เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2305 : ผลเสมอ
ตอนที่ 2305 : ผลเสมอ
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ใช้ร่างกายตัวเองราวกับเป็นกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาก่อนจะแทงออกไป
ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้กฎแห่งความแข็งแกร่งและกฎแห่งมิติพร้อมกัน เขาใช้กฎทั้งสามในการต่อสู้ เขาได้รับการปกป้องโดยแสงที่มาจากกฎแห่งกระบี่ ส่วนร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นโดยกฎแห่งความแข็งแกร่งซึ่งทำให้ร่างของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก เขาใช้กฎแห่งมิติในการเพิ่มความเร็วของตัวเองไปจนถึงขีดจำกัดซึ่งทำให้การโจมตีนี้น่าตกใจ
มันไม่ใช่ขอบเขตบรรพกาลแล้ว พลังในการโจมตีนี้เพียงพอที่จะฆ่าพวกนักสู้ในขอบเขตบรรพกาลได้
“ฮ่าฮ่า ดี ! ” ฉิงฉันไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเจี้ยนเฉิน เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับพลังที่พุ่งทะยานขึ้น เขาได้โจมตีออกไปเต็มกำลัง เขาใช้ทักษะลับเพื่อรับมือกับการโจมตีอันน่าตกใจจนทให้มิตินั้นพังลง
พวกเขาได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทุกครั้งที่ปะทะกันนั้นจะเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น พายุพลังงานอันน่ากลัวกระจายไปโดยรอบจนทำให้มิติพังลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกเขาได้สู้กันจนขึ้นไปถึงท้องฟ้าก่อนที่จะกลับลงมาที่บนดิน พวกเขาได้สู้และถอยกลับกินระยะไปกว่าหลายหมื่นกิโลเมตร
ระหว่างทาง ต้นไม้ทุกต้นได้เปลี่ยนเป็นผุยผง ภูเขาถล่มและหายไปลูกแล้วลูกเล่า พวกมันได้ถูกทำลายโดยคลื่นพลังานจนกลายเป็นฝุ่นผงกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ลาวาสีแดงก่ำได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นซึ่งเพิ่มความร้อนขึ้นมาและย้อมเขตนั้นให้เป็นสีแดง
ตอนที่การโจมตีของเจี้ยนเฉินและฉิงฉันพลาดเป้าตกลงไปที่พื้น มันจะก่อตัวเป็นอุโมงค์ลึกยาวหลายพันกิโลเมตรจนทำให้ลาวาที่นั่นปะทุขึ้นมา
ทั้งเจี้ยนเฉินและฉิงฉันต่างก็ได้รับบาดเจ็บเมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ เสื้อผ้าของพวกเขาชุ่มไปด้วยเลือด ฉิงฉันมีแสงสีขาวล้อมรอบ นี่คือพลังเซียนธาตุแสง แผลของเขาฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัด แม้แต่ในตอนที่สู้มันก็ยังฟื้นฟู
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ได้ใช้พลังเซียนธาตุแสงในการฟื้นฟู แต่ความสามารถในการฟื้นฟูของร่างบรรพกาลก็ปลดปล่อยพลังอันสมบูรณ์แบบออกมา ผลก็คือการฟื้นฟูของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าฉิงฉันเลย
ตอนที่ทั้งสองได้สู้กันนั้น กลุ่มที่นำโดยกงเจิงซิ่น, ซินปิงและต้าอาน กับผู้พิทักษ์ที่ทิ้งตงหลินหยานเซว่กับเจี้ยนเฉินไปต่างก็หยุด พวกเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าทางที่เจี้ยนเฉินและฉิงฉันอยู่ สายตาพวกเขาต่างก็พากันสั่นไหว
“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมทุกคนถึงหยุด ? ” กงเจิงซิ่นตะคอกใส่ผู้พิทักษ์รอบตัว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความลนลานและกลัวซึ่งไม่อาจจะปกปิดได้
นี่คือความกลัวที่มีต่อฉิงฉัน !
“นายน้อยซิ่น มันมีนักสู้กำลังต่อสู้กันอยู่ไกลออกไป คลื่นพลังจาการต่อสู้นี้น่ากลัวอย่างมาก น่ากลัวเสียจนทำให้โลกเปลี่ยนไป แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาหลายหมื่นกิโลเมตรแต่เราก็รับรู้มันได้อย่างชัดเจน” ผู้พิทักษ์คนหนึ่งข้างกายกงเจิงซิ่นพูดขึ้นมาด้วยเนื้องตัวที่สั่นเทา
“หนึ่งในนั้นคงเป็นฉิงฉันจากเชื้อสายนักรบวิญญาณ อีกคนเป็นใครกัน ? ”
“ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นใคร เรามั่นใจได้ว่าเขาแข็งแกร่งมากกว่าผู้อาวุโสเหอเทียน คลื่นพลังที่ระเบิดออกมาจากการต่อสู้กับฉิงฉันนั้นสูงส่งกว่าของผู้อาวุโสเหอเทียน….”
