เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2233: ยอดเขาหิมะ
ตอนที่ 2233: ยอดเขาหิมะ
จำนวนเม็ดยาที่โมเทียนหยุนให้มานั้นถูกเจี้ยนเฉินใช้ไปอย่างมากทุก ๆ วัน แต่หลังจากที่กินยาจำนวนมาก การฟื้นฟูพลังวิญญาณของเจี้ยนเฉินนั้นก็เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น วิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกวันโดยมีพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นในระดับที่รวดเร็วอย่างมาก
หลังจากที่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เจี้ยนเฉินก็ยังคงนั่งอยู่ที่โลกจิ๋วราวกับรูปปั้น ท้ายที่สุดเขาก็หยุดการรักษา ในขณะนี้เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาลืมตา สายตาของเขาก็มีความลึกลับอย่างมาก พลังปราณของเขากลายเป็นหลุมน้ำวนภายในลูกตาของเขาทำให้เขามีความรู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขาอาจจะถูกดูดเข้าไปในความมืดที่ไม่สิ้นสุด
เจี้ยนเฉินไม่พบสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ การเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเขาเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่เขาพบ นั่นก็คือสภาพแวดล้อมรอบ ๆ หรือแม้แต่จักรวาลก็ดูแตกต่างจากเมื่อก่อน
เขาไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามันแตกต่างกันอย่างไร มันเป็นเพียงความรู้สึกของเขาที่เขาได้สัมผัสหลังจากที่พลังบรรกาลที่แท้จริงซึ่งได้หลอมรวมเข้ากับวิญญาณของเขา
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้อย่างละเอียดจริง ๆ
“พลังวิญญาณของข้าฟื้นกลับมาแล้ว แต่วิญญาณของเขาก็มีขนาดเพียงแค่ครึ่งเดียว หากข้าต้องการเติมเต็มในส่วนที่หายไป มันก็เกือบเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ข้าจะฟื้นฟูวิญญาณอีกครึ่งที่หายไป” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นและจ้องไปยังส่วนลึกของมิติ ความรู้สึกของเขาค่อนข้างผสมปนเป
หลังจากที่เขาฟื้นพลังวิญญาณของเขาแล้ว เขารับรู้ได้ลาง ๆ ถึงวิญญาณอีกครึ่งของเขา เขารู้สึกถึงตำแหน่งโดยประมาณและเขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินรู้ว่าอีกวิญญาณอีกครึ่งของเขาได้มีความรู้สึกแล้ว ในขณะที่เขารับรู้ตำแหน่งของมัน มันก็สามารถรับรู้ตำแหน่งของเขาได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตามหาอีกวิญญาณอีกครึ่งได้ด้วยตัวเอง
ความจริงที่ว่าวิญญาณอีกครึ่งนั้นอยู่ห่างจากเขามากในตอนนี้ แต่ตราบใดที่เขารู้สึกว่าเขาเข้าใกล้มัน เขาเชื่อว่ามันต้องหนีไปไกล
“เห้อ~” เจี้ยนเฉินถอนหายใจเบา ๆ เขาไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป เขาสวมหน้ากากของโมเทียนหยุนแทน
หน้ากากนั้นพิเศษอย่างมาก ทันทีที่เขาสวมมัน เขารู้สึกถึงพลังลึกลับที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา พลังนี้ตรวจจับได้ยากอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะการเปลี่ยนแปลงของวิญญาณของเขาจากพลังบรรพกาล เขาจะไม่อาจสัมผัสพลังลึกลับนี้ได้ แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากก็ตาม
เจี้ยนเฉินควบคุมหน้ากากเพื่อที่จะปรับให้เข้ากับรูปลักษณ์ของเขาอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะหยิบยันต์ที่เขาได้รับจากโมเทียนหยุนและใช้ยันต์ด้วยพลังของเขา
เมื่อเจี้ยนเฉินปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็กลับไปอยู่ในห้องของโถงเซียนธาตุแสงบนที่ราบรกร้าง มันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เขาออกมากับโมเทียนหยุน
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขากับไปที่พัก เจี้ยนเฉินก็ขมวดคิ้ว ที่พักของเขาแตกต่างจากแต่ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างสิ้นเชิง ที่พักของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเศษดินและหิน ผนังที่ราบเรียบรอบ ๆ ก็มีรอยร้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมาย
ที่พักของเขาในตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นซาก มันไม่ได้ดูเป็นสถานที่ที่เหมือนกับจะมีไว้เพื่ออยู่ แม้แต่ค่ายกลง่าย ๆ ที่เขาทิ้งเอาไว้ที่หน้าทางเข้าก็ถูกทำลาย ทางเข้ากว่าครึ่งกลายเป็นหลุมบ่อ
เจี้ยนเฉินมองดูที่พักที่กลายเป็นซากอย่างสงบ อย่างไรก็ตามมีความเย็นชาในดวงตาของเขา เผยให้เห็นว่าเขาไม่สงบเหมือนกับที่เขาแสดงออกมา
