เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2280 : พลังชีวิต
ตอนที่ 2280 – พลังชีวิต
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดได้ค้นหาเจี้ยนเฉินไปจนถึงขีดสุด สาเหตุของทั้งหมดนี้ก็คือเจี้ยนเฉินซ่อนได้ตัวอยู่ในถ้ำใต้ดิน ในขณะที่เขาอุทิศตนเพื่อการบ่มเพาะ เขาไม่ได้ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมของเขาแม้แต่น้อย โดยเขามุ่งเน้นทุกสิ่งในการทำความเข้าใจกฎแห่งคำสาป
กฎของโลกที่มองไม่เห็นได้หมุนรอบตัวเขา ทำให้พลังแห่งการสาปแช่งแสดงออกมา มันเต็มไปด้วยความลึกลับของกฎราวกับว่าคำสาปทั้งหมดในโลกถูกซ่อนอยู่ภายใน
ด้านล่างเขา มีหยกชะตาชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนหินลับมีด มันส่องแสงระยิบระยับราวกับมอบพลังแห่งโชคชะตา มันเติมเข้าไปวิญญาณของเขาและทำให้จิตใจของเขายืดหยุ่นและคาดเดาไม่ได้ มันสั่นพ้องกับโลกในระดับที่มากขึ้น กลายเป็นใกล้ชิดกับกฎ
การบ่มเพาะนั้นไร้ซึ่งกาลเวลา หลังจากที่ไม่มีใครรู้ว่านานแค่ไหน ค่ายกลบนพื้นดินรอบหยกโชคชะตาก็สว่างขึ้น มันปลดปล่อยคลื่นพลังอันน่าอัศจรรย์ ทำให้เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ตื่นขึ้นจากการบ่นเพาะ
ทันทีที่เขาหยุดฝึกฝน พลังแห่งคำสาปรอบตัวเขาก็หายไปทันที มันหายไปอย่างสมบูรณ์
มันเป็นค่ายกลปลุกให้ตื่น ค่ายกลง่าย ๆ ที่ถูกสร้างโดยเจี้ยนเฉิน มันปลุกเขาจากการบ่มเพาะในเวลาที่กำหนด ป้องกันไม่ให้เขาจมอยู่กับการฝึกฝนมากเกินไปและพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่หอคอยธาตุแสง
เจี้ยนเฉินลืมตาของเขาขึ้นอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองไปที่ค่ายกลที่เขาสร้างไว้บนพื้นอย่างไม่สนใจและบ่นเบา ๆ ว่า “ยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน ข้ายังไม่สามารถเข้าใจกฎได้” กฎแห่งการสาปแช่งของเขายังไม่ถึงขั้นราชาเทพ เหมือนกฎแห่งความแข็งแกร่งและกฎแห่งมิติหลังจากไม่กี่เดือนให้หลังความเข้าใจ มันอยู่ขั้นเหนือเทพช่วงกลาง
มันมีเวลาน้อยเกินไป มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเข้าใจกฎแห่งคำสาป ตั้งแต่ขั้นศักดิ์สิทธิ์จนถึงขั้นราชาเทพในการนั่ง 1 ครั้งในเวลาเพียง 4 เดือน
เจี้ยนเฉินยืนขึ้นจากหยกชะตาและส่งการรับรู้ของวิญญาณของเขาเข้าไปในหอคอยอนัตตา
ฉิงยี่หยวนนั่งอยู่บนพื้นดินบนชั้น 9 พร้อมด้วยดวงตาที่หลับของนาง ขณะที่นางทำความเข้าใจกฎแห่งกระบี่ กระแสปราณกระบี่อันแหลมคมได้รวมพลังของกฎแห่งกระบี่หมุนอยู่รอบตัวนาง
เจี้ยนเฉินไม่ได้เข้าไปในหอคอยอนัตตา เขากลับไปตรวจสอบสถานการณ์ของฉิงยี่หยวนด้วยการรับรู้ของวิญญาณของเขา เขาสังเกตฉิงยี่หยวนผู้ซึ่งไม่สนใจสภาพแวดล้อมอย่างเงียบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยความตื่นเต้นเหมือนตอนที่เขาเคยเป็นเมื่อครั้งเขาเริ่มเข้าใจกฎเป็นครั้งแรก ทันใดนั้นแววตาของเขาก็สั่นไหวอย่างไม่แน่ใจ
