เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2298 : ชื่อของฉิงฉัน
ตอนที่ 2298 : ชื่อของฉิงฉัน
แม้ว่าตงหลินหยานเซว่จะไม่อาจรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังจากการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปเพราะขีดจำกัดเรื่องการบ่มเพาะ แต่นางก็รู้จากคำพูดของเหล่าผู้พิทักษ์รอบตัว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรู้ถึงเรื่องนี้
“ เร็วเข้า รีบส่งไปคนไปจบการต่อสู้นั้นโดยเร็วที่สุด” ตงหลินหยานเซว่ตะโกนออกมา
ผู้พิทักษ์ 3 จาก 7 คนที่เหลือได้พุ่งไปหาสัตว์อสูรทันที อีก 4 คนรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับตงหลินหยานเซว่และเจี้ยนเฉิน
ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดนี้ต่างก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่มีแกนวิญญาณ 7 สีขั้นกลาง ตอนนี้ 4 คนได้ร่วมมือกันจัดการสัตว์อสูรที่เป็นแค่ราชาเทพช่วงต้น มันเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์อสูรจะทนได้นานนัก ไม่ว่าสัตว์อสูรนั้นจะโดดเด่นเพียงใดและได้รับความช่วยเหลือจากโลกนี้แค่ไหน
ไม่นานสัตว์อสูรก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับหัวที่ถูกตัดโดยดาบลำแสงที่อัดแน่นขึ้นจากกฎแห่งศรัทธาของผู้พิทักษ์ทั้งสี่คน มันได้ทรุดลงไปกับพื้น ด้วยน้ำหนักหลายสิบตันของมันทำให้พื้นดินสั่นไหวพร้อมกับฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกมา
“เร็วเข้า รีบไปตามหามุกต้นกำเนิดธาตุแสง ! ” ตอนที่สัตว์อสูรตาย เจี้ยนเฉินก็รีบตะโกนบอกตงหลินหยานเซว่
เจี้ยนเฉินเองก็เครียดเช่นกัน เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาไม่อาจจะสังเกตการณ์ต่อสู้ที่อยู่ไกลได้ แต่เขาเห็นมันอย่างชัดเจน ความแข็งแกร่งของฉิงฉันนั้นสูงส่งจนคาดไม่ถึง ในฐานะราชาเทพแล้ว เขากลับได้เปรียบผู้ที่อยู่ขอบเขตบรรพกาลอย่างผู้อาวุโสเหอเทียน
แค่มอง เจี้ยนเฉินก็บอกได้ว่านอกซะจากว่าจะมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้น การพ่ายแพ้ของผู้อาวุโสเหอเทียนก็ขึ้นอยู่กับเวลา
ผลก็คือเขาเริ่มหนักใจ หากผู้อาวุโสเหอเทียนไม่อาจจะหยุดฉิงฉันได้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้พิทักษ์จะเป็นคู่มือของฉินฉันได้แม้ว่าจะร่วมมือกันก็ตาม
ตงหลินหยานเซว่ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน รนางรีบบินออกไปที่รังของสัตว์อสูรพร้อมกับแผ่พลังเซียนธาตุแสงออกมารอบตัว
เจี้ยนเฉินและผู้พิทักษ์ 8 คนเองก็ตามนางไปติด ๆ
ทันทีที่ห่างจากรังสัตว์อสูรแค่ไม่กี่กิโลเมตร ตาของ ตงหลินหยานเซว่ ก็เป็นประกายขึ้นมา ชัดแล้วว่านางรับรู้ได้ถึง มุกต้นกำเนิดธาตุแสง ดังนั้นนางจึงเร่งความเร็วขึ้นมาทันที
ไม่นานกลุ่มของพกวเขาก็ได้เข้าไปในรังของสัตว์อสูร มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ดูมืดมิดและอับชื้น มุกต้นกำเนิดธาตุแสงขนาดเท่ากับนิ้วโป้งฝังอยู่ในหินที่เพดานของถ้ำ มันส่องแสงออกมาให้ความสว่างให้กับถ้ำแห่งนี้
ผู้พิทักษ์คนหนึ่งลงมือทันที เขายื่นนิ้วออกไปและเส้นพลังจากฎแห่งศรัทธาก็ได้ถูกยิงออกจากปลายนิ้ว มันได้เข้าปะทะกับหินด้านบนและทำให้มุกต้นกำเนิดธาตุแสงตกลงมาในมือของเขา จากนั้นเขาก็ส่งมันให้กับตงหลินหยานเซว่
ตงหลินหยานเซว่เก็บไข่มุกลงไป ตอนที่นางต้องการจะตรวจสอบรอบตัว เสียงของเจี้ยนเฉินก็ดังขึ้นมา “เราอยู่ที่นี่ต่อได้ไม่นาน เราต้องออกไปทันที”
ตงหลินหยานเซว่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น นางเป็นตัวแทนเข้าร่วมการทดสอบ นางมีสิทธิเพียงผู้เดียวที่จะออกคำสั่ง เจียงหยางเป็นคนออกคำสั่งได้ตั้งแต่ตอนไหนกัน ?
