เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2238: อัจฉริยะ 9 ดาว
ตอนที่ 2238: อัจฉริยะ 9 ดาว
“ผู้นำยอดเขา เขาเป็นหนึ่งในสามของศิษย์ใหม่ที่ผู้นำยอดเขาทะยานเมฆรับเข้ามา เขาชื่อเจียงหยาง” ทูตพูดอย่างนอบน้อม
“ผู้นำยอดเขาทะยานเมฆ ? นั่นไม่ใช่หานซินรึ เขาเป็นคนที่ทะลวงผ่านแกนวิญญาณเจ็ดสีเมื่อไม่นานมานี้ ? ” ผู้นำยอดเขาเพ่งนภาถาม
“มันเป็นผู้พิทักษ์หานซิน”
ผู้นำยอดเขายืนขึ้น เขามองไปยังทิศทางของยอดเขาทะยานเมฆและพึมพำว่า “หานซินคนนี้โชคดีมาก เขารับศิษย์ที่โดดเด่นได้ในกลุ่มแรก”
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งอยู่กับผู้นำยอดเขาได้ยินการชื่นชมอย่างมากจากปากของผู้นำ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น หนึ่งในนั้นยืนขึ้นและถามอย่างไม่สนใจว่า “ผู้นำยอดเขา มีคนอื่นที่เป็นอัจฉริยะ 9 ดาวปรากฏตัวอีกครั้งในโถงเซียนธาตุแสงของเรางั้นหรือ ? ”
ชายหนุ่มไม่ได้ทรงพลังนัก เขามีเพียงแกนวิญญาณสี่สีเท่านั้น ตามการแบ่งลำดับของนักสู้ เขาเทียบเท่ากับขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษในโถงเซียนธาตุแสง
อย่างไรก็ตามสถานะของเขาในโถงเซียนธาตุแสงนั้นพิเศษมาก มันเพียงพอที่จะอนุญาตให้เขายืนอย่างเท่าเทียมกับผู้นำยอดเขาเพ่งนภาซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเขาหลักทั้งสิบเก้ายอดเขาของโถงเซียนธาตุแสง
นี่เป็นเพราะเขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะ 9 ดาว 5 คนจากโถงเซียนธาตุแสง ชื่อของเขาคือ กงเจิงซิ่น และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์เข้าชิงตำแห่งเซียนผู้ถูกเลือก
“ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะแบบไหน แต่ภาพการต่อสู้ของเขาถูกบันทึกเอาไว้ที่นี่ ดูสิ” ผู้นำยอดเขาส่งผลึกให้
กงเจิงซิ่นและชายหนุ่มอีกคนต่างก็มองดูผลึก ไม่นานพวกเขาก็จริงจังมากขึ้นหลังจากที่ดูทั้งหมด
“การใช้พลังเซียนธาตุแสงของศิษย์แกนวิญญาณหนึ่งสีผู้นี้น่าทึ่งจริง ๆ ” กงเจิงซิ่นพูด
“ถูกต้อง แม้กระทั่งข้าก็ทำได้เพียงถอนหายใจและพูดได้ว่าข้าไม่ได้เก่งเท่าเขาในด้านนี้ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณหนึ่งสีจะมีการควบคุมในระดับที่ไม่น่าเชื่อขนาดนี้” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ กงเจิงซิ่นก็พูดชมเช่นกัน
เขาชื่อว่าซินปิง เขาเป็นหนึ่งในห้าอัจฉริยะ 9 ดาวของโถงเซียนธาตุแสงเช่นเดียวกับกงเจิงซิ่น
“เจ้าอยากจะไปสนใจดูศิษย์ที่ชื่อว่าเจียงหยางกับข้าหรือไม่ ? ” ผู้นำยอดเขาถามกงเจิงซิ่นและซินปิง
“ข้าต้องการเจอเขาเช่นกัน”กงเจิ้งซิ่นพูด