เขาไม่ได้เป็นคนธรรมดา แต่เป็นราชาเทพผู้ทรงอำนาจที่ได้เข้าใจความจริงบางส่วนของโลกโดยเข้าใจกฎหลายกฎ ที่สำคัญกว่านั้นเขาคือผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังที่สามารถฆ่าขั้นอสงไขยได้ เขาจะไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกใด ๆ โดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่ามีบางสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถหาแหล่งที่มาได้ไม่ว่าเขาจะค้นหาหรือคิดเกี่ยวกับมันหนักสักเพียงใด นี่เป็นผลให้เขาติดเรื่องนี้ไว้ในใจของเขาเท่านั้น
ตอนนี้เขาเห็น ฉิงยี่หยวนสืบทอดแกนสีทองของกฎจากผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงกับความปั่นป่วนที่เขาเคยพบมาก่อนชั่วครั้งชั่วคราว
ในเวลานั้น เขาไม่รู้ว่ามันเป็นโชคหรือคำสาปแช่งที่ให้ฉิงยี่หยวนสืบทอดกฎข้อหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญ 8 คน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดถึงตัวตนอันมีคุณธรรมที่ไม่เคยจางหายไปของผู้เชี่ยวชาญมนุษย์แม้หลังจากความตาย เขาก็หยุดกังวล
เขารู้ว่าแม้ว่าจะมีแผนการที่เกี่ยวข้องกับแกนสีทองของกฎแสดงเจตจำนงอย่างอื่นอย่างน้อยที่สุดผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ก็จะไม่ทำอะไรอย่างนั้น เพราะมันไม่เข้ากับความมีคุณธรรมของเขาเลย
“ ด้วยอัตราในปัจจุบันของฉิงยี่หยวน นางอาจต้องใช้เวลากว่าสองร้อยปีก่อนที่นางจะกลายเป็นราชาเทพ” เจี้ยนเฉินสังเกต ฉิงยี่หยวนอย่างเงียบ ๆ หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็วางหยกชะตาไว้ข้างใต้นาง
ตอนนี้เขาสามารถควบคุมส่วนหนึ่งของพลังของหอคอยอนัตตาได้แล้ว ทำให้เขาเป็นเจ้านายกึ่งหนึ่งของหอคอยอนัตตา เป็นผลให้เขาสามารถทำอะไรแบบนั้นได้โดยไม่รบกวนฉิงยี่หยวนเลย
“ข้าหวังว่านางจะมาถึงขั้นราชาเทพโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เจี้ยนเฉินคาดหวังในตัวฉิงยี่หยวน เมื่อความรู้สึกของวิญญาณของเขากำลังจะถอยออกจากจากหอคอยอนัตตา ไคยะก็ปรากฏตัวขึ้นบนชั้นที่ 9 ราวกับว่านางรับรู้ความรู้สึกของเจี้ยนเฉินในปัจจุบัน นางกล่าวว่า “เจี้ยนเฉิน ข้าต้องการใช้เวลาบางส่วนอยู่ในถ้ำ”
เจี้ยนเฉินรู้อยู่แล้วว่าเก้าชั้นภายในหอคอยอนัตตาไม่สามารถขัดขวางไคยะได้ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของนางอย่างฉับพลัน
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ให้ไคยะออกจากหอคอยอนัตตาด้วยความคิด
ทันทีที่ไคยะปรากฏตัวขึ้นในถ้ำ นางได้พิจารณาศพที่ใส่โซ่ตรวนของผู้เชี่ยวชาญ 8 คนก่อนที่จะมองไปที่ส่วนลึกของถ้ำซึ่งเป็นที่ที่ราชาที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์วานรโบราณที่ยิ่งใหญ่ กุสต้าตั้งอยู่ นางจมอยู่ในความคิดของนาง
“ไคยะ เจ้าค้นพบอะไรหรือไม่?” เจี้ยนเฉินถามเมื่อเขาสังเกตเห็นอาการผิดปกติของไคยะ
ไคยะส่ายหน้าของนาง แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน นางไม่ได้พูดอะไร
เจี้ยนเฉินไม่ได้ถามต่อไป เขาพูดกับนางว่า “ถ้างั้นระวังตัวด้วย ข้าจะไปดึงพลังชีวิตทั้งสามส่วนออกมา”
