เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2306 : ใกล้ชิด
ตอนที่ 2306 : ใกล้ชิด
เมื่อคิดแบบนั้น ฉิงฉันก็เปลี่ยนเป็นภาพพร่ามัวและพุ่งออกไปในท้องฟ้า เขาได้เข้าไปหาราชาเทพธาตุแสงที่มุ่งหน้ามาที่นี่
เขาไม่ได้กลัวว่าจะทำให้เหล่าราชาเทพธาตุแสงรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ตอนที่เขาบินเข้าไป เขาได้แต่พลังของตัวออกมาอย่างเต็มที่
ตู้พิทักษ์ของตัวแทนทั้งสามต่างก็มุ่งหน้ามายังจุดที่เกิดการต่อสู้จากทิศทางที่แตกต่างกันจากสามทิศทาง
คลื่นพลังจากการต่อสู้เมื่อสักครู่ทรงพลังเกินไปจนเกินกว่าขั้นราชาเทพ ตลก็คือราชาเทพธาตุแสงที่อยู่ในโลกดวงจันทร์และดวงดาวต่างก็คิดว่าโถงเซียนธาตุแสงได้ส่งคนมาจัดการกับฉิงฉัน
ยังไงซะพวกเขาก็ได้ยินจากตู้อาวุโสตอนที่มาถึงที่นี่ว่ามีการคัดกรองสัตว์อสูรไว้แล้วและสัตว์อสูรที่เหลืออยู่อย่างมากก็อยู่ระดับราชาเทพ มันเป็นไปไม่ได้ที่ตัวตนซึ่งเกินกว่าราชาเทพจะปรากฏตัว
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่านี่คือกองกำลังสมทบที่โถงศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งมาทันที ในตอนที่รับรู้ถึงคลื่นพลังในขอบเขตบรรพกาล
“ข้าสงสัยว่าตู้อาวุโสคนไหนกันที่เข้ามาในโลกดวงจันทร์และดวงดาว แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จุดจบของฉิงฉันมาถึงแล้ว…”
“เมื่อโถงศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าฉิงฉันอยู่ที่นี่ ตู้อาวุโสที่พวกเขาส่งมาต้องฆ่าฉิงฉันได้แน่ …”
“ ตู้อาวุโสได้มาที่นี่แล้ว ฉิงฉันจบสิ้นแล้ว ข้าหวังว่าจะได้สร้างความชอบต่อหน้าตู้อาวุโส หากข้าช่วยอะไรได้บ้าง มันคงเป็นการสร้างตลงานครั้งใหญ่….”
….
สายตาของเหล่าราชาเทพธาตุแสงต่างก็เป็นประกาย พวกเขาต่างก็คิดไปต่าง ๆ นานา
แต่ไม่นานหนึ่งในนั้นก็ได้หยุด พวกเขามองไปด้านหน้าด้วยความแปลกใจ
พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่เพียงพอทำให้พวกเขาขนลุกกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่คุ้นเคยกับเจ้าของพลังนี้ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกตกใจและหวาดกลัวขึ้นมา พลังนี้มันเป็นของ ฉิงฉัน
“ ไม่นะ ฉิงฉัน กำลังมุ่งหน้ามาหาเรา…”
“ตู้อาวุโสที่สู้กับฉิงฉันตะกี้ไปไหนแล้ว ? ทำไมข้ารับรู้ถึงพลังเขาไม่ได้…”
“พลังของตู้อาวุโสหายไป ไม่นะ หนี รีบหนี…”
ราชาเทพธาตุแสงต่างก็พากันหน้าซีดด้วยความกลัว พวกเขาพากันหันกลับและหนีไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ด้านหลังพวกเขา ฉิงฉันได้ไล่ตามมาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วเพียงพอตัดต่านระยะ 1,000 กิโลเมตรได้ในทันที เขามีความเร็วเหนือกว่าเหล่าราชาเทพธาตุแสงที่ใช้ความเร็วสูงสุดของตน ไม่นานเขาก็ตามเหล่าราชาเทพธาตุแสงทันและทำการโจมตี เขาทั้งโหดร้ายและไร้ปราณี เขาฆ่าเหล่าราชาเทพธาตุแสงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เขาไม่ได้หยุดเลยแม้แต่น้อยและทำการไล่ล่าราชาเทพธาตุแสงที่เหลือต่อ
ในเวลาเดียวกันในมิติที่สงบห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตรบนภูเขาลูกหนึ่ง จู่ ๆ มิติที่นั่นก็สั่นไหว เจี้ยนเฉินได้ปรากฏตัวขึ้นที่นั่นพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ที่ยังหมดสติอยู่
หลังจากที่ใช้เคลื่อนย้ายระยะสั้นมาหลายครั้ง เจี้ยนเฉินก็ได้เดินทางออกมาห่างจากจุดที่เขาสู้กับฉิงฉันได้พอสมควร เขามองออกไปและประคองตงหลินหยานเซว่เอาไว้ มันราวกับว่าเขาเห็นได้ว่าฉิงฉันอยู่ที่ไหน ประกายตาของเขาสั่นไหวขึ้นมาและหลังจากที่ลังเลไปสักพักเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไป เขายังคงบินหนีต่อไป
