เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2236: สู้ในสังเวียน
ตอนที่ 2236: สู้ในสังเวียน
“เจ้าชื่อว่าเหลียนหยานใช่หรือไม่ ? เหลียนหยาน ศิษย์คนที่สามของยอดเขาหิมะ ข้าขอท้าเจ้าต่อสู้อย่างเป็นทางการ เจ้าจะยอมรับหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้ผู้คนรอบ ๆ มีนงง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เพิ่มควบรวมแกนวิญญาณได้หนึ่งสีต้องการท้าสู้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณสองสีงั้นหรือ ? ยิ่งไปกว่านั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณสองสีก็ควบวิญญาณมาได้หลายปีแล้วรวมถึงการบ่มเพาะที่เขาฝึกมานาน ความมั่นใจของเขานั้นมาจากไหน ?
“ศิษย์น้อง อย่าทำอย่างนั้น เจ้าเพิ่งจะทะลวงแกนวิญญาณหนึ่งสีมาได้ไม่นาน เจ้ายังไม่ได้ควบรวมเข้ากับการบ่มเพาะของเจ้า ดังนั้นอย่าสู้กับเหลียนหยาน” ไป๋หยูพยายามโน้มน้าวเจี้ยนเฉินอย่างเต็มที่ หลังจากที่นางลังเลเล็กน้อย นางก็กระซิบเข้าที่ข้างหูเจี้ยนเฉิน “เหลียนหยานผู้นี้ทรงพลังมาก เขาไม่อาจเทียบได้กับลู่เฉิงปิงได้เลย ศิษย์พี่ของเจ้าก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้แม้ว่าจะมีแกนวิญญาณสองสีและได้รับบาดเจ็บแทน ศิษย์น้อง เจ้าต้องเชื่อฟังข้า เจ้าไม่อาจต่อสู้กับเหลียนหยานได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ในเมื่อบาดแผลของศิษย์พี่หญิงมาจากเหลียนหยาน มันก็มีเหตุผลเพิ่มขึ้นที่ข้าต้องท้าสู้กับเขา สุดท้ายข้าก็เป็นศิษย์พี่รองของเขาทะยานเมฆ” เจี้ยนเฉินพูด
“เจ้ายังคงเถียงข้าในเวลาแบบนี้” ไป๋หยูรู้สึกโกรธอย่างมากเมื่อนางได้ยินเจี้ยนเฉินพูดกับนางในฐานะศิษย์น้องของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนแอกว่านางมาก แต่เขาพูดราวกับว่าเขาเป็นศิษย์พี่ของนางอยู่เสมอ สิ่งนี้ทำให้ไป๋หยูรู้สึกขัดแย้งอย่างมากจากภายใน
“เหลียนหยาน ข้าจะรอเจ้าที่สังเวียนบนยอดเขาเพ่งนภา” เจี้ยนเฉินไม่สนใจไป๋หยู หลังจากพูดอย่างนั้นกับเหลียนหยานอย่างเย็นชา เขาก็บินไปยังยอดเขาเพ่งนภาท่ามกลางประกายแสงรอบตัวของเขา
มีกฏอยู่ภายในโถงเซียนธาตุแสง พวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับศิษย์ใด ๆ ก็ตามที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่เมื่อศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่าต้องการสู้กับศิษย์ที่อ่อนแอกว่า พวกเขาก็จะทำผิดกฏ อย่างไรก็ตามศิษย์ที่อ่อนแอกว่าสามารถท้าทายศิษย์ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้
“ฮึ่ม เจ้าโอหังนัก เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีสิทธิ์สู้กับข้าเพียงเพราะเจ้าล้มศิษย์น้องห้าได้ ? ข้าจะไปกับเจ้า ข้าจะแสดงให้เจ้าเป็นถึงพลังของแกนวิญญาณสองสี มันไม่ใช่แกนวิญญาณหนึ่งสีกระจอก ๆ เหมือนอย่างของเจ้าที่จะต่อสู้ได้” อีกด้านเหลียนหยานเย้ยหยันและบินตามเจี้ยนเฉินไป
มีภูเขาหลายแห่งรอบ ๆ ในโถงเซียนธาตุแสง เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนมีระดับเทียบเท่ากับราชาเทพและจะได้รับภูเขาเป็นดินแดนของพวกเขา และพวกเขาจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ของโถงเซียนธาตุแสง
อย่างไรก็ตามมีภูเขาใหญ่น้อยมากมาย ยอดเขาทะยานเมฆและยอดเขาหิมะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจเลย
ยอดเขาเพ่งนภาเป็นหนึ่งในยอดเขาหลักทั้ง 19 ลูกของโถงเซียนธาตุแสง มันไม่ใกล้เคียงกับยอดเขานับร้อย ๆ ลูก รวมถึงยอดเขาทะยานเมฆและยอดเขาหิมะ
ยอดเขาเพ่งนภานั้นไม่เงียบเหงาเหมือนกับยอดเขาทะยานเมฆที่ซึ่งมีเพียงหานซินและศิษย์อีก 3 คนเท่านั้น ในฐานะที่เป็นหนึ่งยอดเขาทั้ง 19 ลูก ยอดเขาเพ่งนภานั้นมีการค้าและความบันเทิง ดังนั้นมันจึงมีชีวิตชีวาอย่างมาก เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจากยอดเขาอื่น ๆ ก็มาที่ยอดเขาเพ่งนภา ผู้คนต่างก็รีบวิ่งไปที่จตุรัสขนาดใหญ่
