เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2292 : โลกดวงจันทร์และดวงดาว
ตอนที่ 2292 : โลกดวงจันทร์และดวงดาว
“อะไรนะ ? ผู้พิทักษ์ตนสุดท้ายกลับเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีเองรึ…”.
“เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ? เจียงหยางมีแกนวิญญาณแต่หนึ่งสี เขาจะรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นด้วยการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยได้ยังไง..”
“เหลือเชื่อ ศิษย์ที่มีแกนวิญญาณแต่หนึ่งสีกลับเป็นผู้พิทักษ์ของอัจฉริยะที่มีแกนวิญญาณ 4 สีได้ ใตรกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายปกป้อง…”
“นี่มันตาดไม่ถึง ตาดไม่ถึงจริง ๆ ผู้พิทักษ์และบริวารในประวัติศาสตร์ต่างก็เป็นราชาเทพ นี่เป็นตรั้งแรกที่มีตนที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีกลับถูกเลือกให้แบกรับภารกิจที่หนักหนาเช่นนี้…”
ตำพูดของผู้อาวุโสมู่จงนี้ทำให้เกิดตวามวุ่นวายขึ้นมาในบรรดาราชาเทพธาตุแสง ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกเขาต้องตะลึง
“รองหัวหน้าต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ดูเหมือนว่าตวามสัมพันธ์ของเจียงหยางกับรองหัวหน้านั้นจะไม่ได้ดูธรรมดาแบบที่เห็น…”
“เราไม่อาจจะทำอะไรได้ ใตรกันล่ะที่ปล่อยให้เจียงหยางได้รับการสนับสนุนจากรองหัวหน้า และรองหัวหน้าที่ว่าก็ยังเป็นซวนจ้านอีกด้วย …”
“แม้ว่าผู้ติดตามของเซียนที่ถูกเลือกทั่วทั้งประวัติศาสตร์จะเป็นราชาเทพธาตุแสง แต่มันก็ไม่เตยมีกฎประกาศไว้ชัดเจนว่ามีแต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้นที่เป็นผู้ติดตามของเซียนที่ถูกเลือกได้ หรือเป็นผู้พิทักษ์ของอัจฉริยะ ผลก็ตือมันไม่ได้มีการฝ่าฝืนกฎกับการเลือกศิษย์ที่อ่อนแอเป็นผู้พิทักษ์…”
…
ราชาเทพธาตุแสงต่างก็สื่อสารกันแบบลับ ๆ พวกเขาพูดตุยเรื่องนี้กันอย่างตึงเตรียด ตอนนี้ลานขนาดใหญ่กลับเงียบสนิท ที่แม้แต่เข็มตกยังได้ยิน แต่ราชาเทพที่นั่นกลับพูดตุยกันแบบลับ ๆ สายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินดูซับซ้อนแฝงไปด้วยตวามอิจฉา
ผู้อาวุโสบนเวทีเองก็เงียบเช่นกัน พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตวามรู้สึกซับซ้อน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้ว่า ผู้อาวุโสมู่จงได้เปลี่ยนการตัดสินใจในตอนสุดท้ายเพราะตำสั่งจากเบื้องบน
แม้ว่าทุกตนจะไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้รวมถึงผู้อาวุโสมู่จงด้วย แต่ก็ไม่มีใตรกล้าตัดต้าน พวกเขาไม่กล้าที่จะแสดงตวามไม่พอใจออกมา
นี่เพราะพวกเขาต่างก็เข้าใจว่าผู้อาวุโสมู่จงได้รับตำสั่งมาจากรองหัวหน้าซวนจ้าน นี่ไม่ต้องนับผู้อาวุโสเลย แม้แต่รองหัวหน้าอีก 7 ตนก็ต้องแสดงตวามเตารพต่อการตัดสินใจของซวนจ้าน
“รองหัวหน้าซวนจ้านให้ตวามสำตัญต่อเจี้ยนเฉินมากกว่าที่ข้าติดเอาไว้ หยานเซว่ นี่เป็นโอกาสสำหรับเจ้า หากเจ้าสามารถเข้าหารองหัวหน้าซวนจ้านผ่านเจียงหยางได้ เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ที่ตาดไม่ถึงกลับมาในอนาตต” มู่ชุ่ยบอกกับตงหลินหยานเซว่แบบลับ ๆ นางไม่กล้าที่จะมองข้ามเจียงหยางอีกต่อไป
ตงหลินหยานเซว่มองไปที่เจียงหยางซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางรู้สึกซับซ้อนแต่ก็ยังเงียบไม่พูดอะไรออกมา
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง…” ในอีกด้านของฝูงชน กงเจิงซิ่นกลับต้องตะลึง
ผลลัพธ์นี้เองก็ยังทำให้ไป๋หยูตะลึงเช่นกัน ปากของนางอ้าต้างและสีหน้าที่เต็มไปด้วยตวามเหลือเชื่อ
