เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2302 : ต่อกรกับฉิงฉัน (1)
ตอนที่ 2302 : ต่อกรกับฉิงฉัน (1)
จู่ ๆ สีหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป ฉิงฉันไม่คิดจะซ่อนตัวเลยแม้แต่น้อยในตอนที่มุ่งหน้ามาหาพวกเขา เขาได้แผ่พลังของตัวเองออกมาซึ่งทำให้เขาโดดแด่นอย่างมาก ผลก็คือเจี้ยนเฉินสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายแม้ว่าจะอยู่ไกลกันก็ตาม
เจี้ยนเฉินรับรู้ได้ว่าฉิงฉันกำลังมุ่งหน้ามายังตำแหน่งของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ
เขารวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าจะมีราชาเทพธาตุแสงถึง 8 คนรอบตัวที่ซึ่งพากันใช้ความเร็วสูงสุดของตนแต่ก็ยังช้ากว่าฉิงฉันอย่างมาก
“เรามีปัญหาแล้ว” สีหน้าของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไป เขาไม่ได้กลัวฉิงฉัน แต่เขาไม่อาจจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้ในตอนนี้
สีหน้าของเจี้ยนเฉินหม่นลงพร้อมกับสายตาที่สั่นไหว เขาครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาทางรับมือกับฉิงฉัน
“ไม่นะ ฉิงฉัน กำลังมา..”
ไม่นานฉิงฉันก็เข้ามาในระยะการรับรู้ของราชาเทพธาตุแสง ราชาเทพธาตุแสงต่างก็บอกตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันทีจากพลังที่ต่างจากผู้อาวุโสเหอเทียน พวกเขาพากันหน้าถอดสีกันทันที
“เขากำลังมา ! เขากำลังมา…”
“หนี ! รีบหนีเร็วเข้า…”
ราชาเทพธาตุแสงต่างก็หน้าซีดเผือด พวกเขาร้องกันออกมาด้วยความกลัว ความกลัวตายครอบคลุมหัวใจพวกเขา พวกเขาไม่กล้าที่จะห่วงเรื่องการปกป้องเซียนผู้ถูกเลือกอีกต่อไป
ผลก็คือราชาเทพธาตุแสงเองก็ทำเหมือนกับราชาเทพธาตุแสงของกลุ่มเซียะเก่อ พวกเขาต่างก็พากันทิ้งตงหลินหยานเซว่และเจี้ยนเฉิน แล้วกระจายตัวกันหนี
ในเสี้ยวพริบตาผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนรอบตัวเจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ก็หายตัวไป มีแค่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ที่ยังคงอยู่ที่นั่น
สีหน้าของตงหลินหยานเซว่บิดเบี้ยวไป นางหน้าซีดและมองไปรอบ ๆ เพื่อหาตัวผู้พิทักษ์ที่หายตัวไปแล้ว นางรู้สึกหมดหนทางในใจ
เจี้ยนเฉินมองดูผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนที่หนีไปด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปตรงหน้าตงหลินหยานเซว่ และตะโกนออกมา “เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ ไปกันเถอะ ! ” เขารับรู้ได้ว่าฉิงฉันเข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ
“เป้าหมายของฉิงฉันน่าจะเป็นข้า เขาน่าจะมาตามล่าผู้แข่งขัน เจียงหยาง ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ไปซะ” สีหน้าของ ตงหลินหยานเซว่ซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม สายตาของนางแสดงความสิ้นหวังออกมา นางไม่ได้คิดถึงความหวังที่จะรอดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉิงฉัน คนที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ขอบเขตบรรพกาล
“ไปกันได้แล้ว ! ”
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วและตะโกนออกมา เขาจับมือของตงหลินหยานเซว่เอาไว้ ก่อนที่นางจะได้ตอบโต้และรีบพุ่งออกไปทันที
ในการเดินทางมายังโลกดวงจันทร์และดวงดาวในครั้งนี้ ทุกคนอาจจะตายได้ แต่เขาไม่อาจจะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับตงหลินหยานเซว่ ได้เพราะนางคือกุญแจสำคัญว่าเขาจะเข้าไปในหอคอยธาตุแสงได้รึไม่
มือของตงหลินหยานเซว่ทั้งอุ่นและนุ่ม แต่ตอนนั้นเจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย เขาจับมือของนางไว้แน่นและบินออกไป
เมื่อตงหลินหยานเซว่รู้สึกได้ว่าเจี้ยนเฉินจับมือนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย อารมณ์ของนางสั่นไหวอีกครั้ง
แม้ว่านางจะบ่มเพาะมาสักระยะแล้ว แต่นางก็ไม่เคยแตะต้องผู้ชายแบบใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน
ตงหลินหยานเซว่มองไปที่อีกด้านก่อนจะสลับไปมองที่เจี้ยนเฉิน ตอนที่นางเห็นว่าเจี้ยนเฉินยังคงเพ่งสมาธิกับการหนีและไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ นางก็ใจเย็นลงได้