เจี้ยนเฉินเข้าใจกฏทั้งหมดของโถงเซียนธาตุแสง ดังนั้นทันทีที่เขามาถึงยอดเพ่งนภา เขาก็เดินไปที่สังเวียน เขายืนอยู่ในสังเวียนอย่างสบาย ๆ และตโกนออกมาว่า “ศิษย์จากยอดเขาทะยานเมฆ เจียงหยาง แกนวิญญาณหนึ่งสี อยากจะท้าทายเหลียนหยาน แห่งยอดเขาหิมะที่มีแกนวิญญาณสองสี ! ”
“หา ? เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณหนึ่งสีกำลังท้าทายเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสองสี ? นั่นเป็นการต่อสู้ข้ามขั้นอย่างมาก มันหายากจริง ๆ ”
“แกนวิญญาณหนึ่งสีและแกนวิญญาณสองสีเทียบเท่ากับนักสู้ระดับรับมอบและย้อนกลับ พวกมันเป็นขอบเขตการบ่มเพาะที่แตกต่างกัน ดังนั้นชายคนนั้นเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหน ? ”
“เขาเป็นอัจริยะระดับ 7 ดาวหรือมากกว่า ? ถ้าเขาเป็นอัจริยะระดับ 7 ดาวจริง ๆ เขาอาจจะมีพลังมากพอที่จะเอาชนะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสองสีด้วยแกนวิญญาณหนึ่งสี….”
…
เสียงของเจี้ยนเฉินดึงดูดความสนใจอย่างมาก ทันใดนั้นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนรวมตัวกันอยู่ด้านนอกรอบ ๆ พวกเขาทั้งหมดจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเหล่านี้ค่อนข้างอ่อนแอ ส่วนใหญ่เป็นคนที่แกนวิญญาณหนึ่งสีหรือสองสีเท่านั้น มีน้อยมาที่จะมีแกนวิญญาณสามสีที่ให้ความสนใจ
เมื่อเหลียนหยานมาถึงที่นี่ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมากกว่า 100 คนจากยอดเขาอื่น ๆ มารวมตัวกันรอบ ๆ สังเวียน
เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่นั่นอย่างสบาย ๆ และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงรอบ ๆ ท่าทางของเหลียนหยานก็แย่ลงเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความตั้งใจของเจี้ยนเฉินแล้ว แม้ว่าเขาจะทำให้เจี้ยนเฉินแพ้ต่อหน้าทุกคน เขาก็ไม่อาจอวดอะไรได้ ท้ายที่สุดก็คาดว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสองสีจะเอาชนะเซียนประกายแกนวิญญาณหนึ่งสีได้
แต่ในทางกลับกัน หากเขาแพ้ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะพ่ายแพ้
“ศิษย์น้อง เจ้าต้องระวังตัวด้วย” ไป๋หยูที่ตามเหลียนหยานมาที่นี่ นางก็บอกกับเจี้ยนเฉินด้วยความห่วงใย
“ใครคือเหลียนหยาน ? รีบ ๆ เข้าไปในสังเวียนได้แล้ว เจ้าไม่อาจเสียหน้าต่อศิษย์แกนวิญญาณหนึ่งสีด้วยแกนวิญญาณสองสีของเจ้า ไม่อย่างนั้นมันจะขายหน้าอย่างมาก.…” ในเวลาเดียวกันเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงรอบ ๆ สังเวียนตะโกนออกมา
เหลียนหยานแค่นเสียงเย็นชาและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างร้ายกาจ เขากล่าวเยาะเย้ยก่อนที่จะเข้าไปในสังเวียน
“ไม่เพียงแต่ข้าจะเอาชนะเจ้าได้อย่างหมดจดเท่านั้น แต่ข้าจะทำให้เจียงหยางต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักเช่นกัน ข้าจะคืนความอัปยศของศิษย์น้องห้าให้เจ้าเป็นสิบเท่า” เหลียนหยานตัดสินใจอย่างลับ ๆ ในใจของเขา เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างใจเย็นและพูดว่า “เจียงหยาง ข้าต้องการเห็นว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหน”
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างแปลก ๆ เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาฟันออกไปด้วยพลังของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ควบแน่นเข้าใส่เหลียนหยาน
“นี่มันทักษะธาตุแสงพื้นฐาน กระบี่ธาตุแสง….”
“เขาฝันว่าจะเอาชนะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณสองสีด้วยกระบี่ธาตุแสงเนี่ยนะ…..”
