เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2235: ข้าจะมอบคำอธิบายให้เจ้า
ตอนที่ 2235: ข้าจะมอบคำอธิบายให้เจ้า
แต่มันกลายเป็นความผิดหวังของเหวินเฉิงและคนอื่น ๆ พวกเขาไม่เห็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาไม่เห็นเจี้ยนเฉินตกลงกับพื้นเมื่อหินแตก แต่กลับมาลอยอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาพร้อมกับพลังเซียนธาตุแสง เขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
แม้แต่ฝุ่นก็ไม่เปื้อนสักนิด มันถูกป้องกันจากแสงที่อ่อนโยนรอบ ๆ เจี้ยนเฉิน ทำให้เขาไม่มีรอยเปื้อนใด ๆ
เหวินเฉิงขมวดคิ้วทันทีที่เขาเห็นสิ่งนี้ ท่าทีของศิษย์รองของยอดเขาทะยานเมฆนั้นแตกต่างจากที่เขาคิด
ในตอนนี้พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ เจี้ยนเฉินค่อย ๆ แยกย้ายกันไป เขาลืมตาและมองไปที่กลุ่มเหวินเฉิงด้วยสายตาที่เย็นชา เขาตะโกน “การแทรกแซงการบ่มเพาะใครบางคนที่กำลังบ่มเพาะ จะทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรง หากเจ้าไม่พอใจกับใครสักคนก็ยังไม่มีใครทำกันถึงขั้นนี้ในโลกเซียน”
“เมื่อมีคนแทรกแซงขณะที่คนอื่นบ่มเพาะ ความบาดหมางก็จะเกิดขึ้นแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกันในตอนแรก ยิ่งไปกว่านั้นการร้องเรียนก็จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ! ”
น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินนั้นเย็นชาและหนักแน่น
The Radiant Saint Master who shattered the rock under Jian Chen sneered, “Really? Then doesn’t that mean there’s a huge grievance between us now?”
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ทำลายหินที่เจี้ยนเฉินนั่งเย้ยหยัน “งั้นหรือ ? นั้นไม่ได้หมายความว่าตอนนี้พวกเขาผิดใจกันแล้ว ? ”
จากศิษย์ทั้งห้าของยอดเขาหิมะ เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่พุ่งเข้าร่วมเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้เขายังมีแกนวิญญาณหนึ่งสี แต่เขาก็ไม่ได้จริงจังกับเจี้ยนเฉิยนนัก เขายั่วยุออกมาว่า “เจ้าต้องเป็นศิษย์พี่รองของยอดเขาทะยานเมฆใช่หรือไม่ ? แต่เจียงหยาง ตอนนี้เรามีความบาดหมางอยู่แล้ว ความบาดหมางนี้ก็มากกว่าที่เจ้าคิด เจ้าจะทำอะไรได้ ? ”
เจี้ยนเฉินยืนโดยเอามือไพล่หลังและปรากฏอยู่ห่างจากกลุ่มของเหวินเฉิงไป 20 เมตร ชุดขาวของเขานั้นไม่มีรอยเปื้อนใด ๆ ขณะที่เขาพูดว่า “มีคนจำนวนมากที่ต้องการบาดหมางกับข้าด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง แต่หลายคนก็ตายไปแล้ว พวกเขาตายด้วยน้ำมือของข้า” เจี้ยนเฉินพูดอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างมาก
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจศิษย์จากยอดเขาหิมะนักในตอนแรก แต่เขาบังเอิญได้ยินทุกสิ่งที่พวกเขาพูดขณะเดินทางเข้ามา
นี่เป็นเพราะบางอย่างเกิดขึ้นกับวิญญาณของเจี้ยนเฉิน ทำให้ประสาทสัมผัสของเขาอยู่ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ ไม่มีอะไรที่เกิดในยอดเขาทะยานเมฆจะหลบพ้นหูตาของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของเหวินเฉิงเกี่ยวกับไป๋หยูหรือจ้าวเฟิงหรือแม้แต่หานซินที่รักษาตัวอย่างเงียบ ๆ เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน
เมื่อรวมกับเหวินเฉิงแล้ว ศิษย์จากยอดเขาหิมะก็ประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่กลัว หลังจากที่พวกเขาประหลาดใจแล้ว พวกเขาก็หัวเราะออกมาอย่างดัง ๆ พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินราวกับกำลังมองคนโง่เขลา
“ข้าเห็นเคยเห็นคนยโส แต่ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ต้องมีความกล้ามากแค่ไหนสำหรับคนที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีในการพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้….”
“เขาคิดว่าเขาเป็นใคร ? แม้แต่ศิษย์พี่รองก็ไม่กล้าพูดอย่างเขา เขาไม่รู้หรือว่าเขากำลังเผชิญกับอันตรายอยู่….”
