้

โมเทียนหยุนส่ายหน้า “ข้าไม่รู้แน่ชัดว่าเจ้ามาถึงโลกเซียนเมื่อไหร่เพราะรอยประทับที่ข้าทิ้งไว้ในวัตถุเซียนธาตุแสงนั้นสามารถสัมผัสได้ด้วยทักษะลับที่สอดคล้องกันเท่านั้น”

…

เจี้ยนเฉินรู้สึกดีใจอย่างยิ่งเมื่อผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในทวีปเทียนหยวนปรากฏขึ้นในทันใด หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็วางโต๊ะหินด้านนอกที่พักและนั่งอยู่ที่นั่นกับโมเทียนหยุนภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดและเต็มไปด้วยดวงดาว พวกเขาเริ่มบทสนทนาที่ยาวนาน

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน ข้ามีบางอย่างที่ข้าอยากจะถาม พยัคฑ์ปีกเทวะที่ปรากฏตัวในทวีปเทียนหยวนในสมัยโบราณควรเป็นคนเดียวกันกับผู้อาวุโสโมเทียนหยุนใช่หรือไม่ ? หรือเขาอาจจะเป็นร่างโคลนของอาวุโสโมเทียนหยุน ? ” เจี้ยนเฉินถาม เจี้ยนเฉินค่อย ๆ เกิดความสงสัยขึ้นจากความเข้าใจในเรื่องที่ผ่านมาในทวีปเทียนหยวน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่แน่ใจ

“เจ้าบรรลุข้อสรุปนี้ได้อย่างไร ? ” โมเทียนหยุนถามอย่างใจเย็น

เจี้ยนเฉินจดจ่ออยู่กับความคิดของเขาก่อนที่จะพูดช้า ๆ “ประการแรก, หนึ่งในสี่ผู้ชนะในอดีตมีบันทึกการเติบโตสำหรับเทพเจ้าสงครามเอ่อหยินแห่งร้อยเผ่าพันธุ์และเทพเจ้าแห่งท้องทะเลแห่งเผ่าพันธุ์ทะเล มีเพียงท่านและพยัคฆ์ปีกเทวะเท่านั้นที่ปรากฏตัวออกมา และท่านก็มีพลังยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิ ไม่มีบันทึกการเติบโตของท่านในบันทึกโบราณเลย”

“ประการที่สอง, โลกที่ทวีปเทียนหยวนตั้งอยู่นั้นถูกผนึกไว้เมื่อสามล้านปีก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามไปถึงขอบเขตดั้งเดิม เหตุผลที่เทพเจ้าสงครามสามารถเข้าถึงขอบเขตดั้งเดิมได้เพราะสายเลือดที่ทรงพลังของเขา ในขณะที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลสามารถไปถึงขอบเขตดั้งเดิมได้เพราะนางเหมือนกับเสี่ยวหลิง จิตวิญญาณตามธรรมชาติ.และจิตวิญญาณจากธรรมชาติล้วนอยู่ในขอบเขตดั้งเดิมทันทีที่เข้ามามีชีวิตอยู่โดยไม่ถูกผูกมัดจากโลก”

“ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าสงครามเอ่อหยินหรือเทพธิดาทะเลมีเหตุผลทั้งหมดสามารถเข้าถึงขอบเขตดั้งเดิมได้ มีเพียงผู้อาวุโสโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะที่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย นี่ทำให้ท่านสองคนคล้ายกันมาก”

“ประการที่สามเมื่อข้าดูบันทึกต่าง ๆ ข้าค้นพบว่าหลังจากที่พยัคฆ์ปีกเทวะได้หายไปจากทวีปเทียนหยวนพร้อมตระกูลมังกรและนกฟีนิกซ์แล้ว ผู้อาวุโสโมเทียนหยุนก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน”

