เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2247 : จักรพรรดิซีเป็นอิสระ
ตอนที่ 2247: จักรพรรดิซีเป็นอิสระ
“ค่ายกลป้องกันที่นี่ทรงพลังมาก แม้แต่ขั้นบรรพกาลทั่วไปก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อให้ผ่านไปได้ เตรียมรับมือ”ลุงหมิงพูดกับทุกคน หลังจากที่พวกเขาเตรียมรับมือแล้ว เขาก็ปล่อยหมัดออกไปรอบ ๆ เขตต้องห้าม
ทันใดนั้นค่ายกลก็เกิดแสงจนไม่อาจมองเห็น พลังงานปั่นป่วนพุ่งออกมาจากใต้ดินจากหอคอยทั้งสามและค่ายกลทั้งหมด
เนื่องจากมันสามารถทนต่อการโจมตีที่ทรงพลังได้ ค่ายกลจึงเริ่มดูดซับพลังงานทั้งหมดเพื่อผลักดันไปด้านการป้องกันจนถึงขีดสุด
แต่ท้ายที่สุดค่ายกลก็ไม่อาจยับยั้งหมัดของลุงหมิงได้ มันทลายลงหลังจากที่ถึงขีดจำกัด
ขณะที่ค่ายกลถูกทำลาย หอคอยทั้งสามก็ถูกเปิดออก พลังหมัดของลุงหมิงยังคงเดินหน้าทำลายต่อไป หลังจากที่ทำลายค่ายกลแล้วหยุดอยู่ที่หอคอยทั้งสาม ในเวลาเดียวกันพลังที่เกิดจากแรงสั่นสะเทือนรุนแรงมากจนเหมือนกับโลกกำลังสั่น
ปัง !
หลังสิ้นเสียง หอคอยทั้งสามที่ตั้งตระหง่านอยู่มาหลายพันปีก็กลายเป็นฝุ่นหลังจากที่มีการสั่นเล็กน้อยและปลิวหายไปกับสายลม
แล้วสัมผัสได้ถึง 3 คน ตอนนี้ทั้งสามนั่งอยู่ด้วยกันพลางหลับตา มีโซ่สีดำใส่ไว้ที่มือของพวกเขา
โซ่สีดำนี้ถูกสร้างจากพลังงานบริสุทธิ์ ไม่เพียงแต่จะยับยั้งการเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่ยังปิดกั้นการบ่มเพาะของพวกเขาทั้งหมด
พวกเขาสามคนเป็นจักรพรรดิในปัจจุบัน ซีไซหยุนและจักรพรรดิอีก 2 คนที่เป็นบรรพชน ซีห้าวซวนและซีห้าวหมิง !
“ไซหยุน ! ”
“เสด็จพ่อ ! ”
สีหน้าของจักรพรรดินีและซีหยูเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาเป็นซีไซหยุนถูกคุมขัง พวกเขาทั้งสองตะโกนร้องออกมาและรีบเข้าหาอย่างไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง
แต่ในเวลานี้ ห่วงสีดำรอบ ๆ ชายทั้งสามคนนั้นหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ค่ายกลถูกทำลาย โซ่สีดำที่ดูเหมือนจะสูญเสียพลังหล่อเลี้ยงทันที ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีพวกมันก็หายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อโซ่ทั้งหมดหายไป พวกเขาทั้งสามก็ลืมตา ทันใดนั้นมีแสงวาบผ่านดวงตาของพวกเขาทั้งสาม
ทั้งสามคนฟื้นการบ่มเพาะของพวกเขาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็พุ่งขึ้นฟ้าเพื่อสำแดงพลัง มันไม่ถูกจำกัดไปอีกแล้ว
“รีบเก็บพลังแห่งการมีอยู่ของท่านให้เร็ว ๆ อย่าทำอันตรายต่อหยูเอ๋อ” จักรพรรดินีเริ่มโล่งใจเมื่อทั้งสามฟื้นตัว นางเดินไปด้านหน้าซีหยูเพื่อป้องกัน ขณะที่เตือนพวกเขาไปด้วย
ทั้งสามคนประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัว ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? ทำไมวังหลวงของเราถึงได้เป็นแบบนี้….”
“บรรพชนจักรพรรดิอยู่ที่ไหน ? เขาอยู่ที่ไหน ? เรามีหลายสิ่งที่จะถามเขา…..”
