เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2251 : ข้าไม่ต้องการ!
ตอนที่ 2251: ข้าไม่ต้องการ!
“เจ้าต้องการที่จะยอมแพ้ ? ” ชายชุดดำจ้องไปที่วิญญาณสลัว ๆ ของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ ในขณะที่เขาพูดอย่างเย้ยหยัน
“ถูกต้อง ข้ายอมจำนนต่อเจ้าและขอเป็นลูกน้องของเจ้าพร้อมกับรับใช้เจ้าอย่างสุดความสามารถ” ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้พูดอย่างเร่งรีบ อัครสูงสุดอีก 2 คนของจักรวรรดิเทียนได้ยินคำพูดนี้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นใบหน้าของอัครสูงสุดทั้งสองก็หมองหม่น พวกเขากลายเป็นอ่อนแรง
“ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ทั้งหมดเป็นเพราะการต่อต้านลัทธิปีศาจชั้นฟ้าที่ทำให้จักรวรรดิเทียนของเราตกต่ำ ปีศาจชั้นฟ้า ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้เราจะหยุดเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เรามีหลังจากที่เจ้าตั้งเป้าหมายไปที่ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า” อัครสูงสุดทั้งสองเต็มไปด้วยความเสียใจ อย่างไรก็ตามพวกเขาเข้าใจว่าความเสียใจก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
จักรวรรดิเทียนถูกสร้างมานาน โดยพื้นฐานแล้วอำนาจส่วนกลางและอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิเทียนอยู่ที่วังหลวงในการออกคำสั่งต่าง ๆ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำลายด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียว
“ตามความรู้ของข้า ไม่มีใครเป็นอัครสูงสุดในลัทธิปีศาจชั้นฟ้านอกจากเจ้า เมื่อข้าเป็นอัครสูงสุดชั้นสวรรค์ที่ 4 ถ้าข้าเข้าร่วมกับลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นอีก” ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้พูดอย่างเร่งรีบ โดยทั่วไปเขายินดีที่จะทำทุกอย่าง เพราะเขารู้ดีว่าชะตากรรมที่รอคอยเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย หากเขาไม่ทำอย่างนี้
“เจ้าพูดถูก นอกจากข้าแล้ว ไม่มีใครเป็นอัครสูงสุดในลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอีก” ชายชุดดำพูดอย่างอ่อนโยน แต่สายตาของเขาที่มีต่อปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้นั้นก็ยังคงเย็นชาอยู่ดี
ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้โล่งใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดว่าหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดยอมรับเขาแล้ว คำพูดของหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดกลับทำให้เขาต้องเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายอีกครั้ง
“แย่หน่อย ที่ข้าไม่ต้องการ ! ”
ด้วยเหตุนี้ หัวของปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้จึงระเบิดออกทันที มือที่ควบแน่นจากกลิ่นอายปีศาจบีบกะโหลกศีรษะของเขาตรง ๆ ทำให้วิญญาณของเขาถูกทำร้ายอย่างเลวร้าย
“ไม่ ! ” ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที วิญญาณของเขาก็หายไปภายใต้น้ำมือของหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดที่ค่อย ๆ ลดมือลง
หลังจากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้ามองไปที่อัครสูงสุดทั้งสองคนของจักรวรรดิเทียน
“การทำลายลัทธิปีศาจชั้นฟ้าและการจับตัวเด็กหญิงนั้นเป็นเพราะปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ลงมือด้วยตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา…” อัครสูงสุดถอนหายใตอย่างเบา ๆ ดวงตาของเขามืดหม่นราวกับขี้เถ้า
หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาเย็นชาและไร้อารมณ์, ไร้ความปราณี เขายื่นมือออกมาและดึงวิญญาณที่ส่องแสงออกมา 2 ดวงตรง ๆ
หลังจากสูญเสียวิญญาณ ร่างกายของอัครสูงสุดทั้งสองก็ล้มลงอย่างไร้กำลัง แรงกดดันที่ทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็วและหายไปในเวลาไม่นาน
“ปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้ตาย…”
“ทั้งสองคนจากจักรวรรดิเทียนก็ตายเช่นกัน…..”
