เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2252 : ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าถอนตัว
ตอนที่ 2252: ลัทธิปีศาจชั้นฟ้าถอนตัว
ชายหญิงหลายสิบคนที่ตัวกันอย่างผันผวนเหนือที่ราบเมฆา ภายใต้การจ้องมองทั้งหมดไปที่เมฆปีศาจที่ค่อย ๆ หายไปต่างก็มีความสุขและความตื่นเต้นที่ไม่เปิดเผยซึ่งปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขา
พร้อมกับอารมณ์เหล่านั้น มีความเครารพและนับถือมาจากส่วนลึกของจิตใจ
คนเหล่านี้ส้วนแต่เป็นสมาชิกระดับสูงของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า เจ็ดอาวุโสที่เหลือทั้งหมดปรากฏตัวพร้อมกัน มีมีพลังแห่งการมีอยู่ในขอบเขตตั้งต้น
นอกเหนือจากผู้อาวุโสทั้งเจ็ดแล้วยังมีคนอ้วนอีก 4 คน, ชายกำยำ พวกเขาสวมเสื้อผ้าสีดำขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเย็นชาและไร้อารมณ์
สายตาของชายทั้งสี่นั้นแหลมคมและเต็มไปด้วยจิตสังหาร พวกเขาทั้งหมดมีกลิ่นอายโลหิตอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าสถานะของพวกเขานั้นเกินกว่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ด
แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งเจ็ด บางคนก็มองไปที่ชายหัวล้านด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
นี่เป็นเพราะชายทั้งสี่เป็นแม่ทัพที่เหลืออยู่ของลัทธิปีศาจชั้นฟ้า
ทั้งผู้อาวุโสและแม่ทัพยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่
ในเวลานี้พลังกลิ่นอายปีศาจก็ปรากฏมาที่ด้านหน้าของพวกเขาอย่างทันทีทันใด ภายในนั้นมีคนลาง ๆ อยู่
“คารวะหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ! ”
สมาชิกคนสำคัญทั้งหมดของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าคำนับอย่างนอบน้อมต่อกลิ่นอายปีศาจด้านหน้า
“หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ไม่เพียงแต่ที่ราบเมฆาเท่านั้นที่ถูกทำลาย มันยังรวมสาขาของเราด้วย แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย แถมปีศาจสงครามยังตายด้วย ความคับแค้นใจนี้ไม่อาจเก็บไว้ได้อย่างแน่นอน หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดโปรดให้คำสั่งเพื่อที่เราจะได้ชำระหนี้เลือดบนที่ราบเมฆา”
“หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด โปรดออกคำสั่ง ส่งกองกำลังเพื่อชำระหนี้เลือดบนที่ราบเมฆา….”
สี่แม่ทัพพูดพร้อมกัน พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารและแผ่กลิ่นอายโลหิตที่เข้มข้น
แม่ทัพทั้งห้าเป็นดั่งพี่น้องที่ผ่านความทุกข์และความสุขมาด้วยกัน ตอนนี้หนึ่งในนั้นตายแล้ว อีก 4 คนที่เหลือก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ข้าได้สังหารปีศาจสวรรค์เที่ยงแท้แล้วและจักรวรรดิเทียนก็หายไป เรื่องราวของที่ราบเมฆาสิ้นสุดลงแล้ว….” หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ในกลิ่นอายปีศาจพูดอย่างหนักแน่น ราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นคำสั่งของจักรพรรดิ มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงต่อจักรวาลทั้งหมด
“ตามแต่ที่หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดต้องการ ! ” แม่ทัพทั้งสี่ตอบอย่างสุภาพ ต่อหน้าหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด พวกเขาต้องยอมรับการตัดสินใจทั้งหมดของเขาเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าคัดค้านใด ๆ แม้ว่าพวกเขาจะลังเลอย่างมาที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้จบลง พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
“หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุด ห้วยอัน หนึ่งในรองหัวหน้าสาขาของที่ราบเมฆาได้ทรยศลัทธิปีศาจชั้นฟ้า ข้าได้ใช้ทักษะลับเพื่อและพบว่าห้วยอันยังมีชีวิตอยู่ หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดโปรดออกคำสั่งเพื่อที่เราจะได้เข้าไปจับกุมเขา” หญิงสาวคนหนึ่งในเกราะสีดำพูดอย่างนอบน้อมด้านหลังผู้อาวุโสทั้งเจ็ด