ซีห้าวหมิงและซีห้าวหยวนต่างก็ตะโกนออกมาทันที
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอกหลังจากที่ติดกับซีเหลียนซือ ทันทีที่พวกเขาหลุดพ้นพวกเขาก็เกิดการแปลกใจเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ
หลังจากพูดอย่างนั้น จักรพรรดินีก็เริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับทั้งสามคนฟังอย่างละเอียด หลังจากนั้นซีไซหยุน, ซีห้าวหมิงและซีห้าวซวนในที่สุดก็เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือของที่ราบเมฆาขณะที่ถูกขังอยู่
“บรรพชนจักรพรรดิได้กลายเป็นหุ่นเชิดปีศาจ ทำไม ? ทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงเกิดขึ้น…”
“ไม่น่าแปลกใจที่บรรพชนจักรพรรดิจู่ ๆ ก็มาโจมตีพวกเรา ปรากฏว่าเขาไม่ได้เป็นบรรพชนจักรพรรดิที่เราเคยรู้จัก”
ทั้งสามต่างก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างหนักเมื่อพวกเขาได้ยินว่าซีเหลียนซือกลายเป็นหุ่นเชิดปีศาจ
“งั้นก็ปล่อยให้เรื่องบรรพชนจักรพรรดิไว้ก่อน” ตอนนี้พ่อของจักรพรรดิซี, ซีห้าวซวนพูด “มันเป็นหายนะสำหรับทุกองค์กรที่อยู่ในที่ราบเมฆา สิ่งที่เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วมันยากมากที่จะบอกว่าจักรวรรดิซีจะสามารถอยู่รอดได้จากภัยพิบัตินี้ เราต้องคิดกันว่าจะจัดการอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้”
“ที่ราบเมฆาตอนนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งของจักรวรรดิเทียนและอีกฝ่ายหนึ่งของยอดเขาเทียนซาน หากเราไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เราจำเป็นต้องเข้าร่วมกับอีกฝ่าย การเป็นกลางไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี” ซีห้าวหมิงกล่าว
“อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิซีของเราไม่อาจยอมจำนนต่อจักรวรรดิเทียน ข้าขอแนะนำให้เราเข้าร่วมกับยอดเขาเทียนซานแทนจักรวรรดิเทียน แน่นอนว่าเราไม่อาจปล่อยให้จักรวรรดิเทียนพิชิตที่ราบเมฆาได้ทั้งหมด มันจะไม่ส่งผลดีต่อจักรวรรดิซีของเรา” ซีไซหยุนพูด
ซีห้าวหมิงและซีห้าวซวนไม่รีบร้อนเห็นด้วย พวกเขาทั้งสองมองไปที่หมิงตง พวกเขาทั้งสามรู้ว่าเป็นเพราะหมิงตงที่ทำให้พวกเขาหลุดจากการจองจำนี้ได้
“สหาย ข้าสงสัยว่าเจ้า…” ซีห้าวหมิงอยากถามถึงท่าทีของหมิงตงเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หมิงตงก็โบกมือ “ไม่ต้องถามข้า อะไรก็ตามที่เกิดกับที่ราบเมฆามันไม่เกี่ยวกับข้า ส่วนวิธีจะทำอย่างไรมันก็อยู่กับพวกเจ้า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีหากมันไม่ส่งผลกระทบจากตระกูลเทียนหยวนของเรา”
ในเมื่อไม่อาจชักชวนหมิงตงเข้าร่วมได้ จากนั้นเขาก็หันไปทางซีไซหยุนและซีห้าวหมิงและพูดว่า”ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะอยู่ข้างยอดเขาเทียนซานและหยุดยั้งจักรวรรดิเทียนที่มารุกราน ซีไซหยุน เจ้าคือจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ดังนั้นเราจะให้เจ้าเป็นตัวแทนในการหารือ แม้ว่ายอดเขาเทียนซานจะเป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่าในตอนนี้ พวกเขาก็คงไม่พ่ายแพ้ได้ง่ายดายนัก”
“ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าส่วนของสำนักสี่เสากระบี่และนิกายแยกสวรรค์มีคนจำนวนมากในราชวงศ์ของเรา แต่เมื่อมองไปที่ภาพใหญ่ในช่วงเวลาอ่อนไหว”
ในภาคเหนือของที่ราบเมฆา เผ่าเทพที่ร่วงหล่นเป็นกลุ่มที่ยืนอยู่ที่ปลายสุดของที่ราบเมฆา พวกเขามีอัครสูงสุด
อย่างไรก็ตามพันธมิตรที่นำโดยยอดเขาเทียนซานและก่อตั้งกลุ่มคนชั้นสูงไม่กี่คนได้รวมตัวกันทั้งหมดในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น พวกเขาใช้พื้นที่ทางตอนเหนือเป็นแนวป้องกันไม่ให้จักรวรรดิเทียนเข้ามาครอบครอง
ผู้เฒ่าเทียนซาน บรรพชนของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น เหลาม่านเทียน บรรพชนของครอบครัวตง ตงวู่หมิง, บรรพชนของตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟ เลี่ยหยานหวูจิ, บรรพชนสำนักจักรวาล โจวซีเตา, บรรพชนสำนักเต๋าฉุกเฉิน เหอยี่เต๋า และบรรพชนนิกายแยกสวรรค์ กู่หลี ทั้งหมดได้มารวมตัวกันภายในโถงศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าเทพที่ร่วงหล่น พวกเขาเป็นผู้ที่ทำให้ที่ราบเมฆาสั่นคลอนได้
บางคนในหมู่ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเผชิญหน้ากับจักรวรรดิเทียน
“ในแง่ของพลังสูงสุด จำนวนของเราสามารถสู้กับจักรวรรดิเทียน แต่จักรวรรดิเทียนนั้นมีปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ มันทำให้เราอ่อนแอกว่าเล็กน้อย สำหรับกองกำลังส่วนใหญ่ของเราอ่อนแอกว่าจักรวรรดิเทียนได้มีการควบคุมจักรวรรดินิรันดร์ทั้งสี่ ดังนั้นในแง่ของความแข็งแกร่งและจำนวนของกองกำลังอย่างน้อยก็มากกว่าพวกเขาถึงสองเท่า เราอ่อนแอกว่าจักรวรรดิเทียนทั้งในแง่ของพลังสูงสุดและกองกำลังส่วนใหญ่ ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ดีนัก” เหลาม่านเทียนพูดอย่างเคร่งเครียด
“หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป เราคงไม่อาจอยู่ได้นาน เมื่อจักรวรรดิเทียนตัดสินใจเพิกเฉยต่อความสูญเสียและจัดการกับเราโดยไม่คำนึงผลที่ตามมา ทำให้เรามีเวลาน้อยลง” ตงวู่หมิงพูดเสริม