เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2299 : ความกลัวของราชาเทพธาตุแสง
ตอนที่ 2299 : ความกลัวของราชาเทพธาตุแสง
ชื่อของฉิงฉันโด่งดังมาถึงหูพวกเขามานานแล้ว แม้ว่าจะโกรธแค้นชายคนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะหาเรื่องอีกฝ่าย เมื่อเห็นอีกฝ่ายจริง ๆ ความคิดเดียวที่มีในหัวพวกเขาคือต้องหนีเพียงอย่างเดียว มันจะดีที่สุดหากพวกเขาหนีไปถึงที่ซึ่งฉิงฉันไม่อาจจะหาพวกเขาเจอ บางที่ที่พวกเขาสามารถซ่อนตัวได้
ตอนนั้นตงหลินหยานเซว่ซึ่งถูกผู้พิทักษ์พาตัวไปยากที่จะใจเย็นดังเดิมได้ สีหน้าของนางซีดลงพร้อมกับสายตาที่แสดงความอึดอัดใจออกมา
ในบรรดาคนพวกนี้แล้ว เจี้ยนเฉินเป็นเพียงคนเดียวที่ยังดูมีสติอยู่ แต่เขาเองก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นเดียวกัน
“เร็วเข้า รีบไปรวมกลุ่มกับพวกสี่กลุ่มที่เหลือ จากนั้นก็ให้ราชาเทพธาตุแสงทั้งหมดร่วมมือกับผู้อาวุโสเหอเทียน มันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะฉิงฉัน หากเราทำแบบนั้น” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
แต่ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนกลับไม่สนใจเจี้ยนเฉิน ไม่ใช่แค่ไม่เปลี่ยนทางไปหา 4 กลุ่มที่เหลือ แต่พวกเขากลับหนีไปไกลกว่าเดิมอีก
เจี้ยนเฉินเห็นได้ถึงความกลัวและความสิ้นหวังในสายตาของพวกนี้
เจี้ยนเฉินแอบถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น คนพวกนี้ทำให้เขาผิดหวังจริง ๆ
หากรวมตัวกันทั้ง 5 กลุ่มแล้ว พวกเขาจะมีราชาเทพธาตุแสงถึง 44 คน หากร่วมมือกันก็ถือว่าเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับผู้อาวุโสเหอเทียนแล้ว เขาเชื่อว่าพวกนี้สามารถจัดการกับฉิงฉันได้
แม้ว่าจะไม่ใช่คู่มือของฉิงฉัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องรับความเสียหายมากนักหากพ่ายแพ้ให้กับฉิงฉัน
แม้ว่าความต่างเรื่องความแข็งแกร่งจะยังคงอยู่ แต่เขาก็สามารถช่วยได้ พวกเขาสามารถที่จะรับมือกับฉิงฉันได้ แม้แต่การเอาชนะอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่เขากลับประมาทความกลัวที่เหล่าผู้พิทักษ์มีต่อฉิงฉันเกินไป พวกนี้ไม่มีความกล้าหาญมากพอที่จะสู้กับฉิงฉัน ด้วยซ้ำ
พวกนี้ไม่กล้าที่จะสู้กับฉิงฉันและยังอยู่ข้างกายเจี้ยนเฉินตลอดเวลา ผลก็คือเจี้ยนเฉินไม่อาจจะหาโอกาสช่วยอะไรได้แม้ว่าเขาจะต้องการทำเช่นนั้นมากแค่ไหนก็ตาม
หลังจากที่ตะโกนออกมาแล้ว ผู้อาวุโสเหอเทียนก็ได้เปลี่ยนทิศทางบินออกไปทางอื่นเพื่อลากฉิงฉันออกไป ฉิงฉันมองไปที่กลุ่มของตงหลินหยานเซว่ด้วยท่าทีเฉยเมย เขายิ้มออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะไล่ตามไปต่อ
ในสายตาเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเหล่าราชาเทพเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าพวกนี้จะหนีไปไกลแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะหนีจากเขาพ้น แต่ผู้อาวุโสเหอเทียนคือผู้อาวุโสที่คอยดูแลที่นี่ ดังนั้นผู้อาวุโสจึงน่าจะมีวิธีเพื่อติดต่อกับโลกภายนอก ผลก็คือการฆ่าเหอเทียนคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
ฉิงฉันถูกลากออกไปไกลกว่าเดิมเมื่อตามเหอเทียนไป เสียงระเบิดจากการต่อสู้เบาลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหายไปในท้ายที่สุด
แต่ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนกลับไม่หยุดที่จะหนี ความเร็วของพวกเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างทางพวกเขาถึงกับบินผ่านอาณาเขตของสัตว์อสูรที่ดุร้าย ถึงสัตว์อสูรที่เป็นเจ้าของอาณาเขตจะคลั่งแต่พวกเขาก็หาสนใจไม่ ราชาเทพธาตุแสงพวกนี้สนใจแต่เรื่องหนีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ” เจี้ยนเฉินแอบถอนหายใจ เขาประมาทความกลัวที่ผู้พิทักษ์มีต่อฉิงฉันมากเกินไปซึ่งทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง ยิ่งกว่านั้นเขาก็รีบรู้ได้ว่ามีมุกต้นกำเนิดธาตุแสงอยู่มากมายหลายอันในระยะทางที่ผ่านมา แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่มองข้ามมัน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบอกคนพวกนี้
การหนียังคงดำเนินต่อไปกว่าครึ่งวัน สุดท้ายผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนก็หยุดและลงไปในป่าแห่งหนึ่ง