“จักรวรรดินิรันดน์ถูกทำลายง่าย ๆ เช่นนี้……”
…
ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดที่มารวมตัวกันที่ด้านนอกเผ่าเทพที่ร่วงหล่นถอนหายใจ สีหน้าของพวกเขาผสมผสานปนเป
ในช่วงไม่กี่วันมานี้จักรวรรดิเทียนได้กดดันเขาจนทำให้เขาหายใจไม่ออก แต่จักรวรรดินิรันดร์ก็ล่มสลายลงในเวลาสั้น ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้มีผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาค่อนข้างมาก
“ออกคำสั่งทันที ให้ทุกคนระดมกำลังและสังหารคนที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิเทียน….” ผู้เฒ่าเทียนซานออกคำสั่งอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองไปยังผู้เชี่ยวชาญรอบ ๆ ตัวของเขา เขาพูดอย่างเคร่งเครียด “ทุกคนรออยู่ที่นี่และรอต้อนรับหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า”
ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดทั้งหมดที่รวมตัวกันที่นี่ตกใจเมื่อพวกเขาได้ยิน บางคนตะโกนออกมา “ท่านพูดว่าอะไรนะ ? หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าจะมาที่นี่งั้นหรือ ? ”
ในขณะนี้สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทั้งหมด พวกเขาหวาดกลัวต่อหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นเขาต่อสู้เสียอีก แต่ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่สบายใจ
ผู้เฒ่าเทียนซานพยักหน้า เขามองไปที่เผ่าเทพที่ร่วงหล่นและพูดว่า “เรียกฮุสตันออกมา ! ” เสียงของผู้เฒ่ายอดเขาเทียนซานดังขึ้นไปจนถึงส่วนลึกของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น ภายในเรือนเล็ก ๆ ที่เงียบสงบที่ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อผู้เฒ่าเทียนซาน
…
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สวมชุดขาวยืนอยู่บนหลังคาภายใตตระกูลเทียนหยวน เขาจ้องไปที่เมฆปีศาจที่ปั่นป่วนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความตกใจ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเทียนหยวน, อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน, หรือภาคใต้ทั้งหมด ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆปีศาจ ทำให้มันมืดสนิท
โคมไฟส่องสว่างไปทั่วทั้งตระกูลเทียนหยวนและถนนต่าง ๆ ของเมือง พวกเขาใช้มันส่องแสงแม้เพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มันมืดเกินไป
“ทรงพลังยิ่งนัก ! ” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์คิดอย่างตกใจ
“จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ควรแข็งแกร่งจากการสังหารและเติมโตขึ้นท่ามกลางการนองเลือดของศัตรู ไม่เหมือนอย่างเจ้า การบ่มเพาะอย่างช้า ๆ และสบาย ๆ จะทำให้เจ้ากลายเป็นดอกไม้ในเรือนกระจกเท่านั้น เจ้าไม่อาจรับภาระใด ๆ ได้”
ในเวลานี้มีเสียงดังขึ้นด้านหลังจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้นเสียงนี้ทำให้จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ตกใจอย่างมาก เขาหันกลับไปมองก็เป็นชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาอย่างเงียบ ๆ
ชุดสีดำของเขาพรางเข้ากับความมืดมันราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อม
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เดินโซเซไปด้านหลังทันที เขาจ้องมองค่ายกลรอบ ๆ ตระกูลเทียนหยวนทั้งหมดขณะที่เขาตะโกนว่า “เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ? ”
“ค่ายกลนี้สามารถหยุดได้แม้แต่ขั้นบรรพกาล แต่มันไม่อาจหยุดข้าได้” ชายชุดดำพูดอย่างไม่แยแส
ในตอนนี้สายตาของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มปรับตัวกับความมืดได้และท้ายที่สุดเขาก็เห็นใบหน้าของชายชุดดำ มันทำให้เขาตกใจ
“จะ-จะ-เจ้า….” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์จ้องไปที่ชายชุดดำด้วยดวงตาที่เบิกกว้างพร้อมกับความไม่อยากเชื่อบนใบหน้า
“เจ้าอาจเดาได้ถึงตัวตนของข้าได้แล้วและเจ้าก็เดาได้ถูกต้อง”ชายชุดดำกล่าว
“งั้น…ข้าจะเชื่อเจ้า” จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์สงบลงอย่างรวดเร็วและพูดด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป
“โมเทียนหยุน นี่คือชื่อจริงของข้าไม่ใช่สิ่งที่ข้าสร้างขึ้น” ชายชุดดำพูด หลังจากนั้นการจ้องมองของเขาก็เริ่มทิ่มแทงจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างใกล้ชิดและพูดอย่างโหดเหี้ยม “เรา จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งในสายเลือดที่ทรงพลังที่สุดในโลก มันเพียงพอที่จะแข่งขันกับมังกรบรรพกาลได้ตรง ๆ อย่างไรก็ตามพลังจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราและศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดนั้นสามารถถูกปลุกให้ตื่นได้หลังจากผ่านความเป็นตาย ผ่านซากศพกองกันเป็นภูเขาและใช้เลือดศัตรูมาอาบต่างน้ำ หากเจ้ายังอยู่ภายในตระกูลเทียนหยวนและหลีกเลี่ยงการต่อสู้เหล่านี้ มันจะมีแต่อันตรายเท่านั้น ท้ายที่สุดสายเลือดของเจ้าก็เป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์มาก”
โมเทียนหยุนพูดอย่างมีพลัง เขากำลังอธิบายในฐานะผู้อาวุโสต่อชนรุ่นหลัง
จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มละอายใจ เขาพูดว่า “ข้ารู้ ข้าอยู่ที่นี่เพียงเพื่อรอพี่ใหญ่กลับมา”
“พี่ใหญ่ของเจ้า ? ” โมเทียนหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขากลับล้ำลึกขึ้นไปอีก มีการคาดเดาได้ผ่านสายตาของเขา เขารู้ว่าจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นหมายถึงใคร เขาพูดว่า “เจี้ยนเฉินไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเขา เจ้าควรจะเดินไปตามทางของเจ้า”
“พวกเรา จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมาจากโลกอมตะ เราไม่ได้อยู่ในโลกเซียน เราจะฆ่าเพื่อเปิดทางไปยังโลกอมตะสักวันหนึ่งและแก้แค้น เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าหวังว่าอย่างน้อยที่สุดเจ้าจะสามารถป้องกันตัวเองได้” โม่เทียนหยวนพูด ทันทีที่เขาพูดถึงการแก้แค้น โม่เทียนหยวนก็พยายามสงบสติอารมณ์ของเขา อารมณ์ของเขาผันผวนเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็ส่งยันต์ให้กับจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์และพูดว่า “ยันต์เคลื่อนย้ายนี้จะพาเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะพาเจ้าไปยังโลกที่ล่มสลาย โลกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของโลกวิญญาณ สภาพแวดล้อมที่น่ากลัวและเต็มไปด้วยความอันตรายที่การประมาทเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ตายเอาได้ อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับความบังเอิญก็มาพร้อมกับความอันตราย มันจะเป็นสถานที่ที่เหมาะที่เจ้าจะฝึกฝน ถ้าเจ้าพร้อมก็ไปได้”
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นหลายคนตายที่นั่น แต่เมื่อเจ้าไป ข้าจะไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับเจ้า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเจ้า”
“อย่าทำให้เสียชื่อว่าเป็นสายเลือดของจักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์….”
โมเทียนหยุนหายตัวไปอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่ทิ้งยันต์ไว้และกายตัวไปอย่างที่เขาเข้ามา ค่ายกลตระกูลเทียนหยวนก็ไม่อาจตรวจพบเขาได้แม้แต่น้อย
ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดที่ยืนอยู่ด้านนอกของเผ่าเทพที่ร่วงหล่นรออย่างเงียบ ๆ ขณะที่หลาย ๆ คนต่างกระวนกระวาย
ฮุสตันก็ปรากฏตัวพร้อมกับพวกเขาด้วยชุดคลุมสีโลหิต เขายืนอยู่ข้าง ๆ ผู้เฒ่าเทียนซานอย่างเงียบ ๆ
ในเวลานี้ ชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ เขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับเอามือไพล่หลัง เขาอยู่ห่างจากผู้เชี่ยวชาญสุดยอดออกไปแค่ 100 เมตร
เขาคือโมเทียนหยุน !
การมาถึงของเขาทำให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดต้องหยีตาและหรี่มอง พวกเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
“ในที่สุดเจ้าก็มา” ผู้เฒ่าเทียนซานมองไปยังชายชุดดำและพูดอย่างจริงจัง
โมเทียนหยุนไม่ได้มองไปที่ผู้เชียวชาญที่รวมตัวกันที่นี่ เขากลับมองไปที่ฮุสตันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้เฒ่าเทียนซาน ในขณะที่เขาเริ่มมีอารมณ์ มีความตื่นเต้นและกระดือรือร้นที่ไม่เปิดเผยในแววตาส่วนลึกของเขา
อย่างไรก็ตามเขาสงบลงในไม่ช้า เขามองไปที่ผู้เฒ่าเทียนซานชุดขาวที่อยู่ด้านหน้าและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการดูแลเขามาตลอดหลายปี”
ผู้เฒ่าเทียนซานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดช้า ๆ “ข้าช่วยเขาเพราะเห็นแก่ที่ราบเมฆา ข้าไม่ต้องการให้มีการสังหารหมู่เกิดขึ้นบนที่ราบเมฆา”
“เรื่องของข้ากับจักรวรรดิเทียนจบลงแล้ว ข้าจะปล่อยที่เหลือไว้ให้เจ้า” จากนั้นโม่เทียนหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป เขาโบกมือและกลิ่นอายปีศาจก็ห่อหุ้มรอบ ๆ ตัวฮุสตัน ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไป