เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2254 : รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ
ตอนที่ 2254: รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากออกจากยอดเขา เจี้ยนเฉินก็กลับไปที่บ้านพักของเขา เขาหลับตาและจมดิ่งลงไปในความคิดของเขา
นอกจากโมเทียนหยุน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาด้วยแกนวิญญาณหนึ่งสี
เขารู้จากหานซินว่าตราบใดที่เขาเปิดเผยตัวเอง เขาจะอยู่ในฐานะเซียนผู้ถูกคัดเลือกและการคัดเลือกเซียนจะถูกยกเลิกทันที และเขาจะกลายเป็นเซียนที่ถูกเลือกโดยตรง หลังจากนั้นเขาจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างไม่จำกัดจากโถงเซียนธาตุแสงในอีกหนึ่งพันปีต่อมา
เมื่อเขากลายเป็นเซียนที่ถูกเลือก ก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ กับเขาในการที่จะเข้าไปในหอคอยธาตุแสง เขาไม่จำเป็นต้องผ่านปัญหาใด ๆ ที่คนปกติต้องเจอเมื่อเขากำลังเข้าหอคอยธาตุแสง
แต่ในเวลาเดียวกันเขาจะกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ถ้าเขากลายเป็นเซียนที่ถูกเลือก เขาจะทำให้ทุกคนสนใจและมาพูดคุยเกี่ยวกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ซึ่งตามปกติแล้วพวกเขาหลายคนจะเข้ามาสอบถามเขา
แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีหน้ากากของโมเทียนหยุน แต่หน้ากากก็เพียงพอที่จะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขาจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ เมื่อเขาบังเอิญสร้างเรื่องราว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผู้สังเกตการณ์ใด ๆ ทราบว่าตัวตนของเขาเป็นของปลอมผ่านร่องรอยเหล่านี้
มันไม่สำคัญมากนักถ้าพลังวิญญาณนักรบของเขาถูกเปิดเผย อย่างมากเขาก็หนีออกจากโถงเซียนธาตุแสง อย่างไรก็ตามหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผย มันก็จะหลบหนีจากโถงเซียนธาตุแสงได้ไม่ง่ายนัก
ทำให้เจี้ยนเฉินลังเลเกี่ยวกับว่าเขาควรจะเป็นเซียนที่ถูกเลือกของโถงเซียนธาตุแสงหรือไม่ ?
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปในช่วงเวลาต่อไป ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่ท้องฟ้าและสายตาของเขามองผ่านทะลุเมฆขึ้นไปจนเห็นโลกด้านนอก
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันทรงพลังอย่างมากที่กวาดไปทั่วอาณาเขตของโถงเซียนธาตุแสงโดยไม่มีปกปิดเลย โดยทั่วไปแล้วมันตรวจแม้แต่พื้นดินทั่วทุกตารางนิ้ว
ในช่วงเวลาต่อมาค่ายกลที่ทรงพลังก็ถูกใช้งานทั่วอาณาเขตโถงเซียนธาตุแสง
นี่คือค่ายกลป้องกันของโถงเซียนธาตุแสงทรงพลังมาก สัมผัสวิญญาณที่กวาดผ่านโถงเซียนธาตุแสงได้เปิดใช้งานค่ายกล
จิตใจของเจี้ยนเฉินจมดิ่งลงไปเล็กน้อย เขาเดินออกจากที่พักและดูที่ภาพแสงที่ถูกสร้างขึ้นโดยค่ายกล เขาตกอยู่ในความเงียบ
ภาพแสงกระพริบเป็นครั้งคราว มันสั่นไหวทุกครั้งเพราะแสดงให้เห็นว่ามันได้หยุดยั้งการบุกรุกของสัมผัสวิญญาณที่ทรงพลัง จากจำนวนที่มันกระพริบดูเหมือนว่ามันจะหยุดมากกว่าสิบครั้ง
“โถงเซียนธาตุแสงจะปิดทางเข้าชั่วคราว ห้ามให้ศิษย์ทั้งหลายออกไปในช่วงเวลานี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโส” ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงโบราณดังออกมาก้องกังวานราวกับระฆังทั่วโถงเซียนธาตุแสง
เจี้ยนเฉินมองไปที่ต้นกำเนิดเสียง เขาเห็นจากระยะไกลเป็นชายแก่ชุดดำยืนเอามือไพล่หลังของเขาในโถงเซียนธาตุแสงเหนือเมฆ เขาคือคนที่รู้จักกันว่าเป็นคนที่จริงจังอย่างมาก
“ผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับต้นไม้วิญญาณ ! ” เจี้ยนเฉินสัมผัสการบ่มเพาะของชายชราทันทีและพบว่าชายชราคนนี้มีแกนวิญญาณมากกว่าเจ็ดสีและหลอมรวมเข้ากับต้นไม้วิญญาณ นั่นเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญนักสู้ในขอบเขตตั้งต้น
“ดูเหมือนว่าผู้คนที่ค้นหาหอคอยอนัตตาจะมาถึงที่ราบรกร้างแล้ว” เจี้ยนเฉินคิด ในตอนนี้เขาไม่อาจช่วยได้ แต่รู้สึกดีใจเกี่ยวกับหน้ากากของโมเทียนหยุนว่าตัวตนของเขาจะไม่ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์จากสัมผัสวิญญาณก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินยังคงอยู่อย่างสันโดษ เขาทำความเข้าใจทักษะธาตุแสงที่เขาได้รับมาจากหานซิน และใช้ความพยายามอย่างมากในฝึกฝนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงกับวิญญาณของเขา เขาไม่ได้โอ้อวดใด ๆ เขายังคงถ่อมตนอยู่เสมอ
