เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2294 : ราชาเทพผู้ไร้เทียมทาน (2)
ตอนที่ 2294 : ราชาเทพผู้ไร้เทียมทาน (2)
“ดูเหมือนว่าตงหลินหยานเซว่จะไม่อาจรับรู้พลังงานที่คล้ายกับพลังเซียนธาตุแสงได้ แต่ข้าก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าพลังนี้คือพลังของมุกต้นกำเนิดธาตุแสง” เจี้ยนเฉินคิด เขาได้เรียนรู้จากผู้อาวุโสมู่จงมาก่อนแล้วว่ามุกต้นกำเนิดธาตุแสงนั้นคือของที่มาจากหอคอยธาตุแสง มันพิเศษอย่างมากและไม่อาจจะค้นหาได้ด้วยการรับรู้วิญญาณ มีแค่พวกที่มีพรสวรรค์และสอดคล้องกับพลังเซียนธาตุแสงที่จะรับรู้ถึงมันได้
คนเหล่านี้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและความสอดคล้องกับพลังเซียนธาตุแสงที่ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการประเมินดาว
อัจฉริยะ 9 ดาวคือว่าเป็นผู้ที่มีพรวรรค์สูงสุดในโถงเซียนธาตุแสง พวกเขาคือพวกที่มีส่วนร่วมกับการแข่งขันสำหรับเซียนผู้ถูกเลือกในครั้งนี้
“หากพลังงานนี้มาจากมุกต้นกำเนิดธาตุแสงจริง ๆ ไม่ใช่หมายความว่าพรวรรค์ของข้านั้นสูงกว่าตงหลินหยานเซว่หรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด เขามองไปด้านหน้า พลังงานที่เขารับรู้ได้นั้นอยู่ห่างออกไป 100 กิโลเมตร
ตอนนั้นกลุ่มของพกวเขากำลังเดินทางกันเป็นเส้นตรงมุ่งหน้าไปยังจุดที่เขารับรู้ได้ถึงพลังงาน
พวกเขาลอยอยู่เหนือพื้นกว่า 20 เมตร แม้ว่าทุกคนจะลดความเร็วลงเพื่อเจี้ยนเฉิน แต่ระยะทาง 100 กิโลเมตรก็ไม่ได้ไกลอะไร
ไม่นานพวกขาก็มาถึงในระยะ 20 กิโลเมตรจากจุดที่เขารับรู้ได้ถึงพลังงาน ตอนนั้นเจี้ยนเฉินเริ่มสังเกตท่าทีของ ตงหลินหยานเซว่ แต่เขาก็พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ นางไม่ได้รับรู้ถึงพลังงานนั่นเลย
ตอนที่ห่างจากจุดพลังงานไป 3 กิโลเมตร เส้นทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและเริ่มห่างจากจุดพลังงานมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจี้ยนเฉินหยุดโดยไม่ลังเลและพูดขึ้นมา “การเดินทางไปรอบ ๆ โดยไร้จุดหมายแบบนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดี พักและวางแผนกันก่อนดีกว่า” เมื่อพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ได้ยกเลิกพลังเซียนธาตุแสงรอบตัวและลงไปที่พื้นโดยไม่รอให้ใครได้ออกความเห็น
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนด้านหลังตงหลินหยานเซว่ต่างก็รู้สึกถึงปัญหา พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ ก่อนจะลังเลขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเดินทางกันต่อตามตงหลินหยานเซว่ไปหรือหยุดแบบเจี้ยนเฉิน
ทั้งแปดคนเข้าใจว่าถึงแม้ตัวเองจะเป็นผู้พิทักษ์ของผู้แข่งขัน แต่พวกเขาก็ต้องปกป้องเจี้ยนเฉิน เนื่องจากซวนจ้านนั้นกล้าพอที่จะปล่อยให้เจี้ยนเฉินเข้ามายังโลกนี้ทั้ง ๆ ที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี
ในโลกดวงจันทร์และดวงดาวนี้ มันมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากมายหลายตัวอยู่ในขั้นราชาเทพ พวกเขาไม่กล้าจะปล่อยเจี้ยนเฉินทิ้งไว้เพียงลำพัง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นและรองหัวหน้าหาคนรับผิดชอบเรื่องนี้ มันคงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะแบกรับได้
