เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2308 : หมอกประหลาด
ตอนที่ 2308 : หมอกประหลาด
“ในอีกความหมายก็คือข้าได้แต่แบกเจ้าไปกับข้า” เจี้ยนเฉินมองไปที่ตงหลินหยานเซว่ หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เขาเหมือนจะยิ้มออกมา
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้เกี่ยวกับอาการของตงหลินหยานเซว่ ตอนที่ฉิงฉันทำให้นางบาดเจ็บ เศษเสี้ยวพลังวิญญาณนักรบได้เข้าไปอยู่ในตัวนางกันไม่ให้นางฟื้นฟูตัวเองได้
แม้ว่าเขาจะลบล้างพลังวิญญาณนักรบนั้นด้วยพลังที่เขามี แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นเพราะมันเท่ากับทำให้เขาเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตน
ยังไงซะเขาก็เล่นบทเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีอยู่ คนแบบนั้นไม่มีทางที่จะมีความสามารถเช่นนั้นได้
สีหน้าของตงหลินหยานเซว่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดล้อเลียนจากเจี้ยนเฉิน นางก้มหน้าและไม่พูดอะไรออกมา
นางเองก็เข้าใจว่าตอนที่นางบาดเจ็บนั้น นางไม่อาจจะเดินทางเองได้ นางต้องพึ่งเจี้ยนเฉิน ในตอนที่อยู่ในโลกนี้ หลังจากที่คิดสักพัก ตงหลินหยานเซว่ก็พูดขึ้นมาว่า “เราไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเหอเทียนอยู่ที่ไหน เขาอาจจะตายไปแล้ว โลกดวงจันทร์และดวงดาวนี้กลายเป็นที่ซึ่งฉิงฉันสามารถทำตามใจชอบได้ ดังนั้นเราอาจจะเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของฉิงฉันในอีกไม่กี่วัน ด้วยพลังที่เรามีแล้ว เราอาจจะตายหากฉิงฉันหาเราเจอ”
“โลกดวงจันทร์และดวงดาวเพิ่งจะเปิดออก นอกซะจากว่าเราจะบอกผู้อาวุโสที่โลกภายนอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เราก็จะต้องรอที่นี่ทั้งปี ข้าสงสัยว่าเราจะทนได้นานแค่ไหนกัน” ตงหลินหยานเซว่ถอนหายใจออกมาและแสดงสีหน้ากังวล สถานการณ์ตอนนี้ดูสิ้นหวัง นางไม่ได้เห็นความหวังว่าจะรอดไปได้เลยแม้แต่น้อย
การเดินทางมายังโลกดวงจันทร์และดวงดาวน่าจะปลอดภัยเนื่องจากนางเป็นผู้แข่งขัน ยังไงซะแม้ว่านางจะพบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่พวกมันก็ถูกฆ่าตายได้ง่าย ๆ โดยผู้พิทักษ์ทั้งเก้าคน หากไม่ได้ผล นางก็แค่ถอย นางแค่ต้องตามหามุกต้นกำเนิดธาตุแสงโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ๆ
แต่การปรากฏตัวของฉิงฉันทำให้การทดสอบนี้วุ่นวายไปหมด ไม่ใช่แค่ผู้พิทักษ์ทั้งแปดคนได้ทิ้งนางไปเพื่อหนีเอาตัวรอด แต่นางถึงกับเผชิญหน้ากับฝันร้ายที่จะถูกฉิงฉันฆ่าตอนไหนก็ได้
ยิ่งกว่านั้นยังมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายมากมายในโลกนี้ บางตัวแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทัดเทียมกับราชาเทพส่วนสูงสุดได้
และข้างกายนางก็มีแค่เจียงหยางที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี โดยพื้นฐานแล้วเขาถือว่าไร้ค่าด้วยระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยแบบนี้ เขาไม่อาจจะจัดการกับสัตว์อสูรได้ ซึ่งทำให้ตงหลินหยานเซว่สิ้นหวังขึ้นมา
“อย่าคิดในแง่ร้ายไป ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่รึไง ? ” เจี้ยนเฉินปลอบใจเมื่อเห็นว่านางสิ้นหวัง เขาก็แอบถอนหายใจและพูดต่อ “ไม่ต้องกังวล เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาในโลกดวงจันทร์และดวงดาวอาจจะตาย แต่แน่นอนว่าเราต้องรอดจากที่นี่ไปได้”
ชัดเจนแล้วว่าคำปลอบใจของเจี้ยนเฉินนั้นไร้ค่า ตงหลินหยานเซว่ไม่คิดใส่ใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีจะไปทำอะไรได้ที่นี่ ?
เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ไม่ได้อยู่ที่นั่นนานนัก ไม่นานเจี้ยนเฉินก็อุ้มตงหลินหยานเซว่และเดินทางต่อ เขาสร้างปีกขึ้นมาและรีบบินออกไปด้วยวามเร็วสูงเท่าที่แกนวิญญาณหนึ่งสีจะทำได้ เขาบินเข้าไปในส่วนลึกของโลกดวงจันทร์และดวงดาว
เจี้ยนเฉินรับรู้ได้ถึงพลังของสัตว์อสูรมากมายระหว่างทาง ทุกตัวต่างก็อยู่ขอบเขตเทพ
ภายใต้ความพยายามของเจี้ยนเฉิน พวกเขาได้หลีกเลี่ยงในการปะทะกับสัตว์อสูรระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสัตว์อสูรที่ดุร้ายเข้ามาโมตีพวกเขา เขาก็ได้แผ่การรับรู้วิญญาณออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์อสูร
การรับรู้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาเทพธาตุแสงที่เข้ามาในโลกดวงจันทร์และดวงดาว ผลก็คือไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนเลยที่สามารถซ่อนตัวจากเขาได้รวมไปถึงพวกที่อยู่ขั้นราชาเทพส่วนสูงสุดด้วย
ผลก็คือพวกเขาไม่ได้พบสัตว์อสูรเลยแม้แต่ตัวเดียว
“มันมีมุกต้นกำเนิดธาตุแสงอีกอัน มันเป็นมุกต้นกำเนิดธาตุแสงอันที่หกที่ข้าเจอ น่าเสียดายที่มุกต้นกำเนิดธาตุแสงพวกนั้นถูกปกป้องโดยสัตว์อสูร แม้แต่ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังเทียบเท่ากับเหนือเทพ ข้าไม่อาจจะเก็บมันได้โดยที่ตงหลินหยานเซว่อยู่ด้วย” เจี้ยนเฉินมองไปทางซ้าย ห่างออกไป 100 กิโลเมตร มันมีมุกต้นกำเนิดธาตุแสงซ่อนอยู่ในถ้ำ มีลิงตัวใหญ่สูงกว่า 10 เมตร เฝ้าอยู่รอบ ๆ มุก
ตอนนั้นจู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุด เขามองไปด้านหน้าด้วยตาที่เป็นประกายพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา ชั้นหมอกขาวที่ลอยขึ้นมาจากพื้นสู่บนท้องฟ้าแผ่ออกไปโดยรอบ ตอนั้นหมอกขาวได้เคลื่อนที่มาที่ตำแหน่งของ เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วสูง
หมอกขาวนี้คือส่วนที่มาจากพื้นดินและท้องฟ้า มันดูเหมือนกับไร้ขอบเขต มันค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้ามาหาเขาราวกับภูตผี
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นรอบตัวเจี้ยนเฉิน เสียงนี้เต็มไปด้วยความกลัวและความอึดอัด
การรับรู้วิญญาณของเจี้ยนเฉินแผ่ออกไปครอบคลุมระยะหลายล้านกิโลเมตรในทันที เขาเห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรที่ดุร้ายพากันคำรามออกมาด้วยความกลัว พวกมันต่างก็ออกจากอาณาเขตของตนหนีไปยังทางตรงกันข้ามกับหมอก
แม้แต่ลิงยักษ์ที่อยู่ใกล้กับไข่มุกห่างออกไป 100 กิโลเมตร ก็ยังไม่สนใจมุกและหนีออกจากอาณาเขตของตัวเอง
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นไหว มันเกิดขึ้นจากความตื่นกลัวของสัตว์อสูร สัตว์อสูรพวกนี้เหมือนจะกลัวการมาของหมอก พวกมันทิ้งอาณาเขตของตัวเองและหนีเอาตัวรอด
“เกิดอะไรขึ้น ? ” ตงหลินหยานเซว่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเจี้ยนเฉินพบว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ นางตรวจสอบรอบตัวและสุดท้ายนางก็พบกับหมอก นางรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที
“หมอกขาวตรงหน้านี่แปลกประหลาดอย่างมาก” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นและมองไปที่หมอกขาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด การรับรู้วิญญาณของเขาไม่อาจจะทะลุผ่านหมอกขาวได้
“หมอกขาวนี่มันอะไรกัน ? มันทำให้สัตว์อสูรมากมายรู้สึกอึดอัด ไม่นะ หมอกนี่กำลังเข้ามาหาเรา” ตงหลินหยานเซว่เครียดขึ้นมา ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ ผู้อาวุโสไม่เคยพูดถึงเรื่องหมอกขาวนี่เลย ผลก็คือนางไม่รู้ว่ามันคืออะไรกัน
“เจียงหยาง เราควรทำยังไงกันดี ? ” ตงหลินหยานเซว่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เนื่องจากนางเกิดมาจากตระกูลใหญ่ นางจึงเติบโตขึ้นมาภายใต้การปกป้องจากคนในตระกูล นางไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายใด ๆ ดังนั้นนางจึงลนลานเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
แต่เมื่อนางเห็นเจี้ยนเฉินที่ใจเย็น ใจของนางก็ค่อย ๆ สงบลงเพราะเหตุผลบางอย่าง
ประกายตาของเจี้ยนเฉินสั่นไหวและมองไปยังหมอกด้านหน้า เขาพูดขึ้นมาว่า “หมอกนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่และมันก็เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเดินทางอ้อมมันด้วยเวลาที่เหลืออยู่นี้ ผลก็คือมีแค่ 2 ทางเลือกสำหรับเราตอนนี้ นอกจากถอยกลับไปทางที่เรามาแล้ว เราก็ทำได้แต่เดินหน้าเข้าไปในหมอก”
“หากเราถอยกลับไป ฉิงฉันน่าจะพบตัวเรา ดังนั้นเราจึงทำได้แต่เดินทางเข้าไปในหมอก”
เจี้ยนเฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็วและต่อมาเขาก็ได้อุ้มตงหลินหยานเซว่พุ่งเข้าไปในหมอกโดยไม่ลังเล