นี่เป็นบ้านของเขาซึ่งแยกตัวออกมาเพื่อบ่มเพาะ จากความรู้สึกบางอย่าง มันเป็นบ้านของเขาจริง ๆ แต่บางคนก็ทำให้มันกลายเป็นซาก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอารมณ์ดี
เจี้ยนเฉินเดินออกจากบ้านอย่างสงบ เขาไม่ได้ใช้สัมผัสวิญญาณของเขา แต่ด้วยสัมผัสของเขาเขาพบไป๋หยู ผู้ที่ซึ่งกำลังเดินทางที่บ้านพักของเขา
วิญญาณของเจี้ยนเฉินไม่ได้สมบูรณ์อีกต่อไป แต่มันมีพลังมากกว่าที่เคยเป็นมา ก่อนที่เขาจะแยกกับโมเทียนหยุน เขาใช้เพียงแต่สัมผัสวิญญาณของเขาและเขาสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนภูเขาและพบว่าหานซินกำลังบ่มเพาะ
แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้สัมผัสวิญญาณอีกแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะตรวจจับสิ่งใด ๆ ก็ตามที่อยู่บนภูเขา เขาสามารถบอกได้เลยว่าหานซินอยู่ตรงไหน
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการปรากฏตัวของหานซินนั้นอ่อนแอ เขาได้รับบาดเจ็บอย่างมากขณะที่รักษาตัวอยู่ในบ้านของเขาที่ยอดเขา
“อ่า ศิษย์น้อง เจ้ากลับมาแล้ว ? ”
ไป๋หยูบินมาขณะที่มีพลังเซียนธาตุแสงล้อมรอบ ทันทีที่นางมาถึงด้านนอกที่พักของเจี้ยนเฉิน นางก็เห็นเจี้ยนเฉินได้ในแวบแรก นางอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาทันที
“ศิษย์น้อง มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าออกไป ? มีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บ ? ใครทำร้ายเจ้า ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ไป๋หยูและถามอย่างใจเย็น
“ฮึ่ม? ศิษย์น้อง เจ้าพูดว่าข้าได้รับบาดเจ็บ ? ” ไป๋หยูจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ นางฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บของนางมากกว่าเก้าในสิบส่วนแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เลย นางมั่นใจว่าการฟื้นฟูของนางมากพอแล้ว ซึ่งแม้แต่อาจารย์ของนาง หานซิน ก็ไม่อาจบอกได้ว่านางบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องนี้ ศิษย์น้องของนางกลับทราบว่านางบาดเจ็บจากการมองเพียงแวบเดียว มันทำให้ไป๋หยูประหลาดใจอย่างมาก
“บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น ? ” เจี้ยนเฉินถาม
ไป๋หยูหน้าหมองทันที ใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พลางกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะยอดเขาหิมะ ปรมาจารย์ยอดเขาหิมะ เขากับอาจารย์ของเรามีความขัดแย้งกัน ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ปรมาจารย์ยอดเขาหิมะมาสร้างปัญหาให้กับยอดเขาทะยานเมฆของเรา ทำให้อาจารย์บาดเจ็บจากการต่อสู้ หลังจากที่อาจารย์ของเราได้รับบาดเจ็บ ลูกศิษย์ของยอดเขาหิมะก็มายั่วยุยอดเขาทะยานเมฆครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขามาท้าทายศิษย์พี่จ้าวเฟิงและข้า หากเราไม่รับคำท้า พวกเขาจะพูดจายั่วยุพวกเรา ศิษย์พี่จ้าวเฟิงและข้าไม่อาจทนได้ ดังนั้นเราจึงยอมรับคำท้าทายเหล่านั้น ท้านที่สุดเราก็ได้รับบาดเจ็บจากฝีมือลูกศิษย์ของยอดเขาหิมะ”
ดวงตาของไป๋หยูกลายเป็นสีแดงเล็กน้อยและบวมออกมาเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เมื่อนางคิดถึงการทุบตีอย่างทารุณที่นางได้รับจากบรรดาลูกศิษย์ของยอดเขาหิมะ
“หลังจากที่มารบกวนศิษย์พี่และข้าแล้ว พวกเขาก็ยังไม่พอใจ พวกเขาสำรวจทั่วทั้งหุบเขาและพบบ้านพักของเจ้าที่เจ้าสร้างมาอย่างยากลำบาก พวกเขาต้องการบังคับให้เจ้าออกไป แต่โชคดีที่เจ้าไม่ได้อยู่ในบ้าน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะอยู่ในสภาพที่แย่กว่าศิษย์พี่”
“ศิษย์พี่บาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะมีแกนวิญญาณสามสีแต่ก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าที่เขาจะหายขาด พวกเขาไม่ได้ทำร้ายข้ามาก ดังนั้นอาการของข้าจึงดีขึ้นมากแล้ว”
“ยอดเขาหิมะ ! ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นไพล่มือไปข้างหลังขณะที่เขาฟังไป๋หยูเล่าเรื่องราวทั้งหมด มีแสงเย็นชาแว่บผ่านแววตาของเขา ขณะที่เขาคำรามออกมา “มีกี่คนและพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ? ”
“มีลูกศิษย์จากยอดเขาหิมะ 5 คน ข้าได้ยินมาว่าผู้มีพลังมากที่สุดอยู่ในโถงเซียนธาตุแสงมาแล้วกว่า 200 ปี เขามีแกนวิญญาณสี่สีและได้เข้าใจกฎแห่งศรัทธาจนกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของยอดเขาหิมะ อย่างไรก็ตามศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้มา แต่เป็นศิษย์พี่รองของเขาที่นำพวกนั้นมา” ไป๋หยูกล่าว