“ข้าก็คิดแบบเดียวกัน” ซินปิงพูดเสริม
หลังจากได้คำตอบ ผู้นำยอดเขาเพ่งนภาก็รับไปที่สังเวียนทันทีโดยมีกงเจิงซิ่นและซินปิงตามมา ทันทีที่พวกเขาเข้ามาใกล้สังเวียน พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังกระหึ่มจากระยะไกล
“มีศิษย์คนอื่นของยอดเขาหิมะเต็มใจสู้กับข้าหรือไม่ ? ”
เสียงที่เต็มไปด้วยการยั่วยุและดูหมื่นดังออกมา
“เจียงหยางนี่เป็นคนยโสจริง ๆ แต่เขาก็มีความสามารถที่จะโอหังอย่างนี้” ผู้นำยอดเขาเพ่งนภาเผยรอยยิ้มที่ยินดี
“คารวะผู้นำ” ในเวลาเดียวกันตัวแทนชุดดำที่ประจำการอยู่ข้างบนก็บินลงมาทักทายผู้นำยอดเขาเพ่งนภาทันที
“ไป่หลง เจ้าทำได้ดีมาก เจ้าเจอเด็กน้อยคนนี้ ข้าสงสัยว่าเขาจะมีกี่ดาว” ผู้นำยอดเขาพยักหน้าก่อนที่จะถามทูต
ทูตที่ชื่อไป่หลงตอบว่า “ข้าตรวจสอบแล้ว เขาเป็นคนของยอดเขาเพ่งนภาและเป็นอัจฉริยะ 1ดาว”
“ห๊ะ? เป็นแค่อัจฉริยะ 1 ดาว ? ” ผู้นำขมวดคิ้วและถามด้วยความไม่ยากจะเชื่อ
ไป่หลงพยักหน้า”การทดสอบระบุว่าเขาเป็นอัจฉริยะ 1 ดาว”
ผู้นำยอดเขาไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองไปยังร่างที่ยืนอยู่ในสังเวียนด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ในขณะที่เขาใช้ความคิด
“มีคนจากยอดเขาหิมะอีกหรือไม่ ? ” ในเวลานี้เจี้ยนเฉินก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ฮึ่ม เจียงหยาง เจ้าจะไม่โอหังไปหน่อยหรือ ยอดเขาหิมะของเราไม่ต้องการทำร้ายคนอ่อนแอ การชนะง่าย ๆ อย่างนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะโอ้อวด” ศิษย์คนที่สี่ขอบยอดเขาหิมะพูดด้วยสีหน้าที่น่าเกลียด
“เจ้าควรพูดเมื่อเอาชนะข้าได้แล้ว เจ้าควรจะเป็นศิษย์คนที่สี่ของยอดเขาหิมะ หวู่ปิงใช่หรือไม่ ? หวู่ปิง เจ้ามีแกนวิญญาณสองสี ในขณะที่ข้ามีแกนวิญญาณหนึ่งสี ข้าขอท้าเจ้า เจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินพูดเสียงดัง เสียงของเขาดังไปทั่วสังเวียน
ผู้คนก็มารวมกันรอบสังเวียนมากขึ้น
สีหน้าของศิษย์คนที่สี่ของยอดเขาหิมะกลายเป็นไม่น่ามอง เขายืนอยู่ข้างสังเวียนพลางกัดฟันอย่างสั่นเทาและไม่กล้าก้าวออกไปด้านหน้า
แม้ว่าเขาจะมีแกนวิญญาณสองสี แต่เขาก็ยังมีพลังพอ ๆ กับเหลียนหยาน แม้แต่เหลียนหยานก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเฉินและได้รับความอับอายขายหน้าอย่างมาก เขาต้องแย่แน่ ๆ ถ้าเขาขึ้นไป
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่กล้าเข้ามาสู้ในสังเวียน แต่มันก็สมเหตุสมผล แม้แต่เหลียนหยานศิษย์พี่สามของเจ้าก็ถูกข้าจัดการ เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” เจี้ยนเฉินเยาะเย้ยจากในสังเวียน
ใบหน้าของหวู่ปิงนั้นซีดเผือดด้วยความโกรธเมื่อเขาได้ยิน
เจี้ยนเฉินเหลือบไปมองศิษย์พี่รองของยอดเขาหิมะ เหวินเฉิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับใบหน้าหมองคล้ำ เขากล่าวว่า “เหวินเฉิง ศิษย์พี่รองจากยอดเขาหิมะ เจ้ายอมรับคำท้าข้าหรือไม่ ? ”
“ดี ดี ดี ! เจียงหยาง เจ้านี่มันดีจริง ๆ เจ้าท้าทายข้า” เหวินเฉิงโกรธมาก เขาจ้องมองออกไปราวกับจะมีกระบี่ออกมาจากสายตา เขาพูดอย่างนั้นขณะที่กัดฟันและมีเจตนาฆ่าเพิ่มขึ้นในใจของเขา
อย่างไรก็ตามเขายังไม่กล้าเข้าไปในสังเวียน เขาเห็นความแข็งแกร่งของเจียงหยางอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเขามีแกนวิญญาณหนึ่งสี แต่เขาสามารถเอาชนะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสองสีได้ในการต่อสู้ หากไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะแน่นอน เขาก็ไม่ต้องการสู้กับเจี้ยนเฉินอย่างง่ายดายนัก
แม้ว่าพวกเขาจะสู้ แต่มันก็จะไม่เกิดขึ้นที่นี่ ท้ายที่สุดถ้าเขาแพ้ มันจะไม่เหลือศักดิ์ศรีที่จะไปพบหน้าคนอื่นในอนาคต
นอกจากนี้ เขาไม่ได้มีแกนวิญญาณสองสี เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณสามสีและเป็นคนที่ได้สัมผัสกับกฏแห่งศรัทธา
“นั่นผู้นำยอดเขา ผู้นำยอดเขามา….”
“คารวะผู้นำยอดเขา….”
“คารวะผู้นำยอดเขา….”
…
ในเวลานี้ฝูงชนต่างก็ตะโกนดังขึ้นทุกที่ พวกเขาต่างก็เห็นผู้นำยอดเขาเพ่งนภาที่มีผมสีขาวยืนอยู่กับกงเจิงซิ่น, ซินปิงและทูตชุดดำ
“นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นกงเจิงซิ่น อัจฉริยะ 9 ดาวใน 5 คนจากโถงเซียนธาตุแสง แท้จริงแล้วแม้แต่กงเจิงซิ่นก็มา…..”
“มันไม่ใช่แค่กงเจิงซิ่นเท่านั้น แม้แต่ซินปิงซึ่งเป็นหนึ่งในห้าอัจฉริยะ 9 ดาวก็มาด้วยเช่นกัน
“สองในห้าอัจฉริยะ 9 ดาวมา มีใครพูดว่าพวกเขากำลังลงแข่งขันเพื่อเป็นเซียนที่ถูกเลือก เซียนที่ถูกเลือกของรุ่นนี้จะถูกเลือกแค่ 5 คน”
การมาถึงของถึง 2/5 อัจฉริยะ 9 ดาวทำให้เกิดเสียงอื้ออึงในหมู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทันที
ในสายตาของผู้คน อัจฉริยะ 9 ดาวเปรียบเสมือนเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาและเพียงแค่เหลือบมองพวกเขาครั้งเดียว พวกเขาก็ถือว่าได้รับเกียรติอย่างมาก
“เจ้าคือเหวินเฉิง ? ทำไมเจ้าไม่ขึ้นสังเวียนและต่อสู้กับเจียงหยาง ? ” ในตอนนี้กงเจิงซิ่นก็พูดออกมา เขาพูดเบา ๆ และเฉย ๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ราวกับว่าเขากำลังสั่งใครบางคนเหมือนกับเป็นคำสั่งของจักรพรรดิที่ไม่อาจปฏิเสธได้