“ศัตรูของเขาในอดีตอาจจะไม่ใช่มนุษย์ที่มีการบ่มเพาะมาก่อน การจัดการกับคนธรรมดานั้นด้วยความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นมันก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…..”
ศิษย์ของยอดเขาหิมะเย้ยหยันทั้งหมด พวกเขาไม่กลัวคำพูดข่มขู่ของเจี้ยนเฉินเลย
“ศิษย์น้องห้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีปัญหาโดยบังเอิญ” ศิษย์พี่รองของยอดเขาหิมะเหวินเฉิงหัวเราะเยาะเจี้ยนเฉินอย่างหนัก ขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉิน
ศิษย์น้องห้าก็หัวเราะเช่นกันเขากล่าวว่า “ดูเหมือนว่าคน ๆ นี้จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ข้าไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือข้าไม่กลัวปัญหา ดังนั้นยิ่งข้าไม่อาจทำให้เขาขุ่นเคืองได้มากเท่าไร ข้าก็ต้องทำให้เขาขุ่นเคืองมากเท่านั้น” เมื่อถึงตอนนี้ศิษย์น้องห้าก็ควบคุมพลังเซียนธาตุแสงในทันทีและมาถึงด้านหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตา แสงสีขาวนวลปกคลุมอยู่ในมือของเขาขณะที่เขาตบหน้าเจี้ยนเฉินตรง ๆ
การตบหน้านี้เป็นสิ่งที่น่าอับอายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครบางคน เห็นได้ชัดว่าศิษย์น้องห้าคนนี้ไม่ได้มีความเคารพใด ๆ ต่อเจี้ยนเฉินเลย เขาใช้วิธีการชั่วร้ายนี้ตั้งแต่ต้นเพื่อทำให้เจี้ยนเฉินเสียเกียรติ
สายตาของเจี้ยนเฉินนั้นเย็นชา เขาอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเลยสักนิด เขายกมือที่ปกคลุมไปด้วยพลังเซียนธาตุแสง เขาตบออกไปเร็วยิ่งกว่าศิษย์น้องห้าเสียอีก
เพียะ !
เสียงตบนั้นดังมาก เจี้ยนเฉินตบหน้าศิษย์น้องห้าก่อนที่มือของเขาจะมาถึงเจี้ยนเฉินและหยุดอยู่ห่างจากใบหน้าของเจี้ยนเฉิน มันทำให้เขากระเด็นออกไป
เหวินเฉิงและศิษย์อีกสองคนก็ประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขามองดูศิษย์น้องห้าของพวกเขากระเด็นออกไปหลายเมตร ใบหน้าของเขาดูว่างเปล่า
ศิษย์น้องห้าของยอดเขาหิมะขยับเท้าของเขาด้วยความกลัว เสื้อคลุมสีขาวของเขาเต็มไปด้วยดิน ขณะที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยรอยช้ำเลือดและฟันของเขาก็หักออกมา และเขาก็จ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“จะ-เจ้าคนขลาด เจ้ากล้าตบข้างั้นรึ ! ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า ! ” ศิษย์น้องห้าของยอดเขาหิมะโกรธมาก เขาเต็มไปด้วยความอัปยศ ในขณะที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับจิตสังหาร
หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน ราวกับว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว เขาใช้ทักษะธาตุแสงเพื่อโจมตีเจี้ยนเฉินด้วยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมด
เจี้ยนเฉินเยาะเย้ยและใช้ทักษะธาตุแสงเพื่อรับการโจมตี แม้ว่าความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นจะอยู่ในระดับแกนวิญญาณหนึ่งสี แต่พลังการต่อสู้ของเขานั้นเกิดกว่าค่าแกนวิญญาณหนึ่งสี แม้จะไม่ใช่กฏแห่งศรัทธา ศิษย์น้องห้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เพียะ !
พร้อมกับเสียงที่ดังฟังชัด ฝ่ามือของเจี้ยนเฉินได้ตบไปที่ใบหน้าอีกข้างของศิษย์น้องห้าทำให้เขากระเด็นกลับไปอีกครั้ง
ศิษย์น้องห้าของยอดเขาหิมะตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวช เห็นได้ชัดว่าการตบครั้งนี้มีพลังมากกว่าครั้งก่อน มันเพียงแต่ทำให้เขาใบหน้าของเขาเละ แต่เขาก็ยังตกตะลึงด้วย เขาล้มและหมดสติลงทันที
“หยุด ! ”
“เจ้าอย่ากล้าให้มันมากนัก เจียงหยาง ! ”
…
ตอนนี้เหวินเฉิงและคนอื่น ๆ จะรู้สึกตัวอีกครั้ง พวกเขาโมโหอย่างมากและตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง พวกเขาสองคนพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินตรง ๆ
“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รังแกศิษย์น้องของข้า นี่คือดินแดนของยอดเขาทะยานเมฆของเรา ไม่ใช่ยอดเขาหิมะของเจ้า หากเจ้าต้องการสร้างปัญหา ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า” ตอนนี้ไป๋หยูผู้ที่ได้ยินเสียงก็รีบมาที่นี่แต่ไกล ๆ ก่อนที่นางจะมาถึง นางก็ตะโกนออกมาแล้ว
ไป๋หยูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อนางรู้ว่าเจี้ยนเฉินทะลวงแกนวิญญาณหนึ่งสีแล้ว เขาเป็นระดับล่างของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีด้วยการบ่มเพาะในระดับนั้น แต่แม้จะเป็นศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของยอดเขาหิมะ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนนั้นก็ยังเป็นคนที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีมาหลายปี ทำให้นางเชื่อว่าเจี้ยนเฉินจะต้องเป็นคนที่โดนรังแกหากเกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขา
เมื่อได้ยินเสียงร้องของไป๋หยู เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 2 คนที่พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินเพื่อพยายามทำร้ายเขาก็หยุดชะงักอย่างรุนแรง พวกเขาไม่กลัวหานซิน พวกเขาคิดถึงกฏที่ว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งจะต้องไม่รังแกศิษย์คนที่อ่อนแอกว่า
พวกเขาทั้งสองเป็นคนที่แกนวิญญาณสองสี หากพวกเขาโจมตีศิษย์ที่มีแกนวิญญานหนึ่งสีที่นี่ มันจะเป็นการทำลายกฏของโถงเซียนธาตุแสง พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
มันเป็นเพราะคนที่ทำลายหินที่เจี้ยนเฉินนั่งก่อนหน้านี้คือศิษย์น้องห้าที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขาซึ่งเป็นคนที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นศิษย์น้องห้าบาดเจ็บสาหัสและได้ยินเสียงตะโกนของไป๋หยู ศิษย์ทุกคนก็แสดงออกถึงความสนใจอย่างมาก
ไป๋หยูมาถึงด้านหน้าเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูง อย่างแรกนางสำรวจเขาอย่างระมัดระวังและนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขาสบายดี หลังจากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยร่างเล็ก ๆ ของนางและพูดว่า “ศิษย์น้องไม่ต้องกลัว ศิษย์พี่อยู่ที่นี่ ศิษย์พี่จะไม่ยอมให้พวกเขารังแกเจ้า”
“เจียงหยาง ขะ-ข้าจะฆ่าเจ้า ! ” ในเวลานี้ ศิษย์น้องห้าที่กำลังงงงวยของยอดเขาหิมะได้ยืนขึ้น หลังจากที่เห็นเจี้ยนเฉิน จากการที่ยืนขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาก็ตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าหาพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็รู้สึกว่าโลกรอบตัวหมุนและทำให้เขาโซเซก่อนจะล้มลง
เมื่อไป๋หยูรีบร้อนมาปกป้องเจี้ยนเฉินและได้เห็นศิษย์น้องห้าที่เสียโฉม นางก็สับสนโดยสิ้นเชิง นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ศิษย์น้อง กะ-เกิดอะไรขึ้น ? ” ไป๋หยูชี้ไปที่ศิษย์น้องห้าและถามเจี้ยนเฉิน
“ฮึ่ม จะเกิดอะไรขึ้นอีก ? เจียงหยางจากยอดเขาทะยานเมฆของเจ้าทำร้ายศิษย์ของยอดเขาหิมะของเราอย่างรุนแรง แน่นอนว่ายอดเขาหิมะต้องการคำอธิบายจากยอดเขาทะยานเมฆของเจ้าอย่างแน่นอน” ศิษย์คนที่สามที่พูดอย่างโหดร้าย เหลียนหยานพูดอย่างจริงจัง สีหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดอย่างมาก
“อ่า! จะ-เจ้าพูดว่าอะไร ? รุ่ยเฉิงปิงจากยอดเขาหิมะของเจ้าถูกศิษย์น้องของข้าทำร้าย ? ” ไป๋หยูไปไม่เป็น มีความไม่อยากเชื่อบนใบหน้าของนาง
“เจ้าอย่าพูดเลย นอกจากเจียงหยางแล้วจะเป็นใครได้อีก ? ” เหลียนหยานพูดอย่างดุดัน เขาไม่ได้ให้ค่ายอดเขาทะยานเมฆเลย
“เจ้าต้องการคำอธิบาย ? ได้ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง” เจี้ยนเฉินเดินไปด้านหน้าและพูดอย่างไร้อารมณ์