เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2309 : โถงโบราณลึกลับ
ตอนที่ 2309 : โถงโบราณลึกลับ
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนที่เจี้ยนเฉินเข้าไปในหมอกพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ หมอกนั้นกลับช้าลงและหยุดนิ่งเสียสนิท มันได้หยุดเดินหน้าต่อ
หลังจากนั้นหมอกที่เหมือนเชื่อมพื้นดินกับท้องฟ้าก็เริ่มเบาบางลงไป มันบางลงเรื่อย ๆ จนแม้แต่พื้นที่ที่อยู่ภายในหมอกนั้นสามารถมองเห็นได้
สุดท้ายแค่นาทีเดียว หมอกนี้ก็เหมือนจะหายไปจากโลกดวงจันทร์และดวงดาวโดยสิ้นเชิง สิ่งแวดล้อมภายนอกแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน
น่าแปลกที่ตงหลินหยานเซว่กับเจี้ยนเฉินก็หายตัวไปหลังจากที่เข้าไปในหมอกนี้ พวกเขาหายตัวไป
เจี้ยนเฉินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดทันทีที่เข้ามาในหมอก เขารู้สึกว่าเขาได้ออกจากโลกดวงจันทร์และดวงดาวข้ามยังอีกโลก
แน่นอนว่าเขารู้สึกแบบนั้นแค่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะสลัดความคิดนั้นทิ้งและทำการตรวจสอบหมอกนี้
สายตาของเจี้ยนเฉินเฉียบคมขึ้นมา มันราวกับตะเกียงที่ส่องแสงตอนที่เขามองออกไปรอบ ๆ ตัว
แต่ม่านเขาก็พบว่าเขาไม่อาจจะมองทะลุหมอกได้ด้วยสายตาที่เขามี
หมอกนี้แปลกประหลาดอย่างมาก มันเหมือนมีพลังลึกลับที่แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่อาจจะมองไกลได้เกิน 1 เมตร ต้องบอกว่าในโลกดวงจันทร์และดวงดาว เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนภายในระยะ 1 ล้านกิโลเมตร แต่สายตาของเขากลับจำกัดอยู่ที่ระยะ 1 เมตรเมื่ออยู่ที่นี่
ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่การรับรู้วิญญาณของเขาก็ไม่อาจจะมีประโยชน์ใด ๆ เมื่อมันออกจากร่างกาย มันก็หยุดทำงานทันที
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินไม่ได้ต่างอะไรจากคนตาบอดเลย
“เจียงหยาง ข้าไม่อาจจะเห็นอะไรที่นี่ได้เลย” ตงหลินหยานเซว่ค่อนข้างลนลาน นางพูดออกมาด้วยความกังวล
กลับกัน เจี้ยนเฉินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกประหลาดที่คอเขา ตงหลินหยานเซว่นั้นได้ใช้มือของนางโอบคอเขาไว้แน่น
เจี้ยนเฉินถึงกับรับรู้ได้ถึงความกังวลของนางผ่านการโอบนี้
“หมอกนี้ประหลาด ข้าไม่อาจจะเห็นอะไรได้เช่นกัน” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น แต่เขาก็ยังคงระวังตัว เมื่อหมอกนี้สร้างความกลัวให้กับสัตว์อสูรในโลกดวงจันทร์และดวงดาว มันก็หมายความว่าหมอกนี้ไม่ได้ดูปกติแบบที่เห็น มันมีอันตรายแอบแฝงอยู่ภายใน
แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้แสดงความกลัวออกมา มันยากที่จะมีอะไรในโลกดวงจันทร์และดวงดาวเป็นภัยต่อเขาได้หากดูจากความแข็งแกร่งที่เขามี แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับอันตรายที่ไม่อาจจะรับมือได้ แต่เขาก็ยังมีหอคอยอนัตตาเป็นไพ่ลับอยู่
เจี้ยนเฉินอุ้มตงหลินหยานเซว่เอาไว้และเดินทางต่อเป็นเส้นตรงตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาสูญเสียการรับรู้เรื่องเวลาและทิศทาง เขาถึงกับไม่รู้ระยะทางด้วยซ้ำ
เขาไม่รู้เลยว่าเขาเดินเข้ามาไกลแค่ไหนในหมอกนี้ อันตรายที่เขาคิดไว้ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาและการเดินทางก็ราบรื่นจนน่าแปลกใจ
ตอนนั้นเองก็มีแสงสีครามปรากฏขึ้นมาด้านหน้าภายในหมอกที่พร่ามัว
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลง แสงสีครามนี้ดูสะดุดตาและดึงความสนใจได้อย่างมากภายในหมอกอันพร่ามัวนี้ มันทำให้เขาสนใจในทันที
เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น เขารีบเดินทางไปยังแสงสีครามนั่น
