เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2244 : การช่วยเหลือของหมิงตง
ตอนที่ 2244: การช่วยเหลือของหมิงตง
“เราทำได้แค่ดูเสด็จพ่อตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ ? ” ซีหยูทำอะไรไม่ถูก พ่อของนางไม่ปรากฏตัวหลังจากที่เข้าไปในเขตต้องห้าม แม้แต่จักรวรรดิซีกำลังถูกทำลายก็ยังไม่เห็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน สิ่งนี้ทำให้นางมีความมั่นใจว่าพ่อของนางตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นนางจึงไม่สบายใจและสับสนอย่างมาก
ทันใดนั้นซีหยูก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ นางมองไปที่หมิงตงและขอร้องออกมาว่า “หมิงตง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ในตอนนี้ ได้โปรด เจ้าช่วยเสด็จพ่อของข้าได้หรือไม่ ข้าขอร้องล่ะ” ซีหยูฝากความหวังไว้ที่หมิงตง เพราะนางรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นที่สามารถจัดการกับบรรพชนนิกายแยกสวรรค์ได้นอกจากความช่วยเหลือของหมิงตง
ในขณะที่ซีหยูขอร้องหมิงตง ดวงตาของจักรพรรดินีผู้สง่างามก็เบิกกว้างขึ้น ทันใดนั้นนางก็มองไปที่หมิงตงด้วยเปลวไฟแห่งความหวังลึก ๆ ในสายตาของนาง
หมิงตงถอนหายใจเมื่อเขาเห็นคำวิงวอนของซีหยู เขาพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ และพูดอย่างเคร่งเครียด “ไม่ต้องห่วง ครอบครัวเจ้าได้ช่วยเหลือตระกูลเทียนหยวนมาแล้วหลายครั้งในอดีต ตอนนี้เจ้ากำลังมีปัญหา ข้าจะช่วยเจ้าด้วยทุกอย่างที่ข้ามี”
“ขอบคุณ ผู้กล้าหนุ่ม ขอบคุณ หากมีโอกาส ครอบครัวของเราจะตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้ของท่านอย่างแน่นอน” จักรพรรดินีมีความสุขและหลั่งน้ำตาออกมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ
หมิงตงยิ้มเฉย ๆ เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาพูดอย่างภูมิใจว่า “เหตุผลที่ข้าช่วยเหลือครอบครัวท่านไม่ใช่เพราะว่าข้าต้องการให้เจ้าตอบแทนข้า แม้ว่าเจ้าจะตอบแทน ครอบครัวของเจ้าก็ไม่อาจหามาได้ สิ่งเดียวที่เจ้าควรรู้สึกดีใจคือท่านได้ช่วยเหลือตระกูลเทียนหยวนในอดีตที่ผ่านมา”
“ตระกูลเทียนหยวนเป็นของทั้งของน้องชายข้าและตระกูลข้าด้วย เจ้าได้ช่วยตระกูลเทียนหยวนในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้า”
“พอแล้ว อย่าพูดอีกต่อไปเลย จะดีที่สุดถ้าเราจะรับไป มาเริ่มกันเลยดีกว่า” หมิงตงมองไปที่ชายกลางคนที่อยู่ข้างหลังและพูดว่า “ลุงหมิง โปรดจัดกลุ่มไว้เพื่อป้องกันตระกูลเทียนหยวน ไม่ !..เดี๋ยว ! มันไม่ใช่แค่ตระกูลเทียนหยวน เราต้องปกป้องทั้งแคว้น นี่คือดินแดนของน้องชายข้า หากข้าจากไปและพบว่าดินแดนของน้องชายข้าไม่เหมือนเดิมเมื่อกลับมาจะทำอย่างไร”
ชายกลางคนพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็ออกไปดำเนินการ ไม่นานก็มีค่ายกลที่ทรงพลังล้อมรอบแคว้นทั้งแคว้น
หลังจากที่กลุ่มจักรพรรดินียังคงอยู่ในตระกูลเทียนหยวน เพื่อป้องกันคนทรยศในหมู่พวกเขาจากการทำร้ายตระกูลเทียนหยวน ลุงหมิงได้แบ่งที่พักอาศัยให้พวกเขาอยู่ชั่วคราวภายใค้คำขอของหมิงตง หลังจากนั้นหมิงตงก็ออกไปหร้อมกับหยุนเสี่ยวหยาน, ซีหยูและจักรพรรดินีภายใต้การนำของลุงหมิง
พวกเขาออกไปเร็วมาก ด้วยการบ่มเพาะของลุงหมิงที่อยู่ในขั้นบรรพกาล ในเวลาไม่นานพวกเขาก็ออกไปไกลจนถึงระหว่างภาคใค้และภาคเหนือ จนมาถึงด้านบนของวังหลวงของจักรวรรดิซี
พระราชวังที่ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งหนึ่งได้ถูกทำลายนานแล้ว ค่ายกลได้พังทลาย ในขณะที่ศพมากมายถูกทิ้งไว้เกลื่อนพื้น เลือดที่ไหลนองจนเป็นแม่น้ำและอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ซีหยูเศร้าอย่างมากเมื่อนางเห็นวังหลวงถูกทำลาย วังหลวงในครั้งอดีตนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก มันมีทั้งศักดิ์ศรีที่ไม่อาจท้าทายได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นซากไปแล้ว
“ไปเถอะ ไปที่เขตต้องห้ามกัน” จักรพรรดินียังคงสงบ นางนำทางและตรงไปยังเขตต้องห้าม
ในเทือกเขาหลายสิบล้านกิโลเมตรจากวังหลวง มีชายชราคนหนึ่งสวมชุดคลุมขาว ตัวแดงนั่งอยู่บนจุดสูงสุด เขาเป็นบรรพชนนิกายทลายสวรรค์และเขาพักอยู่ที่นิกายทลายสวรรค์
