เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2310 : ปราณบรรพกาล
ตอนที่ 2310 : ปราณบรรพกาล
เจี้ยนเฉินดีใจกับการตื่นขึ้นมาของจิตวิญญาณกระบี่ ตั้งแต่ที่เขาช่วยเหลือร่างเดิมของโมเทียนหยุนให้เป็นอิสระด้วยการหลอมรวมกระบี่คู่ จิตวิญญาณกระบี่ก็หลับใหลมาเพราะความเหนื่อยล้า ไม่ว่าเขาจะเรียกยังไงแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ กลับมา
ตอนนี้จิตวิญญาณกระบี่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ชัดเจนแล้วว่ามันทำให้เจี้ยนเฉินยินดี
แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าชายชราตรงหน้าเขาไม่ได้ธรรมดา เขารู้สึกว่าจิตวิญญาณกระบี่ตื่นขึ้นเพราะชายแก่ผู้นี้
จิตวิญญาณกระบี่ได้ปรากฏขึ้นบนหัวของเจี้ยนเฉิน เป็นคนหนุ่มสาวที่อัดแน่นขึ้นรมาจากแสง ผู้ชายนั้นหล่อเหลา ผู้หญิงนั้นงดงาม พวกเขาดูสมกันดี
พวกเขามองไปยังชายแก่ที่อัดแน่นขึ้นมาจากแสงสีครามและเริ่มแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา พวกเขาได้ตะโกนขึ้น “ปราณบรรพกาล ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะได้พบจิตวิญญาณที่เปลี่ยนมาจากพลังของปราณบรรพกาล”
เจี้ยนเฉินแปลกใจขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบชายชราตรงหน้า แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าปราณบรรพกาลคืออะไร แต่เขาก็ตะหนักได้ว่าชายชราคือตัวตนที่คล้ายกับจิตวิญญาณกระบี่
ชายชรามองไปยังจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองด้วยความรู้สึกซับซ้อน ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความแปลกใจ “จิตวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นจากปราณหยางและปราณหยิน ข้าไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายปีนี้ข้าจะได้พบกับตัวตนที่คล้ายคลึงกับข้าในดินแดนต้องสาปแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะอ่อนแอกันอย่างมาก”
“ผู้อาวุโส ท่านคือจิตวิญญาณของโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้หรือ ? ” เจี้ยนเฉินอดสงสัยไม่ได้และถามออกมาเพื่อยืนยัน
ชายชรามองไปที่เจี้ยนเฉินและพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ข้าคือจิตวิญญาณของโถงแห่งนี้”
“เช่นนั้นข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเจ้าของโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นใครกัน ? ” เจี้ยนเฉินถามต่อ
ชายชราถอนหายใจออกมาแสดงท่าทีผิดหวัง เขาตอบว่า “เจ้านายข้าได้จากไปแล้วตามกาลเวลา เขาไม่ได้มาจากยุคนี้”
สายตาของจิตวิญญาณกระบี่เป็นประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขาได้ถามขึ้นทันที “ท่านมาจากยุคก่อนหรือ ? ”
ชายชราส่ายหน้าและตอบกลับว่า “มันควรจะเป็นยุคก่อนหน้านั้นหากจะพูดให้แม่นยำ”
“ยุคก่อนหน้านั้นรึ ? ” จิตวิญญาณกระบี่แปลกใจ พวกเขามองไปที่ชายชราอย่างตกตะลึงและพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อท่านมีตัวตนมานาน ทำไมถึงไม่มีข่าวลือเรื่องท่านในโลกภายนอกเลย ? ”
“นั่นเพราะข้าถูกขังไว้ที่นี่ ข้าไม่อาจจะออกไปได้และไม่มีใครรู้เกี่ยวกับที่นี่เช่นกัน ชัดแล้วว่ามันถึงไม่มีข่าวเกี่ยวกับข้าในโลกภายนอก” ชายชราพูดขึ้นและมองไปที่เจี้ยนเฉินกับจิตวิญญาณกระบี่ก่อนจะพูดต่อ “เจ้าเป็นวิญญาณที่มีชีวิตกลุ่มแรกที่ข้าเห็นมาตั้งแต่ที่เจ้านายข้าจากไป รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่เข้ามายังดินแดนต้องสาปแห่งนี้”
“ดินแดนต้องสาปรึ ? เหตุใดที่นี่ถึงได้ถูกเรียกว่าดินแดนต้องสาป ? และหมอกขาวด้านนอกมันคืออะไรกัน ? หมอกนี้หรือที่ขังท่านไว้ที่นี่” เจี้ยนเฉินถาม
“ไม่ หมอกที่เจ้าเห็นไม่ใช่สิ่งที่ขังข้าไว้ กลับกันแล้วเป็นพลังอันพิศวงที่สร้างขึ้นโดยการหลอมรวมพลังต้องคำสาปกับพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณ ในพื้นที่ของดินแดนต้องสาป โลกดวงจันทร์และดวงดาวที่พวกเจ้าเคยเห็นมากับโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน”