ตงหลินหยานเซว่มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทีหมดความอดทน ตอนที่นรางต้องการจะพูดบางอย่าง สีหน้าของเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งแปดข้างกายนางก็เปลี่ยนไป
“ไม่นะ พวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา…”
“มันคือคลื่นพลังจากพวกขอบเขตบรรพกาล เมื่อมันเข้ามาใกล้เรา แม้แต่เราก็ยังบาดเจ็บได้…”
“ไม่ใช่แค่เราจะบาดเจ็บ แต่เราไม่อาจจะปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ไม่ เราต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว…”
“มันพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป หนี ! ! หากเจ้าไม่ไปตอนนี้ มันจะสายเกินไป และเราเองที่อาจจะต้องตาย…”
…
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดพากันตะโกนออกมา ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาได้ใช้การรับรู้วิญญาณตรวจสอบการต่อสู้ แม้ว่าจะไม่อาจจะมองเข้าไปในศูนย์กลางการต่อสู้ได้ แต่พวกเขาก็บอกได้อย่างชัดเจนว่า ผู้อาวุโสเหอเทียนและฉิงฉันอยู่ที่ไหน
เสียงตะโกนของผู้พิทักษ์ทำให้ตงหลินหยานเซว่ไม่สนใจจะโต้เถียงกับเจี้ยนเฉินต่อในเรื่องเล็กน้อยนี้ นางรีบออกไปพร้อมกับทุกคนทันที
ชัดเจนแล้วว่าผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนนั้นอึดอัดใจแค่ไหน ทันทีที่ออกมาจากถ้ำได้ พวกเขาก็ควบคุมพลังเซียนธาตุแสงห่อหุ้มตัวเจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่เอาไว้โดยไม่อธิบายอะไร ก่อนจะพุ่งหนีออกไปจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด
ตอนนั้นแม้แต่ตงหลินหยานเซว่ก็ได้ยินแต่เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาไกลออกไป เสียงนี้ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ มันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ใจของตงหลินหยานเซว่หล่นวูบ สถานการณ์มันย่ำแย่กว่าที่นางคาดเอาไว้
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนที่หนีมาพร้อมกับพวกเขาพากันเงียบสนิท สีหน้าของพวกเขาหม่นลง พวกเขาสนใจแต่เรื่องหนีเพียงอย่างเดียว พวกเขาอยากจะหนีจากนักสู้ขอบเขตบรรพกาลที่เข้าใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสียงระเบิดใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คลื่นพลังงานที่น่ากลัวพุ่งปะทะทั้งแปดคนกระจายไปโดยรอบ มันก็ทำให้มิติที่นั่นบิดเบี้ยว พลังงานดั้งเดิมของโลกนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วน
ในท้องฟ้าไกลออกไป ร่างของคน 2 คนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้พิทักษ์ทั้งแปดคน ผู้อาวุโสเหอเทียนกับฉิงฉันอยู่ใกล้เพียงพอที่ทั้งแปดคนจะมองเห็นพวกเขาได้
แต่เมื่อผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนเห็นฉากนั้น สีหน้าของพวกเขากลับเปลี่ยนไป ความกลัวก่อตัวขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
พวกเขาเห็นอะไรกัน ?
พวกเขาเห็นผู้อาวุโสเหอเทียนตัวโชกไปด้วยเลือดและตกเป็นฝ่ายรับการโจมตีจากด้านหลังเขาพร้อมกับหนีเอาตัวรอด
ชายหนุ่มในชุดสีฟ้าไล่ตามผู้อาวุโสเหอเทียนมาติด ๆ เขามีใบหน้าที่ดูเย็นชาและตาอันเป็นประกายแสดงความเย็นชาออกมา
ชัดเจนแล้วว่าผู้อาวุโสเหอเทียนไม่ใช่คู่มือของชายหนุ่มผู้นี้
“ฉิงฉันแห่งเชื้อสายนักรบวิญญาณได้แทรกซึมเข้ามาในโลกดวงจันทร์และดวงดาว เขาต้องการจะฆ่าทุกคนที่มาจากโถงเซียนธาตุแสง ผู้พิทักษ์ทุกคนหนีไปซะและปกป้องตัวแทนของพวกเจ้าเอาไว้ หาทางติดต่อกับโลกภายนอกซะ…”
ตอนนั้นเสียงของผู้อาวุโสเหอเทียนดังก้องขึ้นมา เสียงแหบแห้งของเขาเต็มไปด้วยความเครียดและแสดงความเหนื่อยล้าออกมาราวกับว่าเขากำลังจะตาย
ฉิงฉันแข็งแกร่งเกินไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าปะทะกับผู้อาวุโสเหอเทียน เขาก็สามารถโจมตีเข้าถึงวิญญาณของผู้อาวุโสเหอเทียนได้ด้วยพลังวิญญาณนักรบของเขา พวกเขาไม่ได้สู้กันมานานนัก แต่ผู้อาวุโสเหอเทียนกลับบาดเจ็บสาหัสและพ่ายแพ้ไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่หนีอย่างสิ้นหวัง
“อะไรนะ ! ฉิงฉันแห่งเชื้อสายนักรบวิญญาณได้แทรกซึมเข้ามาที่นี่..”
“มันกลับเป็นคนจากเชื้อสายนักรบวิญญาณ เราตกที่นั่งลำบากแล้ว…”
“แม้ว่าฉิงฉันจะเป็นแค่ราชาเทพช่วงสูงสุด แต่เขามีพลังมากพอที่จะฆ่าผู้ที่อยู่ขอบเขตบรรพกาลได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเป็นคู่มือของเขา หนี รีบหนี…”
…
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนต่างก็พากันหน้าซีดเผือด พวกเขาไม่มัวลังเลและเริ่มหนีด้วยความเร็วสูงสุดที่ตัวเองมีไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่