เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2260 : การกลับผิดเป็นถูก
ตอนที่ 2260: การกลับผิดเป็นถูก
“ศิษย์เจียงหยางแห่งยอดเขาทะยานเมฆ เจ้าต้องไสหัวมาที่นี่ ทำไมเจ้าไม่คืนสิ่งที่เจ้าเป็นหนี้กับนายน้อยกงเจิงซิ่น ? ”
ยอดเขาทะยานเมฆถูกกำหนดให้ไม่ได้พบความสงบในวันนี้ ชายชุดดำที่หานซินโยนลงพื้นรอบ ๆ ยอดเขาทะยานเมฆไม่กี่ชั่วยามต่อมา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนของยอดเขาทะยานเมฆและตะโกนออกมาเสียงดัง
เสียงของเขาดังราวกับฟ้าร้อง ไม่เพียงแต่มีเสียงดังเท่านั้น ขณะที่เขาบินผ่านยอดเขาทะยานเมฆทำให้ต้นไม้ใบหญ้าบนภูเขาสั่นไหว แต่มันยังรวมไปถึงภูเขาที่อยู่ใกล้ ๆ สองสามแห่งอย่างชัดเจน
เขาไม่ได้พยายามทำให้มันเงียบเลย ด้วยการบ่มเพาะของเขาที่คล้ายกับขั้นเหนือเทพ ทำให้เขาสร้างเสียงดังรอบ ๆ ยอดเขา
ทันใดนั้นมีร่างที่กระพริบอยู่ท่ามกลางภูเขาและเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเป็นจำนวนมากมองดูอยู่
ค่ายกลระดับต่ำที่เจี้ยนเฉินสร้างขึ้นมาพังทลายลงจากเสียงตัดอากาศ ทำให้เจี้ยนเฉินต้องรวบรวมสมาธิอย่างแข็งขัน
“เขาช่างดื้อดึงเสียจริง” เจี้ยนเฉินเปิดตาขึ้นมาและออกจากบ้านพร้อมกับการขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปที่ร่างที่อยู่บนท้องฟ้าจากระยะไกลใน ขณะที่มีความไม่พอใจเล็กน้อยปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“ศิษย์พี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนนั้นถึงบอกว่าท่านเป็นหนี้กงเจิงซิ่น ? ” ไป๋หยูมาหาเจี้ยนเฉินด้วยการใช้พลังเซียนธาตุแสงและจ้องมองชายชุดดำจากระยะไกล ก่อนที่จะถามเจี้ยนเฉินด้วยความสงสัย
“เขามาเอาบัวพันใบ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเฉยเมย
“ศิษย์น้อง เจ้าเป็นหนี้อะไรกงเจิงซิ่น ? เจ้าทำให้พวกเขามาถึงภูเขาและตะโกนเสียงดัง ถ้าสิ่งนี้แพร่ออกไป เราจะมีศักดิ์ศรีของยอดเขาทะยานเมฆเหลือได้อย่างไร เราจะมีหน้าไปมองคนอื่นได้อย่างไร ? ” ศิษย์พี่ใหญ่ จ้าวเฟิงก็เดินมาด้วย ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังเพื่อบ่งบอกว่าเขามาแล้ว
เมื่อเขามาถึงด้านหน้าเจี้ยนเฉิน เขาก็จ้องมองอย่างโหดร้าย “เนื่องจากเจ้าเป็นหนี้ใครบางคน เจ้าจงรีบไปใช้หนี้พวกเขา มันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องน่าอายงั้นหรือ ? ”
เจี้ยนเฉินเหลือบไปมองจ้าวเฟิงอย่างเย้ยหยัน “ศิษย์พี่ใหญ่ โลกเซียนเต็มไปด้วยความอันตรายกับผู้คนมากมาย เจ้าไม่รู้เกี่ยวกับอันตรายเหล่านี้ มันก็เป็นเรื่องปกติเพราะว่าเจ้าไม่ได้เห็นมันทั้งหมด เมื่อเจ้ากระเทาะเปลือกไข่ออกมาได้แล้วเท่านั้น เจ้าถึงจะได้สัมผัสถึงอากาศในโลกเซียนและพบว่าโลกนี้ไม่ได้สงบอย่างที่เจ้าคิด อย่างไรก็ตามในเวลานั้นมันอาจจะสายเกินไปสำหรับเจ้า”