แต่ตงหลินหยานเซว่กลับขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “มุกต้นกำเนิดธาตุแสงนั้นหาได้ยาก การหามันเจอได้ขึ้นอยู่กับโชค เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าแผนที่ไร้ประโยชน์นั่นจะช่วยในการหามุกต้นกำเนิดธาตุแสงได้ ? ”
“มันดีกว่าเดินทางไปรอบ ๆ โดยไร้จุดหมาย” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ และพบก้อนหินที่สูงกว่า 10 เมตร ห่างจากจุดพลังงาน 3 กิโลเมตร
เจี้ยนเฉินตาเป็นประกายขึ้นมาและพูดขึ้นว่า “หินก้อนนั้น ข้าจะไปนั่งที่นั่นและคิดหาแผนเพื่อที่เราจะเก็บรวบรวมมุกต้นกำเนิดธาตุแสงได้บ้าง” หลังจากที่พูดจบ เจี้ยนเฉินก็บินตรงไปที่หินนั่นทันที
ตงหลินหยานเซว่อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจเมื่อนางเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่สนใจภาพรวมแถมยังทำตามใจตัวเองในโลกดวงจันทร์และดวงดาว ตั้งแต่ที่ความประทับใจที่นางมีต่อเจี้ยนเฉินได้พังทลายลง นางก็มองเขาต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ท่าทีของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ทำให้ตงหลินหยานเซว่หงุดหงิดอย่างมาก
จากมุมมองของตงหลินหยานเซว่แล้ว การกระทำของเจี้ยนเฉินในตอนนี้คือการเสียเวลาอันล้ำค่าของนาง ยังไงซะพวกเขาก็มีเวลาแค่ปีเดียวในการเก็บรวบรวมมุกต้นกำเนิดธาตุแสง ทุกวินาทีนั้นมีค่า
เจี้ยนเฉินได้ไปถึงก้อนหินนั่นแล้ว เขานั่งลงอย่างสบายใจ พลังงานที่เขารับรู้ได้ก่อนหน้านี้มาจากก้อนหินก้อนนี้ “มันน่าจะเป็นมุกต้นกำเนิดธาตุแสง” เจี้ยนเฉินยืนยันว่านี่คือมุกที่พวกเขาตามหา
ตอนนั้นตงหลินหยานเซว่ได้บินเข้ามาพร้อมกับผู้พิทักษ์ทั้งแปดคน นางแสดงท่าทีไม่พอใจและหมดความอดทนออกมา
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนก้อนหินและตรวจสอบระยะห่างของตงหลินหยานเซว่กับไข่มุก เขาต้องการรู้ว่านางต้องอยู่ห่างไข่มุกแค่ไหนถึงจะรับรู้ได้ถึงมุกต้นกำเนิดธาตุแสงได้
สุดท้ายตอนที่ตงหลินหยานเซว่อยู่ห่างจากเขาไป 1 กิโลเมตร สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ต่อมาสายตาของนางกลับแสดงความแปลกใจและดีใจออกมา นางเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปยังก้อนหินที่เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ นางตะโกนบอกเจี้ยนเฉิน “เจียงหยาง หลบ ! ”
“อะไรกัน ? ” เขาทำราวกับว่าเขาไม่ทันระวังตัว เจี้ยนเฉินมองไปที่ตงหลินหยานเซว่ด้วยสีหน้าตะลึง
“ข้าบอกให้เจ้าหลบ ข้าต้องการทำลายหินนี่ หากเจ้าไม่หลบ อย่าโทษว่าข้าทำร้ายเจ้า” ตงหลินหยานเซว่ตะโกนออกมา กฎแห่งศรัทธาถูกใช้ออกมาอัดแน่นไปรอบตัวนาง นางได้สร้างฝ่ามือธาตุแสงส่งเข้าไปโจมตีหินนั่น
เมื่อเห็นแบบนั้น เจี้ยนเฉินก็ ‘หน้าถอดสี’ เขาไม่ลังเลและรีบกระโดดออกจากก้อนหินทันที
แม้ว่าจะเป็นไม่ได้ที่ตงหลินหยานเซว่จะทำร้ายเขา แต่เขาก็ต้องเล่นให้สมบทบาทเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี
ปัง !