“อย่าน้อยเขาก็ไม่เหมือนผู้พิทักษ์คนอื่นที่หนีไป” ตงหลินหยานเซว่คิด สุดท้ายนางก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเจี้ยนเฉิน นางไม่คิดจะสลัดมือของเจี้ยนเฉินออกด้วยซ้ำ
จู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุดพร้อมกับสีหน้าที่บิดเบี้ยว เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหม่น “อย่างที่คาดเอาไว้ ฉิงฉันมาเพื่อล่าเราจริง ๆ ”
ตอนนั้นแม้แต่ตงหลินหยานเซว่ก็รับรู้ได้ถึงพลังของฉิงฉัน เขาไม่ได้ไล่ตามผู้พิทักษ์ทั้งแปดคน เขาได้มุ่งหน้ามาหาพวกเขา
“เป้าหมายของเขาคือข้า หนีไปซะก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้” ตงหลินหยานเซว่สลัดมือของเจี้ยนเฉินและพูดขึ้นมา
“ฮ่าฮ่า เจ้าต้องการจะหนีจากข้าด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามีน่ะรึ ? เจ้าประมาทข้าเกินไปแล้ว” เสียงหัวเราะของฉิงฉันดังขึ้นทันทีที่ตงหลินหยานเซว่พูดจบ จุดแสงสีดำเล็กกว่ามดได้ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้า แต่ในพริบตามันก็พุ่งตัดระยะทางเข้ามาปรากฏขึ้นตรงหน้าเจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ ก่อนจะแสดงรูปลักษณ์ของฉิงฉัน
เจี้ยนเฉินมองไปที่ฉิงฉัน เขาได้ยินเกี่ยวกับฉิงฉันที่ซึ่งครองอันดับหนึ่งบนบัลลังก์ราชาเทพและรู้ว่าเขาคือราชาเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเซียนมานานแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ฉิงฉันก็คล้ายกับเขาซึ่งเป็นทั้งนักสู้และเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ฉิงฉันถึงกับใช้พลังวิญญาณนักรบด้วย
เจี้ยนเฉินยังดูใจเย็นเมื่อเผชิญหน้ากับฉิงฉัน ส่วนตงหลินหยานเซว่นั้นดูสิ้นหวัง
“แกนวิญญาณสี่สี เจ้าคงเป็นหนึ่งในตัวแทน บอกชื่อเจ้ามา” ฉิงฉันลอยอยู่เหนือพวกเขา 3 เมตร และมองมาที่ตงหลินหยานเซว่จากด้านบน เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตงหลินหยานเซว่ไม่ได้ตอบกลับ นางกัดฟันแน่นและโยนแผ่นอาคมที่เอาออกมาจากแหวนมิติลงไปที่พื้น ทันใดนั้นโล่พลังงานที่แข็งแกร่งก็ก่อตัวขึ้นมาล้อมรอบตัวนางกับเจี้ยนเฉินเอาไว้
นี่คือแผ่นอาคมป้องกันขั้นสูง มันสามารถกันการโจมตีจากราชาเทพได้อย่างง่ายดายและป้องกันการโจมตี 1 ครั้งจากผู้ที่อยู่ขอบเขตบรรพกาลได้ ก่อนที่ตงหลินหยานเซว่จะเข้ามายังโลกดวงจันทร์และดวงดาว ผู้อาวุโสในตระกูลตงหลินได้มอบสิ่งนี้ให้กับนาง มันคือไพ่ลับในการปกป้องตัวเองของนาง
เจี้ยนเฉินทำการศึกษาแผ่นอาคมป้องกันและตัดสินได้ทันทีว่ามันกันการโจมตีของฉิงฉันได้แค่ครั้งเดียว
“ไม่เป็นไรหากเจ้าจะไม่บอกข้า มันมีผู้หญิงเพียงคนเดียวในหมู่ผูแข่งขัน 5 คน เจ้าคงเป็นตงหลินหยานเซว่” ฉิงฉันมองไปที่ตงหลินหยานเซว่ด้วยสีหน้าเฉยชา เขาไม่ได้หยุดนาง ไม่นานสายตาเขาก็แสดงความอาฆาตออกมา เขาได้พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ในเมื่อข้ารู้ตัวตนเจ้าแล้ว เจ้าก็ตายตามเซียะเก่อไปได้แล้ว” เมื่อพูดจบ ฉิงฉันก็ชี้นิ้วมาที่ตงหลินหยานเซว่
ทันใดนั้นก็มีลำแสงถูกยิงออกมาจากปลายนิ้วและพุ่งเข้าใส่โล่ป้องกันของตงหลินหยานเซว่ ด้วยพลังที่มากพอทำให้มิติสั่นไหวได้
“พลังวิญญาณนักรบ ! ” สายตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหวในตอนที่ฉิงฉันโจมตี เขารับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณนักรบในการโจมตีนี้
ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นพลังวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งกว่าที่เจี้ยนเฉินควบคุมได้
เจี้ยนเฉินเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา จู่ ๆ เขาก็ต้องการสู้กับฉิงฉัน เขาต้องการทำความเข้าใจความลึกลับของพลังวิญญาณนักรบจากฉิงฉัน
ปัง !
ตอนนั้นเองค่ายกลป้องกันของตงหลินหยานเซว่ก็ระเบิดออกหลังจากที่รับการโจมตีจากฉิงฉัน คลื่นพลังงานอันแข็งแกร่งรวมถึงพลังวิญญาณนักรบได้พุ่งผ่านโล่พลังงานที่แตกออกและอัดเข้าใส่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่อย่างแรง