โมเทียนหยุนยิ้มอย่างลึกลับ “เจ้าตัดสินใจแล้วจากจุดนั้นว่าข้าคือพยัคฆ์ปีกเทวะใช่หรือไม่ ? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเมื่อพยัคฆ์ปีกเทวะจากไปพร้อมกับตระกูลมังกรและนกฟีนิกซ์ ข้าก็ไปเฝ้าดูมันที่ศิลาเซียนหยินหยาง ? ”

“แต่ท่านส่งร่างโคลนไปเฝ้าดูศิลาเท่านั้น และร่างโคลนก็อาจจะเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะได้เช่นกัน” เจี้ยนเฉินจ้องโมเทียนหยุนด้วยความสนใจและพูดต่อว่า “แน่นอน นี่ไม่เพียงพอที่จะอธิบายว่าผู้อาวุโสเป็นคนเดียวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมข้าถึงได้ข้อสรุปนี้ก็เพราะเสี่ยวหลิง”

“เสี่ยวหลิง” ดวงตาของโมเทียนหยุนหรี่ลงเมื่อเขาได้ยินชื่อของเสี่ยวหลิง และจิตสังหารที่ไม่สามารถตรวจจับได้สะบัดผ่านดวงตาของเขา

โดยธรรมชาติแล้วจิตสังหารนั้นไม่ได้มุ่งไปที่เสี่ยวหลิง แต่เป็นปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ !

“ในอดีตตอนที่ข้าอยู่ในเมืองทหารรับจ้าง เสี่ยวหลิงเคยสัมผัสถึงพลังแห่งการมีอยู่ของผู้อาวุโสจากข้า แต่ผู้อาวุโสได้หายไปจากทวีปเทียนหยวนมาเป็นเวลาหลายล้านปี ข้าจะติดต่อกับผู้อาวุโสได้อย่างไร ? ในเวลานั้นแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวหลิงถึงสัมผัสพลังแห่งการมีอยู่ของผู้อาวุโสจากข้าได้ แต่หลังจากนั้นเมื่อข้าแข็งแรงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นและเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดข้าจึงตระหนักว่าพลังแห่งการมีอยู่ที่เสี่ยวหลิงสัมผัสได้จากข้าคือพลังแห่งการมีอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะในวัยเยาว์”

“ในเวลานั้นพยัคฆ์ปีกเทวะเพิ่งเกิดไม่นาน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของมันได้ ข้าได้ใช้เวลากับพยัคฆ์ปีกเทวะด้วยเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงมีร่องรอยของพลังแห่งการมีอยู่ของมัน เมื่อเสี่ยวหลิงบอกว่านางสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของเจ้านายของนางในตอนนั้น มันคือการที่นางสัมผัสถึงพลังแห่งการมีอยู่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ”

“พลังแห่งการมีอยู่นี้เป็นของพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่สำหรับผู้คนที่แตกต่างกันในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นสาเหตุที่เสี่ยวหลิงกล่าวว่าพลังแห่งการมีอยู่นั้นจางมาก หลังจากนั้นเมื่อพยัคฆ์ปีกเทวะเติบโตขึ้น เขาเรียนรู้ที่จะปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ และพลังแห่งการมีอยู่ของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นสาเหตุที่เสี่ยวหลิงล้มเหลวในการรับรู้อะไรจากพยัคฆ์ปีกเทวะได้อีกต่อไป”

“และมีอีกหนึ่งจุด ขนสัตว์ 18 ชิ้นที่แพร่กระจายไปทั่วโลกควรมาจากพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่เมื่อรวมกันแล้ว มรดกของผู้อาวุโสก็ปรากฏขึ้น – เส้นทางแห่งการสังหาร ! ”

“ผู้อาวุโสเข้าใจเส้นทางแห่งการสังหาร ในขณะที่มรดกที่พยัคฆ์ปีกเทวะได้รับในโถงสัตว์เทวะก็เป็นเส้นทางแห่งการสังหาร … ”

เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดต่อ เขามองโมเทียนหยุนอย่างเงียบ ๆ แทน