ตอนที่เจี้ยนเฉินเข้าไปใกล้ แสงสีครามก็เริ่มสว่างมากขึ้นอีก ตอนนั้นมันเหมือนกับประภาคารในความมืดมิด สุดท้ายเจี้ยนเฉินก็พุ่งออกมาจากหมอกได้ภายใต้การนำทางของแสงสีครามและเห็นภูมิทัศน์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
มันมีโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณทำขึ้นจากทองแดงขึ้นสนิมตั้งอยู่ตรงหน้าเขาราวกับสัตว์อสูรบรรพกาล
โถงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้แสดงอายุของมันราวกับว่ามันมีตัวตนมานานไม่อาจจะนับได้
โถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหมอกที่พร่ามัว แสงสีครามที่มันส่องประกายออกมาเหมือนจะมีพลังลึกลับแผ่ออกไปในหมอกโดยรอบ
“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะมีที่แบบนี้ซ่อนอยู่ในโลกดวงจันทร์และดวงดาว” เจี้ยนเฉินมองไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสับสน หลังจากที่คิดได้สักพักเขาก็ถามขึ้นมา “ตงหลินหยานเซว่ ด้วยฐานะของเจ้าในโถงเซียนธาตุแสงแล้ว เจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนี้หรือไม่ ?”
เขาไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมา ตอนที่เขาก้มหน้าเขาก็พบว่าตงหลินหยานเซว่นั้นหลับตาอยู่ นางสลบไปนานแล้ว
เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมองโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงตรงหน้า ก่อนจะมองไปที่หมอกซึ่งไหลวนอยู่ด้านหลัง เขาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
หากเขากลับไปทางเดิม เขาอาจจะหลงอยู่ในหมอกเพราะเขาไม่อาจจะรับรู้ทิศทางได้ เขาคงหาทางออกจากที่นี่ไม่ได้
ผลลัพธ์ก็คือเขาคงได้แต่ต้องเดินหน้าเพียงอย่างเดียว
เมื่อตัดสินใจแล้ว เจี้ยนเฉินก็อุ้มตงหลินหยานเซว่ที่หมดสติเดินหน้าเข้าไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
ตอนที่เขาขึ้นบันไดและมาถึงตรงหน้าประตูที่สูงหลายร้อยเมตร จู่ ๆ มันก็ส่งเสียงครืนดังขึ้นและค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ
ทันใดนั้นพลังงานก็แผ่ออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับสายลมอันสดชื่น
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและจมดิ่งไปกับพลังงานที่แผ่ออกมา ภายใต้พลังงานที่แผ่ออกมานี้เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้รับรู้มันอยู่นาน มันราวกับว่าเวลานับไม่ถ้วนผ่านไปในพริบตา
สักพักเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาและมองผ่านช่องว่างประตู สายตาเขาก็เบิกกว้างขึ้นมา
โถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงแห่งนี้ที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนมานานแค่ไหนกลับเปิดประตูออกเอง เขารับรู้ได้ว่าเขาไม่ได้มาที่นี่โดยบังเอิญ เจ้าของโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงแห่งนี้ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
เจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู หลังจากที่ลังเลได้สักพัก เขาก็เลือกที่จะก้าวเข้าไป
ตูม !
ประตูปิดตัวลงหลังจากที่เขาเดินเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงแล้ว
เจี้ยนเฉินอุ้มตงหลินหยานเซว่และยืนนิ่ง เขายังคงใจเย็นและพูดกับห้องที่ว่างเปล่า “ผู้อาวุโส โปรดแสดงตัวด้วย ทำไมถึงได้นำข้ามาที่นี่ ? ”
เมื่อพูดจบ แสงสีครามก็อัดแน่นตรงหน้าเขาก่อตัวเป็นร่างชายแก่
เขาคือภาพลวงตาที่อัดแน่นขึ้นมาจากแสง เขาไม่ได้มีกายเนื้อ
ใจของเจี้ยนเฉินเต้นรัวเมื่อชายแก่ปรากฏตัวขึ้น เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณกระบี่ที่หลับใหลอยู่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาช้า ๆ