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็ปล่อยให้ไคยะอยู่เพียงลำพังและบินตรงไปยังสัตว์อสูรโบราณ
ผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดคนนี้ได้ให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับพลังชีวิตทั้งสามส่วนนี้ที่จะมอบให้กับเขา รูปแบบดั้งเดิมของสัตว์อสูรทั้งสามนั้นล้วนเป็นสัตว์อสูรโบราณขนาดมหึมา วิธีการเก็บพลังชีวิตถูกฝังอยู่ในใจของเจี้ยนเฉินเมื่อเขาได้รับมรดกของพวกเขา
ในอีกไม่นาน เจี้ยนเฉินก็มาถึงสัตว์อสูรโบราณตัวหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงหน้าหัวอันใหญ่โตและใช้ทักษะลับผ่านพลังแห่งกฎจากมรดกก่อนที่จะกดมือลงบนหัวเบา ๆ ดึงพลังชีวิตที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของสัตว์อสูร
ในไม่ช้าลูกบอลพลังงานบริสุทธิ์ขนาดเท่ากำปั้นก็ได้ปรากฏอยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน มันแผ่พลังงานที่ทรงพลัง
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายเจิดจ้า เมื่อเขามองที่ส่วนของพลังชีวิต มีพลังชีวิตไม่มากนัก แต่ความบริสุทธิ์ของมันเกินกว่าจินตนาการของเขาทั้งหมด พลังงานที่น่ากลัวที่อยู่ภายในมันทำให้เขาประหลาดใจ
“คลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวอะไรกัน พลังงานภายในเพียงส่วนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะยกระดับร่างบรรพกาลจากขั้นที่ 12 ไปยังขั้นที่ 13 โดยยังมีส่วนที่เหลืออยู่” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดถึงทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่เขาต้องใช้เพื่อทะลวงผ่านด่านไปยังขั้นที่ 13 แต่ตอนนี้พลังชีวิตในมือของเขานั้นมากเกินพอที่จะครอบคลุมทั้งหมด
“พลังชีวิตในส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับข้า แต่มันมีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของสัตว์อสูรโบราณเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่” เจี้ยนเฉินคิด เมื่อเขาดึงพลังชีวิตออกมาบางส่วน พลังชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวในสัตว์อสูรโบราณไม่ได้ลดลงเลย มันเป็นเพียงพลังชีวิตที่เหลืออยู่ได้ถูกผนึกไว้ด้วยโซ่ตรวน ป้องกันไม่ให้เขาดึงมันออกมาได้
ส่วนที่เขาดึงออกมาไม่ได้ถูกผนึกไว้โดยโซ่ตรวนเพราะสัตว์อสูรโบราณทิ้งมันไว้เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินเข้าหาสัตว์อสูรโบราณอีก 2 ตัวและใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อรับพลังชีวิตอีกสองส่วน ทุกส่วนมีพลังอย่างมากและพลังงานที่บรรจุอยู่นั้นมันมากมายมหาศาลพอที่จะสนองความต้องการของเขาให้ทะลวงผ่านด่านจากขั้นที่ 12 ไปจนถึงขั้นที่ 13
“น่าเสียดายที่ร่างบรรพกาลของข้ามาถึงขั้นที่ 13 แล้ว ข้าต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในการทะลวงผ่านด่านไปยังขั้นที่ 14 เมื่อเทียบกับขั้นที่ 13”