นิกายทลายสวรรค์นั้นเป็นหนึ่งในนิกายสูงสุดระหว่างจักรวรรดิซี พวกเขามีขั้นบรรพกาลที่ทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกับราชวงศ์ สถานะของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก
บรรพชนลืมตา เขามองผ่านมิติไปยังทิศทางของวังหลวง
“นั่นคือพลังแห่งการมีอยู่ของจักรพรรดินี” จริง ๆ แล้วนางกลับมาที่วังหลวง คนที่ข้าส่งไปไม่อาจสังหารนางได้” บรรพชนขมวดคิ้ว ในฐานะที่เป็นขอบเขตบรรพกาล สัมผัสวิญญาณของเขานั้นทรงพลังมากจนครอบคลุมได้ทั่วทั้งภูมิภาค ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ทันทีเมื่อจักรพรรดินีปรากฏตัวที่วังหลวง
หลังจากพูดอย่างนั้น บรรพชนยืนขึ้น เพียงสายลมพัดผ่าน เขาก็หายตัวไปอย่างเงียบ ๆ
จักรพรรดินีเป็นคนนำทาง หมิงตงและลุงหมิงได้เข้ามายังเขตต้องห้ามของวังหลวง
ในเวลานี้มีพลังแห่งการมีอยู่ในอากาศ บรรพชนนิกายแยกสวรรค์ได้ปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ราวกับเขาปรากฏตัวที่ด้านหน้าจักรพรรดินีได้เพียงพริบตา
นิกายแยกสวรรค์นั้นอยู่ห่างจากวังหลวงเป็นอย่างมาก แต่ระยะทางนี้ก็ไม่อาจจำเป็นสำหรับขั้นบรรพกาลที่สามารถเดินทางข้ามโลกได้ในก้าวเดียว
“จักรพรรดินี ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลับมาจริง ๆ ภาคเหนือไม่ได้เป็นของจักรวรรดิเจ้าอีกแล้ว” บรรพชนนิกายแยกสวรรค์ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับเอามือไพล่หลัง พลังแห่งการมีอยู่ของเขานั้นแผ่ออกมาจากร่างกายของเขาอย่างท่วมท้น ในขณะที่เขามองหมิงตงและคนอื่นแบบผ่าน ๆ
บรรพชนไม่ใช่คนโง่ เป็นเรื่องปกติ เขารู้ว่าจักรพรรดินีเข้าใจถึงความแตกต่างกัน นางจะถูกพบทันทีเมื่อนางปรากฏตัวในจักรวรรดิซี ถึงอย่างนั้นนางก็กล้ามากพอที่จะกลับมา เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีมีความมั่นใจบางอย่าง
ทำให้เขาตั้งใจที่จะแสดงตัวของเขาเพื่อทดสอบว่าอะไรที่ทำให้จักรพรรดินีไม่กลัวเขา
แต่ไม่นาน สายตาของบรรพชนก็หรี่แคบลง เขาพบว่าทันทีที่เขาปรากฏตัว ซีหยู, หมิงตงและหยุนเสี่ยวหยานดูเหมือนจะมีกำแพงที่มองไม่เห็นทำให้ไม่อาจเข้าใกล้ได้
“จักรพรรดินี เจ้าต้องการหาเรื่องงั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าจักรรดินีอย่างเจ้าเพียงคนเดียวจะสามารถออกคำสั่งได้อีก ? ” เสียงดังขึ้น ชายกลางคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกับชุดคลุมน้ำเงินยืนอยู่กับบรรพชนนิกายแยกสวรรค์
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นบรรพชนของสำนักสี่เสากระบี่ ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดในจักรวรรดิซี
บรรพชนของสำนักสี่เสากระบี่ก็ไม่ได้ประมาทเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาคิดแบบเดียวกับบรรพชนของนิกายแยกสวรรค์
จักรพรรดินีมองไปที่บรรพชนอย่างไร้อารมณ์และไม่พูดอะไรเลย
อย่างไรก็ตามหมิงตงก้าวมาด้านหน้า เขาพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเรื่องจักรวรรดิซีหรือไม่ แต่เจ้าควรจะหลีกทางดีกว่า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะได้เห็นว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
เจ้าเป็นใคร ? เจ้ามาจากกลุ่มไหน ? เจ้าต้องเข้าใจว่าเจ้ายืนอยู่ข้าง ๆ จักรพรรดินี หรือเจ้ากล้าที่จะต่อต้านยอดเขาเทียนซาน” บรรพชนนิกายแยกสวรรค์กล่าวกับหมิงตง แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลุงหมิงซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เขาเครียดอย่างมาก
“เจ้าอยู่ฝ่ายจักรวรรดิเทียน ? ” บรรพชนสำนักสี่เสากระบี่ตะโกนออกมาพร้อมกับใบหน้าที่หมองคล้ำ
“หยุดพูดมาก เจ้าจะหลีกทางหรือไม่ ? ” หมิงคงขมวดคิ้วและใจร้อนเล็กน้อย
“ฮึ่ม.. ช่างหยาบคายอะไรขนาดนี้ ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะมีความสามารถทำให้ข้าหลีกทางได้หรือไม่ ? ” บรรพชนสำนักสี่เสากระบี่พูดอย่างเย็นชา ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งพรวดออกมาจากตัวของเขาและกระบี่สี่เล่มก็ปรากฏออกมาพร้อมกับแผ่พลังทำลายพุ่งตรงไปยังกลุ่มของจักรพรรดินี