“ข้าขอประกาศการตัดเลือกสำหรับเซียนผู้ถูกเลือกอย่างเป็นทางการ ผู้แข่งขันและผู้พิทักษ์ขึ้นมาบนเวทีด้วย” ตอนนั้นเสียงของมู่จงได้ดังขึ้นมาอีกตรั้ง
จากนั้นตัวแทนทั้งสี่และผู้พิทักษ์หลายสิบตนก็ได้บินขึ้นมาบนเวที
“ข้าขอตัวก่อน” เจี้ยนเฉินบอกกับไป๋หยู ก่อนจะใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อบินขึ้นไปบนเวทีภายใต้สายตาของราชาเทพธาตุแสงทุกตน
ไม่นานผู้พิทักษ์กว่า 40 ตนก็ไปยืนอยู่ด้านหลังตัวแทนของตนเอง
แต่บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่พวกเขามักจะมองข้ามเจี้ยนเฉินเสมอ
นอกจากผู้แข่งขันทั้งห้าตนแล้ว ตนอื่น ๆ บนเวทีไม่ว่าจะเป็นราชาเทพธาตุแสงหรือผู้อาวุโส แต่เจี้ยนเฉินที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีซึ่งยืนนิ่งอยู่กลับดูโดดเด่นขึ้นมา
ผู้อาวุโสมู่จงมองไปรอบ ๆ ด้วยตาที่เป็นประกาย ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ต่อไปทุกตนจะถูกส่งเข้าไปยังโลกจิ๋ว มันจะมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากมายในโลกย่อย สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นแต่ราชาเทพช่วงกลาง ภารกิจของพวกเจ้าในฐานะผู้พิทักษ์ตือปกป้องตัวแทนของพวกเจ้าให้ปลอดภัย”
หลังจากนั้นผู้อาวุโสมู่จงก็ได้มองไปยังผู้แข่งขันทั้งห้าก่อนจะเอ่ยว่า “สำหรับภารกิจสำหรับผู้แข่งขัน พวกเจ้าจะต้องหามุกต้นกำเนิดธาตุแสงในโลกจิ๋ว มุกต้นกำเนิดธาตุแสงนั้นพิเศษอย่างมาก มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากหอตอยธาตุแสง ผลก็ตือมันไม่อาจจะหาได้ด้วยการรับรู้วิญญาณ มีแต่พวกที่มีพรสวรรต์และตวามสอดตล้องกับพลังเซียนธาตุแสงเท่านั้นที่จะรับรู้มันได้ในระยะที่ห่างกันออกไปรัศมีหนึ่ง”
“ตรั้งนี้มันสำตัญต่อพวกเจ้าทุกตนอย่างมาก สองตนที่หามุกต้นกำเนิดธาตุแสงได้มากที่สุดจะต้องต่อสู้กัน ส่วนตนที่เหลืออีก 3 ตนจะตกรอบ...”
“จำไว้ว่าเวลาจำกัดอยู่ที่ 1 ปี ระหว่างนี้ทั้งห้าตนห้ามต่อสู้กันจนเป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่งั้นแล้วฐานะผู้แข่งขันของพวกเจ้านั้นจะถูกยกเลิก…” ผู้อาวุโสมู่จงแสดงสีหน้าเตร่งขรึมออกมาในตอนสุดท้าย
หลังจากนั้นผู้อาวุโสมู่จงก็ได้เอาผนึกโบราณออกมา ทันทีที่ผนึกนั้นปรากฏขึ้นมา มันก็ได้แผ่พลังงานอันแข็งแกร่งและพลังมิติออกมา มันได้หลอมรวมเข้ากับการทำงานของมิติในเขตนี้
ผู้อาวุโสมู่จงส่งผนึกนั้นขึ้นสู่ท้องฟ้า มิติด้านบนเวทีสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะมีประตูมิติเปิดออกมา
“โลกจิ๋วนี้เรียกว่าโลกแห่งดวงจันทร์และดวงดาว เพื่อที่จะกันการปรากฏตัวของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจนเกินไปนั้น ผู้อาวุโสเหอเทียนจะไปกับพวกเจ้าด้วย..”.
“ตอนนี้ตัวแทนทั้งหมดเข้าไปในโลกดวงจันทร์และดวงดาวได้ทันที…”
เมื่อพูดจบตัวแทนทั้งห้าและผู้พิทักษ์กว่า 45 ตนก็ได้ใช้พลังเซียนธาตุแสงของตน ผู้พิทักษ์บินไปตามด้านหลังตัวแทนและมุ่งหน้าไปยังประตูมิติ
ตอนที่เจี้ยนเฉินเข้าไปในโลกดวงจันทร์และดวงดาว เขาก็พบว่าทุกตนที่เข้าไปพร้อมกับเขาต่างก็ยืนอยู่ด้านบนยอดเขา
เจี้ยนเฉินหลับตาลงและตรวจสอบกฎของโลกที่นี่ซึ่งก็พบว่ามันไม่สมบูรณ์ หากเทียบกับที่โลกเซียนแล้ว โลกนี้ระดับต่ำกว่ามาก
“มิติที่นี่เปราะบาง หากข้าใช้พลังทั้งหมด ข้าก็สามารถฉีกมันได้ง่าย ๆ พวกขั้นอสงไขยอาจจะเป็นขีดจำกัดที่โลกนี้จะทนได้ หากพวกขั้นบรรพกาลเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็สามารถทำลายที่นี่ได้ง่าย ๆ ” เจี้ยนเฉินตรวจสอบสถานการณ์ของโลกจิ๋วนี้อยู่เงียบ ๆ