“โถงศักดิ์สิทธิ์ได้รับข่าวและส่งคนมาแล้วหรือ ? ” ผู้พิทักษ์อีกคนพูดขึ้น
ประกายตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ พวกเขามองหน้ากัน หลังจากนั้นก็มีคนหนึ่งเสนอขึ้นมา “เมื่อ ฉิงฉันถูกหยุดเอาไว้ มันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องกลัวอีกต่อไป ไปดูกันเถอะว่าใครกันที่สู้กับฉิงฉันอยู่”
หลังจากนั้นผู้พิทักษ์บางส่วนก็ได้บินไปทางที่เจี้ยนเฉินและฉิงฉันสู้กัน คนอื่น ๆ ยังอยู่ด้านหลังเพื่อคอยปกป้อง กงเจิงซิ่น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจแบบเดียวกัน กลุ่มของต้อานเองก็ทำเช่นเดียวกัน มีแค่กลุ่มของซินปิงเท่านั้นที่ผู้แข่งขันต่อต้านการตัดสินใจนี้และไม่ให้ผู้พิทักษ์เข้าไปตรวจสอบ พวกเขาเลือกที่จะหนีต่อไป
ผู้พิทักษ์ที่ทิ้งตงหลินหยานเซว่ไปเองก็ไม่ได้ยกเว้น พวกเขาต่างก็หันกลับและเข้ามาดูการต่อสู้
“คลื่นพลังนี้รุนแรงอย่างมาก ฉิงฉันอาจจะพบกับคูต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสเหอเทียน …”
“โถงศักดิ์สิทธิ์คงรู้สถานการณ์ในโลกดวงจันทร์และดวงดาวแล้วส่งคนมาจัดการฉิงฉัน ฉิงฉันยากที่จะจัดการกับปัญหาตอนนี้ได้ รีบกลับไปดูเผื่อว่าเราจะหาโอกาสฆ่าฉิงฉันได้….”
“การฆ่าฉิงฉันจากเชื้อสายนักรบวิญญาณคงสร้างผลงานได้อย่างมาก...”
ผู้พิทักษ์ต่างก็หยุดหนีเอาตัวรอดด้วยความคิดต่าง ๆ ในหัว พวกเขาต่างก็เข้าไปหาการต่อสู้โดยไล่ตามคลื่นพลังไป
ตูม !
10 ล้านกิโลเมตรไกลออกไป เจี้ยนเฉินกับฉิงฉังได้ปะทะกันอีกครั้งก่อนจะกระเด็นออกไปเพราะแรงกระแทก ตอนที่ฉิงฉันประคองตัวเองได้ ดาบสีดำก็ปรากฏขึ้นมาด้วยการพลิกฝ่ามือ มันแผ่พลังของวัตถุเทพออกมา เขาได้ตะโกนขึ้นว่า “กระบี่ทำลายวิญญาณ วัตถุเทพขั้นต้น ! แม้แต่ผู้อาวุโสที่ตายตะกี้ก็ไม่เพียงพอให้ข้าใช้กระบี่นี้ออกมา แต่เจ้าทำได้ ! ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เมื่อพูดจบ ฉิงฉันก็ได้กวัดแกว่งกระบี่ ยิงปราณกระบี่สีดำราวกับหมึกเข้าใส่เจี้ยนเฉิน
หลังจากที่เอาวัตถุเทพออกมา พลังของฉิงฉันก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ปราณกระบี่สีดำสนิทที่สามารถฉีกมิติได้นั้นยาวหลายเมตร
เจี้ยนเฉินเครียดขึ้นมา ตอนนั้นเขาไม่ได้ยั้งมืออีกต่อไป เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นมา เขาถ่ายพลังบรรพกาลเข้าไปในอาวุธ กระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ได้เปล่งแสงออกมาราวกับดวงดาวและสร้างภาพดวงดาวขึ้นมา
ดวงดาวทุกดวงที่ถูกสร้างขึ้นมาทำให้พลังของดาบเพิ่มขึ้น ดาวทั้งหมด 6 ดวงได้ปรากฏขึ้นจากกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ทีละดวง ๆ
เจี้ยนเฉินเองก็ฟันมันออกไป แสงดาวระยิบระยับได้เข้าปะทะกับกระบี่ทำลายวิญญาณ
การปะทะกันของวัตถุเทพทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวกว่าเดิมออกมา พลังอันน่ากลัวนี้ได้เข้าปะทะกันจนทำให้มิติบิดเบี้ยวพร้อมกับเสียงระเบิดราวกับฟ้าผ่า มิติพังลงในจุดที่วัตถุเทพปะทะกันจนเกิดเป็นหลุมดำที่กว้างกว่า 1 เมตร