“น้องหยานเซว่ น้องเจียงหยาง พวกเจ้ามีวิธีติดต่อกับโลกภายนอกรึไม่ ? ” ทันทีที่หยุด ผู้นำของยอดเขาหมอกเมฆก็ได้เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าเขาดูเคร่งเครียดอย่างมาก
ผู้พิทักษ์ 7 คนที่เหลือต่างก็มองมาที่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ด้วยสายตาคาดหวัง
พวกเขาไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะสู้กับฉิงฉัน แม้แต่ผู้อาวุโสที่ดูแลที่นี่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของฉิงฉัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องฝากความหวังไว้ที่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ ทั้งสองคนนี้มีเบื้องหลังที่น่าประทับใจ พวกเขาหวังว่าทั้งสองจะมีวิธีติดต่อกับโลกภายนอกและเตือนโถงศักดิ์สิทธิ์ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เพื่อที่พวกนั้นจะได้ส่งผู้อาวุโสเข้ามาเพิ่มเพื่อฆ่าฉิงฉัน
ตงหลินหยานเซว่ส่ายหน้าและตอบกลับ “โลกดวงจันทร์และดวงดาวนี้คือโลกจิ๋ว วิธีการสื่อสารทั้งหมดของข้าไม่อาจจะผ่านการปิดกั้นของที่นี่ได้ ข้าไม่อาจะติดต่อคนที่อยู่โลกภายนอกได้เลย”
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดเผยสายตาผิดหวังที่ไม่อาจจะปกปิดได้ออกมา หลังจากนั้นทุกคนก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน และหนึ่งนั้นก็ถามขึ้นมาด้วยความคาดหวัง “น้องเจียงหยาง เจ้ามีวิธีติดต่อกับรองหัวหน้าซวนจ้านหรือไม่ ? ”
เจี้ยนเฉินเองก็ถอนหายใจออกมา “ข้าเองก็เหมือนกับตงหลินหยานเซว่ ข้าไม่อาจจะติดต่อกับโลกภายนอกได้เพราะอยู่ในเขตที่ต่างออกไป”
“บางทีคงมีแค่ผู้อาวุโสเหอเทียนที่มีวิธีติดต่อกับโถงศักดิ์สิทธิ์จากที่นี่ เราไม่อาจจะทำอะไรได้” ตงหลินหยานเซว่พูดต่อด้วยความหนักใจ
ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา ผู้อาวุโสเหอเทียนตอนนี้กำลังถูกฉิงฉันไล่ล่า เขายุ่งอยู่กับการหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจะมีเวลาไปติดต่อกับโลกภายนอกได้ยังไง ? ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเขาจะทนได้นานแค่ไหน ทันทีที่คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกฉิงฉันไล่ล่าในอีกไม่ช้า พวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวและอึดอัดขึ้นมา
“คิดทบทวนสิ่งที่ข้าเสนอไปก่อนหน้านี้ หากเจ้ายังมัวโยกโย้ มันอาจจะสายเกินไป” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาเชื่อว่านั่นเป็นทางเดียวที่เหล่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะขับไล่ฉิงฉันออกไปได้
เซียนธาตุแสงทั้งแปดคนต่างก็ลังเล หลังจากที่คิดสักพัก ทุกคนก็บอกความเห็นของตัวเองออกมาและเริ่มปรึกษากันกับข้อเสนอของเจี้ยนเฉิน
มีแค่ 2 คนที่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ที่ให้ไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ และจัดการกับฉิงฉัน ร่วมมือกันสู้กับฉิงฉันพร้อมกับผู้อาวุโสเหอเทียน
ในขณะเดียวกันก็มีบางคนเสนอออกมา พวกเขาเชื่อว่าแม้ว่าจะร่วมมือกันแต่พวกเขาก็คงไม่ใช่คู่มือของฉิงฉัน ยังไงซะพวกเขาก็จำได้ดีว่าฉิงฉันแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาไม่หวังที่จะปะทะกับฉิงฉันแบบซึ่ง ๆ หน้า พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาน่าจะใช้ช่วงเวลาตอนที่ฉิงฉันสนใจผู้อาวุโสเหอเทียนอยู่นั้น หนีไปซะ จากนั้นพวกเขาก็รอจนกว่าโลกดวงจันทร์และดวงดาวจะเปิดออกภายใน 1 ปี
กลุ่มสุดท้ายนั้นลังเล พวกเขายากที่จะตัดสินใจได้
ในเวลาแบบนี้ เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่กลับกลายเป็นตัวไร้ค่า แม้ว่าฐานะของตงหลินหยานเซว่จะเป็นผู้แข่งขัน แต่นางก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอกับการตัดสินใจของเหล่าราชาเทพธาตุแสงได้
นี่เป็นเพราะตงหลินหยานเซว่ยังไม่ได้เป็นเซียนผู้ถูกเลือกและราชาเทพธาตุแสงทั้งแปดคนก็เป็นแค่ผู้พิทักษ์ของนางที่ได้รับมอบหมายมาคุ้มกันนางเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่ผู้ติดตามของนางที่ต้องฟังคำสั่งของนางทุกอย่าง
เจี้ยนเฉินรู้สึกหมดหคนทางเมื่อได้ยินที่การถกเถียงกันระหว่างเหล่าราชาเทพธาตุแสง เขาไม่คิดจะฟังการถกเถียงนี้ต่อ เขาเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ และกระโดดขึ้นไปยังกิ่งไม้ มันราวกับว่าเขาไม่มีน้ำหนัก เขานั่งลงไปที่กิ่งไม้ที่หนาพอ ๆ กับข้อมือเท่านั้น
เขามองไปด้านหน้าด้วยตาที่เป็นประกาย ผลก็คือสายตาเขาเสียดแทงออกไปทำให้มองเห็นไกลขึ้นกว่าเดิม