ตอนที่เจี้ยนเฉินกระโดดออกจากก้อนหินร หินด้านหลังก็ระเบิดออกจากการโจมตีของตงหลินหยานเซว่ มันได้กลายเป็นเศษหินไปในทันที
แสงสีขาวส่องประกายออกมาจากด้านล่างก้อนหิน ไข่มุกสีขาวขนาดเท่ากับหัวแม่มือปรากฏตัวขึ้น
“มุกต้นกำเนิดธาตุแสง ! ” ตงหลินหยานเซว่ตะโกนออกมา นางก้าวออกไปข้างหน้าและเก็บไข่มุกมาด้วยความดีใจ
“งั้นนี่ก็เป็นมุกต้นกำเนิดธาตุแสง…”
“มันเห็นได้ด้วยตาเปล่าและเป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ถึงมันด้วยการรับรู้วิญญาณ มุกต้นกำเนิดธาตุแสงนี่พิศวงจริง ๆ…”
…
ตอนนั้นผู้พิทักษ์ทั้งแปดก็มาถึง พวกเขาต่างก็มองมุกต้นกำเนิดธาตุแสงด้วยความสงสัย พวกเขาพากันเดาะลิ้นด้วยความชื่นชม
ตอนนั้นตงหลินหยานเซว่ได้มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสงสัยก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจียงหยาง ข้ารับรู้ได้ถึงบางอย่างตอนที่อยู่ห่างเกือบ 1 กิโลเมตร ส่วนเจ้าอยู่ห่างจากไข่มุกแค่ 10 เมตร เจ้าไม่รับรู้อะไรเลยรึทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้แบบนี้ ? ”
“อย่าลืมว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ 9 ดาว ส่วนข้าอยู่แค่ 1 ดาว ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยท่าทีสลด เขาไม่ต้องการเปิดเผยพรสวรรค์ของตัวเองเร็วแบบนี้
“เจ้าโทษน้องเจียงหยนางในเรื่องนี้ไม่ได้ ไข่มุกนั้นยากที่จะรับรู้ได้ แม้แต่แกนวิญญาณ 7 สีของข้า ข้าก็รับรู้ได้ถึงมันตอนที่อยู่ห่าง 100 เมตร..” ผู้พิทักษ์คนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากที่เจี้ยนเฉินพูดจบ
“เฮ้อ ด้วยพรสวรรค์ของข้าที่อยู่ระดับ 3 ดาวและแก่นวิญญาณ 7 สี ข้ารับรู้ได้ถึงมันตอนที่อยู่ห่าง 10 เมตร มันมีเหตุผลที่น้องเจี้ยนเฉินจะไม่อาจจะรับรู้ถึงมันได้…” ผู้พิทักษ์อีกคนพูดขึ้นมา ทำลายความสงสัยที่ตงหลินหยานเซว่มีต่อเจี้ยนเฉิน
ความสงสัยส่วนมากของตงหลินหยานเซว่หายไปเพราะคำพูดของผู้พิทักษ์ทั้งสอง นางเก็บมุกไปและบอกกับ เจี้ยนเฉินว่า “เจียงหยาง เจ้ามีแผนอะไร ? เร็วเข้า บอกข้ามา อย่าทำให้เสียเวลามากนัก”