“นั่นเป็นเพราะหลายคนก็ได้ตายไปแล้ว”
“ด้วยเหตุนี้ข้าต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อสอนบทเรียนที่เหมาะสมกับเจ้า เพื่อให้เจ้าเข้าใจถึงความอันตรายของโลกอย่างแท้จริง ศิษย์พี่ เจ้าต้องยืนอย่างเดียวดายและได้แต่เฝ้ามองดู”
“เจียงหยาง เจ้ากล้านัก ! ” ใบหน้าของจ้าวเฟิงนั้นหมองหม่นอย่างมาก เขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเจี้ยนเฉินกำลังดูถูกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีดูถูกของเจี้ยนเฉินที่ทำให้จ้าวเฟิงโมโหอย่างมาก เขารู้สึกว่าความภาคภูมิใจในฐานะศิษย์พี่ใหญ่กำลังถูกท้าทาย
“กงเจิงซิ่น ? เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้คัดเลือกเซียนผู้ถูกเลือกทั้งห้า….”
“เจียงหยาง เจ้ากล้าที่จะยืมอะไรบางอย่างจากหนึ่งในผู้เข้าคัดเลือกเซียนผู้ถูกเลือกเช่นกงเจิงซิ่นและไม่คืนมัน ? จ-เจ้าไม่กล้าเกินไปรึ….”
“ศิษย์น้องเจียงหยาง เจ้าเป็นหนี้อะไรนายน้อยกงเจิงซิ่น.…”
“ศิษย์น้องเจียงหยาง เนื่องจากเจ้าเป็นหนี้ใครบางคน เจ้าต้องใช้หนี้เขาให้เร็ว….”
“เจ้าเป็นหนี้ใครบางคนแต่เจ้าไม่คืน หากสิ่งนี้ปรากฏออกมา มันไม่เพียงแต่จะเป็นรอยด่างต่อชื่อของศิษย์น้องเจียงหยาง แต่จะมีผลกระทบต่อยอดเขาทะยานเมฆ…..”
…
ในเวลานี้ เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้บินมาจากภูเขาใกล้ ๆ พวกเขาทั้งหมดต่างต่อว่าเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างไม่แยแส เขามองไปที่ชายชุดดำและพูดว่า “ข้าอยากรู้ว่า ข้าเป็นหนี้อะไรกงเจิงซิ่น”
คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงรอบ ๆ หยุดพูดทันที พวกเขามองไปที่ชายชุดดำ
ทันใดนั้นชายชุดดำก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาพูดเสียงดัง “ย้อนกลับไปเมื่อเจ้าต่อสู้กับเหวินเฉิงบนยอดเขาเพ่งนภา ผู้นำยอดเขาเพ่งนภาได้ให้บัวพันใบเพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะ และเจ้าก็ขอความช่วยเหลือกับกงเจิงซิ่นอย่างลับ ๆ เพื่อให้เจ้าได้ชัยชนะ ซึ่งแลกกับการที่เจ้าจะเอารางวัลให้กับกงเจิงซิ่นหลังจากที่เจ้าชนะ….”
คำพูดของชายชุดดำไม่เบาเลย ทำให้คำพูดของเขาดังราวกับเสียงฟ้าร้อง
มันไม่ได้แค่อยู่ในภูเขาที่อยู่ใกล้กับยอดเขาเพ่งนภาเท่านั้น แม้แต่ศิษย์จากภูเขาที่อยู่ห่างไกลต่างก็ได้ยิน ‘ความลับ’ ที่อยู่เบื้องหลังที่ว่าทำไมเจียงหยางเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังกว่าเขาได้ ข้อสังเกตนี้ได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับชัยชนะที่รุ่งโรจน์ของเขา….”