หญิงสาวคนนี้มีความงามล่มเมืองอย่างแท้จริง คำพูดและการกระทำของนางล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้แต่นางที่อยู่ในชุดเกราะ เสน่ห์ของนางก็ไม่อาจกลบเอาไว้ได้ มันยังเพิ่มความพิเศษให้กับนางอีกด้วย
หญิงสาวคนนี้คือผู้บัญชาการกองทัพที่เจ็ดของสาขาที่ราบเมฆา หย่าซีเหลียน
หัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดคิดอย่างช้า ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะพูดว่า “จะมีคนตามหาห้วยอันเพื่อแก้แค้น เราไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเขาอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะถอยออกจากที่ราบเมฆา อย่ามายุ่งที่ราบเมฆาอีกต่อไป”
“รับทราบ ! ” ทุกคนที่รวมกันอยู่ที่นี่ขานรับ แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่าทำไมพวกเขาต้องถอยออกจากที่ราบเมฆา แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
…
หลังจากนั้นสถานการณ์บนที่ราบเมฆาก็ถูกรายงานทันที การเสียชีวิตของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากจักรวรรดิเทียนทำให้พันธมิตรของเขาอ่อนแอลงอย่างมาก หลังจากนั้นกองกำลังที่เหลือของพันธมิตรก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้สูงส่งและตระกูลชั้นสูงต่าง ๆ ภายใต้การนำของผู้เฒ่าเทียนซาน ซึ่งทำให้พวกเขาได้แต่หนีเพียงเท่านั้น
ไม่นานพวกเขาก็สูญเสียการควบคุมในภาคกลาง กองกำลังที่เหลือของจักรวรรดิเทียนทะลวงฝ่าวงล้อมภายใต้การนำของอัครสูงสุดทั้งสี่และพวกเขาก็ถอยไปยังภาคใต้ของที่ราบเมฆา พวกเขาสร้างค่ายกลหลายแบบเพื่อเตรียมเอาไว้ใช้ป้องกันแนวสุดท้ายของเขาในการรับมือกับการโจมตีของพันธมิตรที่นำโดยยอดเขาเทียนซาน
เนื่องจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พันธมิตรที่นำโดยผู้เฒ่าเทียนซานก็ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ภายใต้ความพยายามของจักรวรรดินิรันดร์ทั้งสี่ กองกำลังส่วนใหญ่ของพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอำนาจมากพอที่จะจัดการกับกองกำลังที่เหลืออยู่ของจักรวรรดิเทียนได้อีก แม้ว่าพวกเขาจะต้องการ พวกเขาไม่อาจสูญเสียไปมากกว่านี้ได้ ดังนั้นการตามล่ากองกำลังที่เหลือจึงเป็นกระบวนการที่ล่าช้าอย่างมาก
พวกเขาไม่อาจรับผลที่เกิดจากสงครามเต็มรูปแบบได้เช่นเดียวกัน พันธมิตรของจักรวรรดิเทียนก็ไม่อาจรับผลที่เกิดจากสงครามเป็นตายได้หากกองกำลังที่เหลือหายไป พันธมิตรจักรวรรดิเทียนก็จะหมดหวังจริง ๆ ผลข้างเคียงของยอดเขาเทียนซานก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่ค่อนข้างสูงเพื่อที่จะฆ่าพวกเขา มันอาจจะนำไปสู่ความตายของอัครสูงสุดฝ่ายของเขา
อัครสูงสุดที่อยู่ฝั่งยอดเขาเทียนซานก็ไม่เต็มใจที่จะตายพร้อมกับฝ่ายตรงข้าม
ทำให้พวกเขาติดอยู่ในทางตันกับกองกำลังที่เหลือของจักรวรรดิเทียน
ครอบครัวราชวงศ์ของจักรวรรดิซีก็ไม่อาจเปล่งประกายได้เช่นกัน เมื่อจักรพรรดิซีไปยังเผ่าเทพที่ร่วงหล่นเพื่ออธิบายความสับสนวุ่นวายของจักรวรรดิซี มันก็ไม่ได้เป็นไปได้ด้วยความราบรื่นอย่างที่คิดเอาไว้ ตอนแรกภายใต้การแทรกแซงของบรรพชนนิกายแยกสวรรค์และสำนักสี่เสากระบี่
อย่างไรก็ตามบรรพชนจักรพรรดิของจักรวรรดิซี ซีเหลียนซือ ก็เงียบหายไป เขาหายไปโดยสิ้นเชิง
การสูญเสียขั้นบรรพกาลชั้นสวรรค์ที่ 9 นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจประเมินได้ของจักรวรรดิซี
และด้วยท่าทีของเผ่าเทพที่ร่วงหล่น มันก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าครอบครัวราชวงศ์จะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
มีเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่ถือว่าสงบสุขบนที่ราบเมฆาที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ และสถานที่แห่งนั้นคือตระกูลเทียนหยวน
ตระกูลเทียนหยวนเป็นที่เดียวที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจะได้รับผลกระทบที่ซับซ้อนและวุ่นวายบนที่ราบเมฆา
แม้แต่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียนก็ยังพยายามทำให้ความวุ่นวายสงบลง
“กองกำลังที่เหลืออยู่ของพันธมิตรจักรวรรดิเทียนหนีลงใต้จริง ๆ และพวกเขาเข้าควบคุมจักรวรรดิตะวันโลหิต ? ” หมิงตงที่กลับมาได้รับข่าวการล่าถอยเช่นกัน มันทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ลุงหมิง ค่ายกลรอบเมืองนี้ต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง ข้าต้องประกาศให้ทั่วทั้งภาคใต้รู้ว่าแคว้นตงอันไม่ใช่สถานที่ซึ่งพวกเขาจะเข้ามาได้ด้วยค่ายกลนี้”
“ตราบใดที่พวกเขาไม่รุกรานแคว้นตงอัน ข้าไม่สนใจว่าเขาจะก่อปัญหามาก่อนมากแค่ไหน มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แม้ว่าพวกเขาจะทำให้ภาคใต้ทั้งหมดวุ่นวาย แต่ถ้าพวกเขาก่อเรื่องขึ้นในแคว้นตงอัน ฮึ่มมม” มีประกายชั่วร้ายวาบผ่านสายตาของหมิงตง
ลุงหมิงพยักหน้าและรีบทำค่ายกลให้เสร็จ
ไม่นาน จักรพรรดิพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ก็กล่าวอำลากับทุกคนในตระกูลเทียนหยวนอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะใช้ยันต์ที่โมเทียนหยุนให้เขาและออกจากตระกูลเทียนหยวนไปยังซากปรักหักพังของโลกจิตวิญญาณปราชญ์
“ช่างเป็นยันต์ที่ทรงพลังจริง ๆ เขาได้สิ่งนี้มาจากไหน ? ”
ลุงหมิงสัมผัสได้ถึงยันต์ก็ต่อเมื่อมันถูกใช้งานและเขาก็เกิดความสงสัยทันที
…
เจี้ยนเฉินกลับไปที่ยอดเขาทะยานเมฆพร้อมกับไป๋หยูและอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตามผู้นำยอดเขาทะยานเมฆ หานซินก็มารอเขาอยู่ที่นั่นมาระยะหนึ่งแล้ว ทันทีที่พวกเขาเห็นทั้งสองกลับมา เขาก็ยิ้มอย่างดีใจบนใบหน้าซีด ๆ ของเขา
“คารวะท่านอาจารย์ ! ”
“คารวะท่านอาจารย์ ! ”
เจี้ยนเฉินและไป๋หยูต่างก็คารวะหานซิน
ใบหน้าของหานซินเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ไม่เปิดเผยมาก่อน เขากล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ยอดเขาเพ่งนภา เจียงหยาง เจ้าได้แสดงให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก ตอนนี้ยอดเขาทะยานเมฆของข้ามีลูกศิษย์ 3 คนเท่านั้นและเจ้าก็มีการบ่มเพาะที่อ่อนแอที่สุด ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะทำให้ยอดเขาทะยานฟ้าของข้าภูมิใจ”
ตามที่เขาพูด หานซินยกมือขึ้นช้า ๆ ทำใดนั้นพลังเซียนธาตุแสงที่บริสุทธิ์ถูกควบแน่นอยู่ในมือของเขา เขากล่าวว่า “เจียงหยาง เจ้าบาดเจ็บแล้ว มาให้ข้ารักษาเจ้า” จากนั้นมือของหานซินก็ทาบอกของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินรีบถอยหลังและพูดว่า “ขอบคุณที่ห่วงใยของท่านอาจารย์ แต่จะดีกว่านี้ถ้าให้ข้าจัดการกับบาดแผลด้วยตัวของข้าเอง หากต้องมัวแต่พึ่งพาอาจารย์บนโลกเซียนที่โหดร้ายแห่งนี้ ข้าจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ทันที”
หานซินพยักหน้าอย่างชื่นชม “นั่นถูกต้อง หากเป็นอย่างนี้ข้าจะต้องขอตัวก่อน ไปรักษาตัวเองให้ดีและเมื่อเจ้าหายดีแล้วให้ไปบนยอดเขา ข้ามีสิ่งที่อยากจะถามเจ้าและข้าจะให้ทักษะธาตุแสงระดับสูงขึ้นไปเพื่อให้เจ้าทำความเข้าใจ”
“อย่างไรก็ตาม ข้าจะสอนการใช้กฏแห่งศรัทธาเพื่อที่เจ้าจะได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาในไม่ช้า ข้าเชื่อว่าเจ้ามีศักยภาพมากพอ”
“จำไว้ การเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธานั้นเป็นแค่เส้นทางที่นำเราไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญ เจ้ายังคงเป็นมดตราบใดที่เจ้ายังไม่ได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธา…”
หลังจากนั้น หานซินก็กลับออกไป