เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2249 : พลังของฝ่ามือที่โจมตีเข้ามา
ตอนที่ 2249: พลังของฝ่ามือที่โจมตีเข้ามา
ชายชรา 2 คนปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ข้าง ๆ ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้เหนือวังหลวงของจักรวรรดิเทียน
ทั้งสามคนเป็นรากฐานของจักรวรรดิเทียนเป็นทั้งเสาหลักและการสนับสนุน และยังเป็นเหตุผลเดียวกันว่าทำไมจักรวรรดิเทียนถึงได้เป็นจักรวรรดินิรันดร์
อย่างไรก็ตามชายชราทั้งสองนั้นค่อนข้างอ่อนแอกว่าปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ พวกเขาเป็นแค่เพียงอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 1 และชั้นสวรรค์ที่ 2 เท่านั้น
“กลิ่นอายปีศาจที่น่าทึ่งอะไรเช่นนี้ เขาเป็นใคร ? ”
“ขะ-ขะ-เขาเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้างั้นหรือ ? ”
ชายชราทั้งสองต่างก็มองดูท้องฟ้าด้วยความตกใจ พวกเขาจริงจังอย่างมาก
แม้ว่าพวกเขาจะมีการบ่มเพาะที่น่ากลัวและใกล้เคียงกับตัวตนที่สูงส่งในที่ราบเมฆา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกกดดันกับกลิ่นอายปีศาจ
“หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้างั้นหรือ ? ” ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้พึมพำ จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะ “ท้ายที่สุดเขาก็ปรากฏตัว ข้ารอเขามาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ข้าอยากจะรู้ว่าหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดที่สังหารผู้นำดาวเคราะห์เทียนหมิงและยังกล้าพอที่จะต่อสู้กับผู้อาวุโสประจำโถงของเผ่าเทพนั้นทรงพลังตามที่ข่าวได้ลือออกมาหรือไม่ ฮิฮิ ข้าหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
อัครสูงสุดทั้งสองของจักรวรรดิเทียนทั้งคู่ต่างก็หยุดกังวลเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ หนึ่งในนั้นพูดอย่างโหดร้ายว่า “ปีศาจสวรรค์ มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะกำจัดหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าได้หรือไม่”
ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้พยักหน้า ในเวลาเดียวกันพลังแห่งการมีอยู่ที่แผ่ออกจากเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้น กลิ่นอายปีศาจลอยอบอวนรอบ ๆ ตัวของเขา เขาเย้ยหยัน “ข้าจะไปทดสอบหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลิทธิปีศาจชั้นฟ้า ระวังตัวและป้องกันการโจมตีใด ๆ ที่อาจจะมาจากยอดเขาเทียนซานในช่วงเวลานี้”
จากนั้นปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ก็พุ่งตัวออกไปยังที่ที่กลิ่นอายปีศาจพลุ่งพล่าน เขาบินเข้าไปยังก้อนเมฆขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เต็มที่ราบเมฆา
ในเวลาเดียวกันความแข็งแกร่งของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ที่อยู่ในขั้นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 ก็ปรากฏขึ้น พลังงานรอบ ๆ ถูกควบแน่นทำให้เกิดมิติพังทลาย พลังแห่งการมีอยู่ของเขานั้นทรงพลังมากเสียจนแทบทำให้ผืนดินด้านล่างต้องจมลงอย่างต่อเนื่อง
จักรวรรดิเทียนได้เปิดใช้งานค่ายกลอย่างเต็มที่ ม่านพลังก่อตัวโอบล้อมทั้งดินแดนของจักรวรรดิเทียน
ภายในยังมีค่ายกลที่สองและที่สาม
ค่ายกลที่สองโอบล้อมเมืองหลวงขนากใหญ่ของจักรวรรดิเทียนทอดยาวไปกว่าหนึ่งล้านกิโลเมตร ในขณะที่ค่ายกลที่สามล้อมรอบวังหลวง
ค่ายกลที่สามนั้นมีพลังมากกว่าทุกอัน มันใช้อัครสูงสุดทุกคนในการเปิดใช้งานค่ายกลในจักรวรรดิเทียน ดังนั้นพลังป้องกันของมันจึงน่าตกตะลึงมาก
“ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ปะทะกับหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดจากลัทธิปีศาจชั้นฟ้า…”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดรวมตัวกันข้างนอกเผ่าเทพที่ร่วงหล่นในภาคเหนือและจ้องมองไปที่ท้องฟ้าสีดำ พวกเขาทั้งหมดจับจ้องไปยังทิศทางภาคกลาง
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของที่ราบเมฆา แม้ว่าจะมีระยะห่างที่ไหลมากระหว่างที่ราบทั้งสอง แต่พวกเขาก็ยังสามารถเห็นค่ายกลป้องกันของจักรวรรดิเทียนได้อย่างง่ายดายด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของพวกเขา
ในเวลาเดียวกัน หมิงตงก็ลอยอยู่ในอากาศภายใต้การคุ้มครองของลุงหมิง ขณะที่เขาจ้องมองไปยังทิศทางของภาคกลาง
ข้างหมิงตง จักรพรรดินีและบรรพชนจักรพรรดิทั้งสองยืนอยู่ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว พวกเขาทั้งสามคนจ้องมองไปยังก้อนเมฆปีศาจ ขณะที่หัวใจของพวกเขาสั่นเทา
ทันใดนั้น เมฆมหึมาบนท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนอย่างรุนแรง มือขนาดใหญ่ที่ย่อมาจากกลิ่นอายปีศาจก็ยื่นออกมาจากก้อนเมฆ
มือนั้นเป็นของมนุษย์อย่างแท้จริง มันยาว 1 ล้านกิโลเมตรทำให้ดูเหมือนทวีปเล็ก ๆ มันหุ้มเมืองหลวงของจักรวรรดิเทียนทั้งหมด
ด้วยการที่มีปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้เป็นผู้นำ เขาได้ใช้การโจมตีที่น่าอัศจรรย์ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 ปะทะเข้ากับฝ่ามือ
ทันใดนั้นมิติก็พังทลายและท้องฟ้าก็แตกกระจาย โลกทั้งใบดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงต่อการปะทะครั้งใหญ่และสั่นสะเทือนทั่วทั้งภาคกลางอย่างรุนแรง เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทำให้คลื่นซัดสาดและพื้นดิน ภูเขานับไม่ถ้วนพังทลายลงกลายเป็นลำน้ำ
การโจมตีของอัครสูงสุดนั้นไม่ธรรมดา หากไม่ได้ค่ายกลป้องกัน จักรวรรดิเทียนทั้งหมดอาจจะพังทลายลงจากการกระจายของคลื่นพลังงาน
อย่างไรก็ตามการโจมตีของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ไม่เพียงแต่จะทำให้มือนั้นกระจายกลายเป็นกลิ่นอายปีศาจ แต่มือก็ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่น้อย มันยังคงตกลงมาจากฟ้าอย่างไม่หยุด
ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้อยู่ภายใต้มือ ในขณะที่มือกำลังลงมากดลงพื้นเช่นกัน
“โอ้ ไม่ ! ” หัวใจของอีกสองคนของอัครสูงสุดจากจักรวรรดิเทียนจมดิ่งเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาบินออกไปทันที พร้อมกับร่วมมือกับปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้เพื่อรับมือกับมือขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทั้งสามจะร่วมมือกันพวกเขาก็ไม่อาจทำให้มือนั้นช้าลงได้ ท้ายที่สุดก็เกิดเสียงดังก้อง มือขนาดใหญ่ได้บังคับให้ทั้งสามรับมือย่างย่ำแย่ก็ได้ทำลายค่ายกลป้องกันทั้งสามอันที่ป้องกันจักรวรรดิเทียนและโจมตีไปที่เมืองหลวงราวกับว่ามันไม่มีอะไรจะหยุดมันได้
ทันใดนั้นผืนดินสะเทือนอย่างรุนแรงและพื้นที่ทั้งที่ราบทุกภูมิภาคของที่ราบเมฆาก็สั่นอย่างรุนแรง แต่เดิมที่ราบเมฆานั้นยังคงลอยอยู่เฉย ๆ ในอวกาศรอบนอกจนตอนนี้ได้ลอยขยับออกไปเพราะการโจมตี
การโจมตีของฝ่ามือได้ทำให้ที่ราบเมฆานั้นเปลี่ยนทิศทางในอวกาศ
เมืองหลวงของจักรวรรดิเทียนได้หายไปพร้อมกับวังหลวงที่งดงาม ทั้งจักรวรรดิทั้งหมดได้ราบเป็นหน้ากลอง
เหล่าผู้มีชีวิตมากมายที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงและผู้เชี่ยวชาญที่ยืนหยัดข้างจักรวรรดิเทียนได้ตายเพราะการโจมตีของฝ่ามือ
เหลือเพียงอัครสูงสุด 3 คนและอีกสองคนที่เหลือเพียงลมหายใจรวยริน ทั้งสองนั่นไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เมื่อถูกขังอยู่ในโถงและมันก็ได้ถูกทำลายไป
ฝ่ามือได้บังคับให้อัครสูงสุดทั้งสามจมอยู่บนดิน พวกเขาหน้าซีดและมีเลือดไหลออกจากมุมปากทุกคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
สิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้รับอันตรายทั้งสองนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะพวกเขาคือเสี่ยวจินและเสี่ยวหลิงที่ถูกปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ขังเอาไว้
ปัจจุบันเสี่ยวหลิงและเสี่ยวจินได้ลอยอยู่บนอากาศด้วยการห่อหุ้มของกลิ่นอายปีศาจ ด้านล่างพวกเขาไม่เหลือผืนดินเลย มีแต่หลุมลึกที่เกิดจากการโจมตี
ที่อยู่ตอนนี้มันต่ำกว่าระดับพื้นดินมากนัก
เสี่ยวจินที่กำลังถูกกลิ่นอายปีศาจห่อหุ้มเต็มไปด้วยความตกใจ เขากลายเป็นเหมือนคนโง่งม
“กะ-กะ-เกิดอะไรขึ้น ? ” เสี่ยวจินงุนงงอย่างสมบูรณ์ เมื่อเขามองไปที่หลุมลึก
อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลิงไม่ได้รู้สึกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น นางสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ที่คุ้นเคยอย่างมาก ทำให้ความทรงจำของนางล่องลอย ดวงตาของนางแดงและมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ นางมองไปรอบ ๆ ในความมืดอย่างไร้ประโยชน์และสะอื้น “นายท่าน ท่านอยู่ไหน ? เสี่ยวหลิงรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่แล้ว ท่านอยู่ที่ไหน ? เสี่ยวหลิงกลัว อย่าทิ้งเสี่ยวหลิง….”
ราวกับเด็กน้อยที่หลงทาง เสี่ยวหลิงร้องไห้เสียงดัง นางร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและรู้สึกได้ถึงความโหยหา
“เสี่ยวหลิงไม่ต้องกลัว นายท่านกำลังจะพาเจ้ากลับมา ตั้งแต่วันนี้ไป จะไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้อีกต่อไป” ในเวลานี้เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ ต่อหน้าเสี่ยวหลิง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาปรากฏตัวอยู่ที่นั่น มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ที่นั่นตลอดเวลา หลอมรวมกับกลิ่นอายปีศาจรอบ ๆ ข้าง ไม่มีใครพบร่องรอยของเขาเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่เสี่ยวหลิง มันก็เต็มไปด้วยความรักราวกับพ่อมองลูกสาวของเขา พร้อมกับความเจ็บปวดลึก ๆ ซ่อนอยู่
เสี่ยวหลิงร้องไห้ออกมาอย่างดังเมื่อนางเห็นชายวัยกลางคน นางโผเข้ากอดเขาทันทีและร้องไห้เสียงดัง น้ำตาของนางไหลลงมาราวกับสายฝนเพื่อเป็นการระบายความยากลำบากทั้งหมดที่นางพบเจอและสะสมมาตลอดหลายปี