คลื่นพลังพร้อมกับแรงมหาศาลได้ผลักทั้งเจี้ยนเฉินและฉิงฉันออกไปอย่างต่อเนื่อง
ฉิงฉันหน้าซีดเล็กน้อยพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก แต่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่เป็นประกายก่อนจะตะโกนออกมา “กระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ ! เป็นเจ้าจริง ๆ ! ”
ในขณะเดียวกัน เจี้ยนเฉินกลับดูเฉยเมยและเย็นชา เขารู้ว่าฉิงฉันทราบตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว แต่เขาไม่ได้แปลกใจ เขาพร้อมที่จะเปิดเผยตัวเองหลังจากที่ตัดสินใจปกป้องตงหลินหยานเซว่
กระบี่นวดาราวิถีสวรรค์ในมือของเจี้ยนเฉินกลับเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เขามองไปที่ฉิงฉัน ตอนที่เขากำลังจะต่อสู้ต่อ จู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วและมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น มันราวกับว่าสายตาเขาเสียดแทงทะลุมิติได้
เขารับรู้ได้ว่ามีราชาเทพธาตุแสงมากมายได้มุ่งหน้าเข้ามาที่นี่จากทุกทิศทาง แม้ว่าจะอยู่ห่างหลายล้านกิโลเมตร แต่มันก็คงใช้เวลาไม่นานที่พวกนั้นจะมาถึงที่นี่ด้วยความที่เป็นราชาเทพธาตุแสงของพวกเขา
อันที่จิรงการรับรู้วิญญาณของพวกนั้นก็สามารถแผ่มาถึงที่นี่ได้อย่างง่ายดาย แต่มิติโดยรอบนี้เต็มไปด้วยพายุพลังงาน กันไม่ให้ราชาเทพธาตุแสงเข้าใกล้ที่นี่ได้ด้วยการรับรู้วิญญาณของพวกเขา
เจี้ยนเฉินยอมแพ้กับการต่อสู้กับฉิงฉัน ก่อนที่คนอื่น ๆ ได้เข้ามาที่นี่ เขาได้เก็บกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์และพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ฉิงฉัน ข้าจะสู้กับเจ้าต่อในเวลาอื่น” เมื่อพูดจบ พลังกฎแห่งมิติก็ได้สั่นไหวที่ตำแหน่งของเขา ต่อมาเขาก็หายไปและออกจากที่นั่นไป
เจี้ยนเฉินได้ใช้กฎแห่งมิติเคลื่อนย้ายตัวเองออกไปกว่าพันกิโลเมตร หลังจากนั้นแค่ไม่กี่พริบตาเขาก็หนีไปได้หลายหมื่นกิโลเมตร เขาอุ้มตงหลินหยานเซว่ที่หมดสติขึ้นมาจากบนยอดเขาที่เขาวางนางไว้ตะกี้ ก่อนจะบินหนีออกไป
ฉิงฉันกำกระบี่ทำลายวิญญาณไว้แน่น เขาลอยอยู่ในอากาศและไม่ได้หยุดเจี้ยนเฉิน สายตาที่เขามองไปยังเจี้ยนเฉิ้นดูประหลาดไป เขายิ้มออกมาและพูดขึ้นมาว่า “จริง ๆ แล้วข้าได้พบกับผู้ซึ่งมีพลังวิญญาณนักรบคนที่ 8 ที่นี่ พลังของเขานั้นมากพอทำให้ข้าตะลึงได้ มันน่าแปลกใจ น่าเสียดายที่เขาไม่คิดจะใช้พลังวิญญาณนักรบ”
ฉิงฉันเก็บกระบี่ของตัวเอง จากนั้นเขาก็มองไปยังเหล่าราชาเทพธาตุแสงที่เข้าที่นั่น ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “คนพวกนี้เหมือนจะทำให้เขากังวล แต่ก็ยุติธรรมดี มันน่าจะยังไม่มีใครในโถงเซียนธาตุแสงที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่รอดจนถึงตอนนี้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะคลายความกังวลทั้งหมดให้เขาเอง”