“คำสาปมาจากเซียนผสานเต๋า มันได้หลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบและรวมตัวกับโลกนี้สร้างกฎแบบใหม่ขึ้นมา มันมีอยู่ทั่วทุกที่ เจ้าไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของมันได้ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้าในตอนนี้”
“มันเพราะคำสาปนี้จึงทำให้ข้าออกจากที่นี่ไม่ได้ แม้แต่อาณาเขตในอดีตของนายท่าน เซียนมหาพิสุทธิ์ ก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก มันถูกเรียกว่าโลกมหาพิสุทธิ์ซึ่งเป็นโลกดวงจันทร์และดวงดาวในตอนนี้”
ชายชราพูดขึ้นมาช้า ๆ
“งั้นโลกดวงจันทร์และดวงดาวก็เคยถูกเรียกว่าโลกมหาพิสุทธิ์ เมื่อหมอกนี้คือพลังที่มาจากโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณและท่านก็เป็นจิตวิญญาณของโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้ หมอกนี้ก็น่าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน เหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้มาที่นี่ได้ก็เพราะการนำทางของท่าน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านมีจุดประสงค์อะไรถึงได้นำข้ามาที่นี่ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา
“มันเพราะข้ารับรู้ได้ถึงหยดแก่นเลือดของเซียนในร่างกายเจ้า ที่สำคัญที่สุดคือร่างกายของเจ้ามีพลังของปราณหยินและปราณหยางที่เหมือนกับข้าอยู่ เป็นเพราะพวกมันที่ทำให้ข้าพาเจ้ามาที่นี่ “
“แก่นเลือดของเซียนรึ ? ท่านหมายถึงนี่รึ ? ” เจี้ยนเฉินสงสัย เขาชี้ไปที่แก่นเลือดของหมาป่านภาโบราณในร่างกายเขา
“ถูกต้อง นั่นคือแก่นเลือดของเซียน เจ้าของแก่นเลือดนี้คือเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคของเจ้านายข้า แน่นอนว่าเซียนอาจจะมีชื่ออื่นในยุคของเจ้า” จิตวิญญาณวัตถุพูดขึ้น
ในที่สุด เจี้ยนเฉินก็เข้าใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เซียนจริง ๆ แล้วคือจอมปราชญ์สูงสุดในตอนนี้
“คำสาปของเซียนผสานเต๋าไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมหลังจากที่ผ่านไปสองยุค แต่เพื่อที่จะได้รับอิสระ ข้ายังต้องการแก่นเลือดของเซียน 10 หยด หากเจ้าเก็บรวบรวมแก่นเลือดทั้งหมดและให้อิสระกับข้า ข้าจะให้พลังของปราณบรรพกาลกับเจ้า”
“ปราณบรรพกาลคือพลังที่มีตัวตนขึ้นเพราะความปั่นป่วน มันเป็นรองพลังบรรพกาลในด้านคุณภาพและมันอยู่ระดับเดียวกับปราณหยินและปราณหยาง แต่มันมีความลึกลับอื่นอยู่ในตัว ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ว่ามันจะส่งผลดีต่อเจ้ายังไง”
“เจ้าจะได้ประโยชน์มากกว่าเมื่อแลกเปลี่ยนมันกับแก่นเลือดเซียน 10 หยด มันเป็นโชคครั้งใหญ่สำหรับเจ้า” จิตวิญญาณวัตถุบอกกับจิตวิญญาณกระบี่ สิ่งที่เขาสนใจคือจิตวิญญาณกระบี่นี้มีตัวตนคล้ายคลึงกับเขา เขาไม่ได้สนใจเจี้ยนเฉินมากนัก
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะมีแก่นเลือดของเซียน แต่เขาก็รู้ว่าเจี้ยนเฉินนั้นได้มันมาเพราะโชค และมีแค่เพียงหยดเดียวเท่านั้น
แต่พลังส่วนมากภายในแก่นเลือดเซียนนั้นรั่วไหลออกไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีประโยชน์ต่อเขามากนัก
ตาของจิตวิญญาณกระบี่เป็นประกายขึ้นมา มันคือสิ่งที่พวกเขายากที่จะแสดงออกมา พวกเขากลับแสงดมันออกมาเมื่อได้ยินจิตวิญญาณวัตถุเสนอปราณบรรพกาลให้กับพวกเขา
แต่ไม่นานพวกเขาก็ใจเย็นลงได้ ความต้องการในสายตากลับหายไปและพวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “การเก็บแก่นเลือด 10 หยดจากจอมปราชญ์สูงสุดนั้นยากเกินไป ยังไงซะมันก็เป็นแก่นเลือดนี่ก็ไม่ใช่เลือดธรรมดา”
“นี่ไม่ต้องนับแก่นเลือดเลย แม้แต่เลือดธรรมดาของจอมปราชญ์สูงสุดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้มานอกซะจากว่าเราจะกลับไปในยุคที่เจ้านายเก่าของเรายังอยู่ในระดับสูงสุด” ฉิงโซวถอนหายใจออกมา
“จือหยิง ฉิงโซว ปราณบรรพกาลมีผลดีอะไรต่อพวกเจ้า ? ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองต้องการมันอย่างมาก