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เช่นเดียวกับที่ข้าพูดเอาไว้ แกนวิญญาณหนึ่งสีจะสามารถเอาชนะแกนวิญญาณสามสีได้อย่างไร….
“ไม่น่าแปลกใจที่เจียงหยางจะหนีไปเมื่อข้าเจอกับเขาครั้งล่าสุดเพื่อท้าทายเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ทรงพลังเท่าที่เขาร่ำลือกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาไม่กล้าที่จะยอมรับ….”
“เร็ว กระจายข่าว ให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความจริงของเจียงหยางว่าเป็นคนหลอกลวง….”
…
ไม่เพียงแต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อยู่รอบ ๆ ยอดเขาทะยานเมฆที่กำลังถกกันเรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังมีการจับกลุ่มพูดคุยในเรื่องที่คล้ายกันกับภูเขารอบ ๆ เช่นกัน
แม้ว่าข่าวจะมาถึงยอดเขาเพ่งนภาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ก่อนที่จะแพร่กระจายออกไปทุกทิศทางจากที่นั่น
ชัยชนะของเจี้ยนเฉินที่มีเหนือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงแกนวิญญาณสามสีที่ครั้งหนึ่งเคยเขย่าโถงเซียนธาตุแสง ซึ่งครั้งหนึ่งทุกคนรู้เรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะการปิดโถงเซียนธาตุแสงอย่างกะทันหันที่เปลี่ยนความสนใจของทุกคน เรื่องนี้อาจจะยังร่ำลือจนทำให้มันไปถึงโถงศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนคิดว่าพวกเขาได้รู้ ‘ความจริง’ พวกเขาก็ประหลาดใจอย่างแน่นอน
“มันไม่ใช่อย่างนั้น มันไม่ใช่อย่างนั้น….” ไป๋หยูตะโกนออกไปเมื่อได้ยินการสนทนาของทุกคนเป็นครั้งคราว นางรู็ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล ชื่อเสียงของศิษย์พี่ของนางจะเสียหายอย่างถาวร
น่าเสียดายที่นางรู้สึกไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับข่าวลือและการนินทาระหว่างศิษย์ต่าง ๆ นางไม่อาจอธิบายให้พวกเขาฟังได้
ในทางกลับกัน เจี้ยนเฉินยังคงสงบอย่างสมบูรณ์ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาพูดอย่างใจเย็น “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ? ”
ชายชุดดำหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา”หลักฐาน ? แน่นอน เหวินเฉิงอยู่ไหน ? ”
ไม่นานเหวินเฉิงก็บินมาจากยอดเขาหิมะในขณะที่เต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสง ใบหน้าของเขาหมองหม่นและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ศิษย์คนรองของยอดเขาหิมะ เหวินเฉิง มาแล้ว…”
“ศิษย์เหวินเฉิงมีความเกี่ยวข้องตรง ๆ เขาจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนั้นดีที่สุดแล้ว….”
“มาดูกันว่าศิษย์น้องเหวินเฉิงจะพูดว่าอย่างไร….”
…
ศิษย์จำนวนมากมายพูดคุยกันรอบ ๆ แม้แต่ศิษย์ที่ทรงพลังบางส่วนที่มีแกนวิญญาณสามสีขึ้นไปก็สนใจเรื่องนี้
เหวินเฉิงรู้สึกเย้ยหยันจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อได้ฟังการสนทนารอบ ๆ เขารู้แล้วว่าเขาต้องทำอะไร ดังนั้นทันทีที่เขาเขาก็จ้องเจี้ยนเฉินอย่างไร้อารมณ์และเกรี้ยวกราด “เจียงหยาง เจ้าคิดว่าเจ้าเอาชนะข้าได้ด้วยแกนวิญญาณสีเดียวของเจ้า? ถ้าไม่ใช้เพราะนายน้อยกงเจิงซิ่นในวันนั้นที่ได้บังคับให้ข้าต้องยอมแพ้ให้กับเจ้า เจ้าจะได้รับชัยชนะจากข้ารึ ? “