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงดแกนวิญญาณสองสีได้ให้แง่คิดของเขา
เหลียนหยานหัวเราะเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินใช้ทักษะธาตุแสงพื้นฐาน เขาคิด “ด้วยการบ่มเพาะของข้าในฐานะแกนวิญญาณสองสี กระบี่ธาตุแสงที่ข้าสร้างสมควรจะทำลายพลังของเจ้าที่มาจากแกนวิญญาณหนึ่งสี” เมื่อคิดอย่างนั้น เหลียนหยานก็ควบรวมกระบี่ธาตุแสงจากพลังเซียนธาตุแสงและปล่อยมันออกไปเช่นกัน
มองผิวเผิน กระบี่ธาตุแสงของเขาดูมีพลังมากกว่าเจี้ยนเฉินมาก
ตูม !
อย่างที่เขาคาดไว้ ไม่นานกระบี่ธาตุแสงของทั้งสองก็ปะทะกัน กระบี่ธาตุแสงของเจี้ยนเฉินระเบิดเสียงดังและถูกทำลายโดยกระบี่ธาตุแสงของเหลียนหยาน มันกระจายออกไปก่อนที่จะกลายเป็นพลังเซียนธาตุแสง
กระบี่ธาตุแสงของเหลียนหยานยังคงพุ่งต่อไปโดยไม่ทำให้ช้าลง มันยังพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินเป็นเส้นสีขาว
“ระวังด้วย ศิษย์น้อง ! ” ไป๋หยูตะโกนออกมาจากด้านข้าง นางเครียดอย่างหนัก
“เขาได้กลายเป็นดาวอับแสงไปเสีย มันดูเหมือนว่าคนที่ชื่อเจี้ยนเฉินจะพ่ายแพ้แล้ว”
“แกนวิญญาณหนึ่งสียังเป็นแกนวิญญาณหนึ่งสี ความแตกต่างนั้นไม่ธรรมดา การที่จะพ่ายแพ้ก็ไม่แปลก.…”
“เรื่องจริง ถ้าเขาชนะ นั่นแหละถึงจะแปลก.…”
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนพูดกันรอบ ๆ สังเวียน พวกเขาไม่แปลกใจที่จะเห็นมันเป็นอย่างนี้
“ศิษย์น้องสาม เจ้าต้องสอนบทเรียนให้กับเจียงหยางให้ดี เจ้าต้องทำให้เขารู้ว่าเขานั้นโง่แค่ไหน” เหวินเฉิงตะโกนออกมาจากข้างสังเวียน สายตาของเขาที่มองเจี้ยนเฉินนั้นเย็นชาอย่างมาก
เจี้ยนเฉินไม่แปลกใจเลย เขายิ้มอย่างลึกลับและในขณะที่กระบี่ธาตุแสงกำลังจะโจมตีเขา พลังเซียนธาตุแสงก็พุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา ทันใดนั้นก็มีปีกสีขาวหิมะกางออกมาคู่หนึ่ง เพียงแค่กระพือเบา ๆ เขาก็เหลือเพียงแต่ภาพติดตาและหลบพลังเซียนธาตุแสงอย่างสบาย ๆ เขาพุ่งเข้าไปหาเหลียนหยานแทน
“มันเป็นปีกธาตุแสงที่ทำให้เราเร็วขึ้นชั่วเวลาหนึ่ง แต่เขาจะเคลื่อนไหวรวดเร็วด้วยพวกมันได้อย่างไร ? ”
“เร็วอะไรเช่นนี้ แม้แต่ข้าก็มองไม่เห็น เขาจะเร็วไปได้ถึงระดับไหนหลังจากที่ใช้ปีกธาตุแสง ? ”
“เขาเร็วประมาท 2 – 3 เท่าเมื่อข้าใช้ปีกธาตุแสง เขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? ”
เสียงอุทานดังขึ้นจากรอบ ๆ ทันที
ไป๋หยูซึ่งมักจะกังวลถึงเจี้ยนเฉินก็ตกใจเมื่อนางเห็นความเร็วของเจี้ยนเฉินที่ปลดปล่อยออกมาผ่านปีกธาตุแสง นางปิดปากและพูดไม่ออก
นี่เป็นเพราะแม้แต่นางก็ไม่อาจเร็วได้เท่าเจี้ยนเฉินหลังจากใช้ปีกธาตุแสง
ขณะที่เจี้ยนเฉินพุ่งไปพร้อมกับปีกธาตุแสง ทันใดนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่เหลียนหยานอย่างเบา ๆ
ด้วยท่าทางนั้นพลังเซียนธาตุแสงจากกระบี่ธาตุแสงที่กระจัดกระจายก็ควบแน่นอย่างรวดเร็วในทันที มันกลายเป็นแถบสีขาวมัดเหลียนหยานไว้ภายใต้การจ้องมองที่น่าทึ่งของเขา
ในเวลานี้ เจี้ยนเฉินก็มาถึงเหลียนหยานพร้อมกับปีกธาตุแสง เขายกมือขึ้นแล้วตบไปที่แก้มของเหลียนหยานตรง ๆ
เพียะ !
ด้วยเสียงที่ชัดเจน เหลียนหยานโดนตบหน้าเหมือนกับศิษย์น้องห้า