“อืม…” – ตอนนั้นก็มีเสียงร้องที่ดูเจ็บปวดดังขึ้นมาในอ้อมแขนของเจี้ยนเฉิน ตงหลินหยานเซว่ได้รู้สึกตัวขึ้นมาช้า ๆ นางลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรงและตอนที่นางเห็นใบหน้าของเจี้ยนเฉิน นางก็สับสนขึ้นมาทันที
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลดความเร็วลงและรักษความเร็วระดับเซียนตู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีเอาไว้ เขาได้บินข้ามเขามาและลงไปที่พื้นโดยอุ้มตงหลินหยานเซว่เอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ ? ”
ไม่นานความคิดของตงหลินหยานเซว่ก็แจ่มชัดขึ้นมา นางรับรู้ได้ว่านางอยู่ในอ้อมแขนของเจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้ใบหน้าของนางแดงขึ้นมาเพราะความอาย
แต่ต่อมาจู่ ๆ นางก็นึกถึงบางอย่างและทำการตรวจสอบรอบตัว นางถามขึ้นมาด้วยความกังวล “ฉิงฉันอยู่ที่ไหนกัน ? เขาไม่ได้ฆ่าเรารึ ? เราหนีมาได้ยังไง ? ”
เจี้ยนเฉินหัวเราะและตอบกลับว่า “เราโชคดี ตอนที่ฉิงฉันต้องการจะฆ่าเรา มันกลับมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายปรากฏตัวขึ้นมา สัตว์อสูรนั้นเหมือนกับแค้นเคืองฉิงฉัน มันได้เข้าต่อสู้กับฉิงฉัน สำหรับข้าแล้ว ข้าได้อุ้มเจ้าและหนีมาระหว่างตอนที่เกิดการต่อสู้และโชคดีที่หนีพ้นจากภัยพิบัติมาได้”
ตงหลินหยานเซว่หลงเชื่อในคำพูดของเจี้ยนเฉิน นางรู้สึกว่านางโชคดี “สัตว์อสูรนั่นน่าจะเป็นราชาเทพส่วนสูงสุด ไม่งั้นคงไม่อาจจะเป็นคู่มือของฉิงฉันได้ เกือบไปแล้วจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรนั่น เราอาจจะไม่รอดจนถึงตอนนี้”
ตอนที่นางพูดถึงจุดนี้ จู่ ๆ นางก็นึกได้ว่าเจี้ยนเฉินยังอุ้มนางอยู่ นางหน้าแดงขึ้นมาและพูดขึ้นมาว่า “เจียงหยาง ปล่อยข้าลง”
เจี้ยนเฉินเงียบไป เขาก้มหน้าลงไปมองตงหลินหยานเซว่และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าบาดเจ็บสาหัส เจ้าไม่อาจจะเดินทางด้วยตัวเองได้ เจ้ามั่นใจหรือว่าจะให้ข้าปล่อยเจ้าลงจริง ๆ ? ”
ตงหลินหยานเซว่ไม่กล้าที่จะสบตากับเจี้ยนเฉิน นางพยักหน้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ก็ได้ แต่เจ้าต้องรู้ก่อนว่าเรายังอยู่ใกล้กับฉิงฉัน เราไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้เตื่อว่าเขาจะไล่ตามมา” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของตงหลินหยานเซว่เอาไว้และค่อย ๆ วางนางลงกับพื้น
เมื่อรู้สึกได้ถึงแขนที่แข็งแรงและหนาของเจี้ยนเฉิน ใจของตงหลินหยานเซว่ก็เต้นรัว ใจของนางเต้นรัวจนไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ ใบหน้านางแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ตงหลินหยานเซว่ยากที่จะประคองตัวเองได้ แต่หลังจากที่เดินไปได้หนึ่งก้าว นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น
นางรับการโจมตีจากฉิงฉันมา แม้ว่าจะมีค่ายกลคอยป้องกันการโจมตีจนทำให้พลังเหลือไม่ถึง 1 ใน 100 ส่วนในการโจมตีนาง แต่นางก็ยังได้บาดเจ็บสาหัส นางไม่อาจจะเดินได้ด้วยซ้ำ
มือของเจี้ยนเฉินยื่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก้าวออกไปประคองตงหลินหยานเซว่เอาไว้และพูดขึ้น “ตอนนี้เจ้ายังยืนไม่ไหวด้วยซ้ำ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะเดินทางด้วยตัวเองได้ ให้ข้าอุ้มเจ้าเถอะ”
ตงหลินหยานเซว่หลบตาของเจี้ยนเฉิน นางไม่กล้าที่จะสบตากับเขา นางกัดฟันแน่และต้องเตชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
สุดท้ายบางทีนางอาจจะเข้าใจว่าตัวเองคงไม่อาจจะเดินทางได้ในสภาพแบบนี้ และหากนางยังคงเสียเวลาอยู่ ฉิงฉันอาจจะตามหาพวกเขาเจอ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นนางก็ต้องตอบตกลงตามที่เจี้ยนเฉินได้เสนอมา