ความสันโดษนี้กินเวลากว่าครึ่งเดือน ในช่วงเวลานี้นั้นความสนใจของทุกคนเปลี่ยนไป จากความพ่ายแพ้ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสามสีให้กับเจียงหยางที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีเพราะโถงเซียนธาตุแสงถูกปิด
ในเวลานี้ไป๋หยูได้มาเยี่ยมเจี้ยนเฉินที่บ้านอยู่เป็นประจำและรบกวนเพื่อให้เจี้ยนเฉินสอนทักษะการใช้พลังเซียนธาตุแสงแก่นาง นางตะโกนเรียกเขาว่าศิษย์พี่ ๆ อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินก็ไม่ได้รำคาญเลย
เจี้ยนเฉินมีความประทับใจที่ดีกับไป๋หยู เมื่อคนจากยอดเขาหิมะ 4 คนมาหาเรื่องเขา ไป๋หยูเป็นคนเดียวที่ออกหน้าและช่วยเหลือเขาในยอดเขาทะยานเมฆ ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นคนเดียวที่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริง เช่นนี้เจี้ยนเฉินจึงยอมรับนางเหมือนนางเป็นน้องสาวของเขา
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่….” ในเวลานี้ด้านนอกค่ายกลที่บ้านพักของเจี้ยนเฉิน มีการผันผวนและไป่หยูก็วิ่งเข้ามาข้างในพร้อมกับหอบแฮ่ก ๆ
เจี้ยนเฉินลืมตาอย่างช้า ๆ เขามองไปที่ไป๋หยูอย่างใจเย็นและถามว่า “ศิษย์น้อง เกิดอะไรขึ้นถึงได้รีบเช่นนี้ ? ”
“ศิษย์พี่ ข้าเพิ่งกลับมาจากยอดเขาหลักและข้าก็ได้ยินข่าวที่น่าประหลาดใจจากที่นั่น” ไป๋หยูกล่าวอย่างตื่นเต้น
“เจี้ยนเฉินถามอย่างสนใจว่า”ข่าวใหม่งั้นหรือ ? ”
ไป๋หยูสูดลมหายใจแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ เจ้าใช้เวลาสันโดษตลอดเวลา ดังนั้นเจ้าอาจจะยังไม่รู้เรื่องใหญ่โตที่เกิดขึ้นบนที่ราบรกร้าง ข้าได้ยินทูตพูดถึงมันบนยอดเขาหลัก พวกเขาบอกว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่ที่ราบรกร้าง การมาถึงของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหล่านี้ได้สร้างความโกลาหลให้กับองค์กรและกองทัพที่ทรงพลังในที่ราบรกร้างจนปิดกระตูและยับยั้งพวกพ้องและศิษย์ของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูทรงพลัง”
“มีการพูดกันว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากต่างแดนเหล่านี้สามารถทำให้ที่ราบรกร้างเต็มไปด้วยความวุ่นวายได้ง่าย ๆ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงมากันที่นี่?”
“ศิษย์พี่ต้องไม่เชื่อแน่เลย ข้าจะบอกให้รู้ ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดเหล่านั้นมาที่ที่ราบรกร้างเพื่อค้นหาราชาเทพที่ชื่อว่าเจี้ยนเฉิน”
ไป๋หยูนั่งลงบนพื้นอย่างเป็นธรรมชาติขณะที่นางถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “สวรรค์ ข้าไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงจำนวนมากเหล่านั้นมาด้วยตัวเองเพื่อค้นหาราชาเทพ ข้าสงสัยว่าราชาเทพผู้นี้ได้ก่อความผิดร้ายแรงแค่ไหนถึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเหล่านี้ออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว”
เจี้ยนเฉินสงบมากเมื่อเขาได้ยิน เขาพูดว่า “ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมั่นใจว่าคนที่ชื่อเจี้ยนเฉินถึงต้องกระทำความผิดด้วย ? ”
“ข้าไม่รู้ ? ถ้าเขาไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย ทำไมเขาถึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขุ่นเคืองพร้อม ๆ กัน” ไป๋หยูกล่าวอย่างไร้เดียงสา หลังจากนั้นนางก็พูดอย่างจริงจัง “แต่เมื่อพูดถึงข้าก็อดชื่นชมคนที่ชื่อเจี้ยนเฉินไม่ได้ เพราะสามารถหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบในขณะที่ถูกตามล่าโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงจำนวนมาก มันน่าประทับใจจริง ๆ ”
เจี้ยนเฉินตกอยู่ในความเงียบ ต่อมาเขาก็ยืนขึ้นและพูดว่า “ศิษย์น้อง ข้าต้องไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อข้ากลับมา ข้าจะสอนวิธีควบคุมพลังเซียนธาตุแสงที่ดีกว่านี้ให้กับเจ้า”