เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2240 : มีเพียงต้องยอมแพ้เท่านั้น ?
ตอนที่ 2240: มีเพียงต้องยอมแพ้เท่านั้น ?
ตูม !
ในตอนนี้ที่เกิดเสียงดังออกมาจากสังเวียน โล่พลังของเหวินเฉิงได้แตกสลายลงในที่สุด ภายใต้พิรุณธาตุแสงของเจี้ยนเฉินที่กำลังกลับมาหาเขา พลังสะท้อนทำให้เหวินเฉิงต้องถอยหลังต่อไป
“เจ้าจริง ๆ แล้ว….เจ้าจริง ๆ แล้ว…” เหวินเฉิงมีใบหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เขาชี้ไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งทำให้เขาพูดไม่ออก
เขาวุ่นอยู่กับการควบคุมให้พิรุณธาตุแสงของเขาเข้าปะทะกับพลังของเจียงหยางที่มีแกนวิญญาณหนึ่ง
สีเท่านั้น จากนั้นพิรุณธาตุแสงที่เขาใช้ก็ถูกดันกลับทันที มีอะไรที่สมเหตุสมผลอีกหรือไม่ ? ”
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินไม่ได้รอนานหลังจากที่ทำลายโล่ของเหวินเฉิง เขาเข้าหาเหวินเฉิงอย่างรวดเร็วและเหวี่ยงกระบี่ธาตุแสงเข้าไปหาเหวินเฉิง
สีหน้าของเหวินเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย การตอบสนองของเจี้ยนเฉินนั้นเร็วเกินไปและการโจมตีของเขาก็รวดเร็วอย่างมาก มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะใช้ทักษะธาตุแสงเพื่อป้องกันกระบี่ธาตุแสงที่เข้ามาหาเขา ทันใดนั้นเขาก็ควบพลังจนเกิดปีกธาตุแสงเพื่อหลบหนี
ประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้นมีไม่มากเท่าเจี้ยนเฉิน ด้วยความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เขาสูญเสียความได้เปรียบตั้งแต่แรกไปทั้งหมดและถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องตอบโต้ทุกครั้งที่เจี้ยนเฉินโจมตีเข้ามา
เจี้ยนเฉินใช้ประประโยชน์จากสถานการณ์นี้และเข้าใกล้เหวินเฉิงขึ้นเรื่อย ๆ เขาแทงด้วยกระบี่ธาตุแสงอย่างไร้ความปราณีไปที่หน้าอกของเหวินเฉิงในพริบตา
สีหน้าของเหวินเฉิงเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาก่อน แต่เขาก็ไม่เคยมีปัญหาในการต่อสู้ ภายใต้การโจมตีของเจี้ยนเฉินทำให้เขาสับสนอย่างมาก ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างนี้ทำให้เขาไปไม่สุดและพยายามที่จะหลีกเลี่ยงกระบี่ธาตุแสงจนห่างไปเพียงเส้นผม
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น ความยาวของการฟันนี้ก็ทำให้เสื้อคลุมสีขาวของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นเช่นกัน
ยืนหยัดด้วยเท้า ใบหน้าของเหวินเฉิงก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาโมโหอย่างมาก ด้วยการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาได้สูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมดของเขาไป เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับใครได้อีกในโถงเซียนธาตุแสง
“เจียงหยาง ข้าสาบานว่าข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป” เหวินเฉิงตะโกนออกมา นอกจากนี้เขายังควบรวมกระบี่ธาตุแสงและฟันไปที่เจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของกระบี่ธาตุแสงนั้นเร็วที่สุดเท่าที่เหวินเฉิงจะทำได้แล้ว เขามั่นใจว่าแม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณสามสีก็ไม่อาจหลบการโจมตีครั้งนี้ของเขาได้
อย่างไรก็ตามมันช้าในสายตาของเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้เลือกที่จะหลบในครั้งนี้ กลับกัน เขาตั้งใจรับและใช้ตัวกระแทกทันที
และในตอนที่กระบี่ธาตุแสงกำลังฟันมาทางเขา เขาก็ควบคุมพลังบรรพกาลภายในตัวของเขาอย่างลับ ๆ และให้พลังบรรพกาลแผ่ออกมาอย่างตั้งใจ
ทำให้แม้ว่ากระบี่ธาตุแสงของเหวินเฉิงจะสร้างบาดแผลให้กับเจี้ยนเฉิน พลังบรรพกาลก็สามารถทะลวงเขากลับไปได้เช่นกัน
สำหรับเจี้ยนเฉิน เขาไม่สนใจบาดแผลเลย มันห่อหุ้มด้วยพลังเซียนธาตุแสง เขาแทงไปที่เหวินเฉิงด้วยกระบี่ธาตุแสงของเขา
“อ้ากก ! ” เหวินเฉิงไม่เคยรู้สึกเจ็บเท่านี้มาก่อน ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เขารีบหนีให้พ้นจากเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา เพียงความคิด กระบี่ธาตุแสงก็ถูกควบแน่นอยู่ด้านหลังเหวินเฉิง ทำให้เมื่อเขาถอยกลับไป ปลายกระบี่ธาตุแสงก็แทงเขาอีกครั้ง ทำให้เขาต้องส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
สายตาของเจี้ยนเฉินเย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้าและยกกระบี่ธาตุแสงขึ้นเหนือหัวของเขา มันส่องแสงวาวโรจน์ทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ เมื่อเขากำลังจะฟันไป ก็มีเสียงดังเข้ามาในหัวของเขา
“เจียงหยาง ข้า กงเจิงซิ่น เจ้าต้องยอมแพ้ในการต่อสู้นี้เท่านั้น ! ”
กงซิ่นพูดแกมบังคับ ขณะที่เขาสั่งเจี้ยนเฉินด้วยคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
แน่นอน เขาไม่กล้วว่าจะมีคนได้ยินข้อความลับของเขากับเจี้ยนเฉิน
หลังจากพูดอย่างนั้น กงเจิงซิ่นก็ยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกอดอก เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเจียงหยางจะไม่ขัดคำสั่งของเขา
นอกจากนี้เขาเป็นอัจฉริยะ 9 ดาวของโถงเซียนธาตุแสง เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อศิษย์ธรรมดาอย่างนี้
“เจียงหยาง ข้าคือซินปิง มันยอดเยี่ยมมาที่บังคับให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสามสีอยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้ มันจะเป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะจบลงด้วยการเสมอ” อัจฉริยะ 9 ดาวอีกคนส่งข้อความลับต่อเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดรุนแรงเหมือนกับกงเจิงซิ่น
เจี้ยนเฉินหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินข้อความทั้งสอง การรับรู้ของเขายอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะไม่ได้ยินการเล่นพนันระหว่างอัจฉริยะ 9 ดาวทั้งสองกับผู้นำยอดเขาเพ่งนภา
ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่กล้าล่วงเกินอัจฉริยะ 9 ดาวที่อาจกลายเป็นเซียนผู้ถูกคัดเลือกคนต่อไป อย่างไรก็ตาม นี่คือเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนอื่น
ฉับ !
เจี้ยนเฉินไม่สนใจกงเจิงซิ่นและซินปิงทั้งหมดเลย ด้วยแสงวาบ เขาก็ฟันกระบี่ธาตุแสงของเขาไปตัดแขนของเหวินเฉิงทันที
เหวินเฉิงร้องเสียงแหลมอย่างน่าสังเวชราวกับหมูโดนน้ำร้อน ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาเกือบจะเป็นลม
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ดูอยู่รอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยความโกลาหลเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้ หลายคนตกตะลึงกับวิธีการบ้าเลือดของเจี้ยนเฉิน
ท้ายที่สุด เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเหล่านี้ก็ไม่เหมือนนักสู้ นักสู้คือคนที่มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้และบางคนก็ต้องเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยซากศพ ในขณะที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นไม่คุ้นเคยกับกลิ่นคาวเลือดเลย
ใบหน้าของกงเจิงซิ่นดูน่าเกลียดอย่างมากเมื่อเขายืนอยู่ข้าง ๆ ผู้นำยอดเขาเพ่งนภา ใบหน้าของเขาหมองลง ในขณะที่มองเจี้ยนเฉินอย่างเย็นชา เขาพูดในใจว่า “เจียงหยางผู้นี้ไม่รู้อะไรเลย เขาเป็นแค่ศิษย์ที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี แต่เขากลับกล้าขัดคำสั่งข้า ฮึ่ม”
ซินปิงยังขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาที่มองเจี้ยนเฉินนั้นไม่พอใจอย่างมาก
“เจียงหยางผู้นี้ทำให้ข้าพอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ” ผู้นำยอดเขาเพ่งนภาหัวเราะอย่างมีความสุข สายตาของเขาที่มีต่อเจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่เปิดเผย
“เจียงหยาง ทำไมเจ้าไม่รีบหยุด ? เจ้าต้องแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ ! ” กงเจิงซิ่นพูดกับเจี้ยนเฉินอีกครั้ง คราวนี้เขาพูดด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขามาด้านหน้าเหวินเฉิงห่างเพียงก้าวเดียวและคว้าไปที่คอของเขา เขามองไปที่เหวินเฉิงที่ใบหน้าซีดขาวและเจ็บปวดก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา “เหวินเฉิง ข้าไม่เคยมีเรื่องกับเจ้าเป็นพิเศษ แต่เจ้าก็ไม่ควรคิดร้ายต่อศิษย์น้องหญิงของข้า นี่คือสิ่งที่เจ้าจะได้รับหลังจากที่เจ้ามีความคิดร้าย ๆ ต่อศิษย์น้องหญิงของข้า” จากนั้นเจี้ยนเฉิอก็ตบหน้าของเหวินเฉิง