เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2313 : การทะลวงผ่านของเฮยหยา
ตอนที่ 2313 : การทะลวงผ่านของเฮยหยา
เซียนคือนักสู้ระดับเดียวกับจอมปราชญ์สูงสุด การเก็บแก่นเลือดของเซียน 10 หยดไม่ใช่สิ่งที่เจี้ยนเฉินกล้าคิด มันอาจจะถือว่าเป็นความฝันสุดโต่งที่สุดของเขาก็ว่าได้ เขาไม่อาจจะรับความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณวัตถุได้รึครอบครองโถงศักดิ์สิทธิ์ทองแดงได้ในเวลาอันสั้น
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้ปรึกษากับจิตวิญญาณวัตถุต่อ สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเขาจนกว่าที่เขาจะได้แก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดทั้ง 10 หยดมา
“ข้าจะทิ้งตราประทับไว้ที่หลังมือของเจ้า ตราประทับนี้คือกุญแจไปยังโลกมหาพิสุทธิ์ เมื่อเจ้าเก็บแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดได้ 10 หยดแล้ว เจ้าก็ใช้ตรานี่โดยใช้วิธีที่ข้าสอนเจ้าไปและประตูที่นำมาสู่ที่นี่ก็จะเปิดออกตรงหน้าเจ้า”
“จำไว้ให้ดีว่าเจ้าเปิดประตูได้เมื่อเจ้าอยู่ในมิติทั่วไป ตรานี้จะไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในที่ที่แปลกประหลาด มิติที่ถูกผนึกหรือโลกจิ๋วที่สร้างขึ้นมาโดยยอดฝีมือ”
“ตรานี่เป็นใช้เป็นประตูได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นอย่าใช้มันจนกว่าเจ้าจะเก็บแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดได้ครบ 10 หยด ภายใต้การจำกัดของคำสาปแล้ว ข้าไม่ได้มีพลังมากพอที่จะให้พลังกับเจ้าเป็นครั้งที่สอง ว่าเจ้าจะเข้ามายังโลกมหาพิสุทธิ์ด้วยวิธีการบางอย่างได้แต่ข้าก็คงมีพลังเพียงพอที่จำนำเจ้ามาที่นี่ได้ครั้งเดียวเพราะโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นไม่ใช่ที่ภายในโลกมหาพิสุทธิ์”
“พลังนี้ใช้ได้ก็ตอนที่เจ้าเก็บรวบรวมแก่นเลือดครบ 10 หยด…”
“คำสาปของเซียนผสานเต๋าได้สยบข้าไว้มานาน ข้าไม่อาจจะคงสติได้นานนัก ข้าต้องกลับไปหลับใหลต่อ ที่เหลือคงต้องฝากเจ้าด้วย…”
จิตวิญญาณวัตถุเตือนเจี้ยนเฉินในหลาย ๆ เรื่อง หลังจากที่พูดจบร่างที่อัดแน่นขึ้นมาด้วยแสงสีฟ้าก็สลายไปพร้อมกับสายลม
เจี้ยนเฉินถูกส่งกลับไปที่ชั้นแรกของโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณโดยจิตวิญญาณวัตถุ มันคือจุดแรกที่เขาเดินเข้ามา วิธีการใช้ตราประทับตอนนี้อยู่ในหัวของเขาแล้ว
โถงโบราณตกอยู่ในความเงียบ มีแค่เจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ในห้องโถงแห่งนี้พร้อมกับตงหลินหยานเซว่ที่หมดสติในอ้อมแขนของเขา
“นายท่าน เรายังไม่ฟื้นตัวจากการหลอมรวม เราต้องกลับไปหลับต่ออีกสักพัก” เสียงของจิตวิญญาณกระบี่ดังขึ้นมาในหัวของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นเขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิตวิญญาณกระบี่ได้หลับใหลไป
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินรู้สึกค่อนข้างอับอาย เขารู้ว่าเขาได้หลอมรวมกระบี่คู่เพื่อปลดปล่อยร่างเดิมของโมเทียนหยุนด้วยความเห็นแก่ตัวโดยไม่สนใจคำคัดค้นจากทั้งคู่ เขาฝืนใช้กระบี่คู่มากเกินไปจนถึงจุดที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัว
“ข้าต้องเก็บแก่นเลือดจอมปราชญ์สูงสุด 10 หยด แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณ แต่ข้าก็ต้องทำเพื่อปราณบรรพากล” เจี้ยนเฉินสาบานในใจ ทางเดียวที่เขาจะชดเชยให้กับจิตวิญญาณกระบี่ได้คือการได้รับปราณบรรพกาลมาและให้ทั้งสองพัฒนาตัวเองให้มีระดับสูงกว่าตอนที่ยังรุ่งโรจน์
หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่มือของตัวเอง มันมีตราประทับบาง ๆ ที่หลังมือของเขาและเมื่อเขามองมัน มันก็จางลงก่อนจะหายไปในท้ายที่สุด
แต่เจี้ยนเฉินรู้ว่ากุญแจที่นำไปสู่โลกมหาพิสุทธิ์ได้หลอมรวมเข้าไปในหลังมือของเขาแล้ว มันถูกซ่อนไว้ซึ่งมีแต่เขาที่รับรู้ตัวตนของมันได้
เจี้ยนเฉินได้ออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณมาพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ที่ยังหมดสติอยู่ และปรากฏตัวขึ้นมาด้านนอก
มันยังเป็นเหมือนเดิมเหมือนกับตอนที่เขามาถึงที่นี่ หมอกยังคงแผ่อยู่โดยรอบ ส่วนโถงศักดิ์สิทธิ์โบราณยังคงเปล่งแสงสีฟ้าออกมารากับว่าแสงนี้คงอยู่ไปตลอดกาล
“นี่น่าจะเป็นทางที่ออกจากที่นี่” เจี้ยนเฉินมองไปข้างหน้า หมอกพัดวนที่นั่นช้า ๆ แม้ว่าจะมีหมอกอยู่ในวังวันนั้น แต่เจี้ยนเฉินก็รับรู้ได้ถึงพลังของมิติ
แต่เขาไม่ได้ออกจากที่นั่นเพราะเขาเข้าใจว่าตราบใดที่อยู่ที่นี่ ตงหลินหยานเซว่ก็จะยังคงหมดสติอยู่ การหมดสตินี้ไม่ได้มาจากบาดแผลของนาง แต่มันเป็นเพราะจิตวิญญาณวัตถุ
จิตวิญญาณวัตถุไม่ต้องการเจ้านายคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ตงหลินหยานเซว่รู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย มันคือวิธีการรับมือเผื่อว่าตงหลินหยานเซว่เปิดเผยความจริงเรื่องนี้และดึงยอดฝีมือจากโลกภายนอกเข้ามา
“หากนางตื่นขึ้นมา ข้าคงถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ข้าไม่อาจจะลงมือได้ตามใจ ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้เวลาที่นี่ไปสักระยะ” เจี้ยนเฉินไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไป แค่คิด หอคอยอนัตตาก็ปรากฏขึ้นมา
ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน หอคอยอนัตตาที่สูงหลายร้อยเมตรและเต็มไปด้วยรอยกระบี่ก็ปรากฏขึ้นมา จิตวิญญาณวัตถุได้ซ่อนตัวอยู่ในมิติแห่งนี้มาสองยุคแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่ายอดฝีมือที่โลกด้านนอกจะรู้ หากเขาเอาหอคอยอนัตตาออกมาที่นี่
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้วางตงหลินหยานเซว่ ที่หมดสติไว้ด้านนอกหอคอยอนัตตา เพื่อให้นางยังคงได้รับผลจากจิตวิญญาณวัตถุ กลับกันแล้ว เขาได้เข้าไปในหอคอยอนัตตาในพริบตา
ร่างหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยแสงที่พร่ามัวนั่งอยู่ภายในพระราชวังสวรรค์แห่งบิเชิงได้ลืมตาขึ้น พลังของกฎหมุนวนรอบตัวเขาสร้างเป็นโลกที่ลึกลับขึ้นมา กฎนั้นเหมือนจะมีเสียงคล้ายกับระฆังดังขึ้นมา
ร่างนั้นเหมือนกับหลอมรวมเข้ากับกฎและเป็นส่วนหนึ่งกับมัน ร่างนั้นเหมือนอยู่ระดับสูงสุดสามารถควบคุมพลังสูงสุดและควบคุมการทำงานของโลกได้ มันเหมือนกับตัวแทนของเจตจำนงของโลก
ตอนนั้นร่างนั้นเหมือนกับรับรู้ถึงบางอย่าง เขาได้ลืมตาขึ้นมา สายตาเขาดูเย็นชาไม่ได้แสดงอารมณ์อันใดและดูราวกับดูถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
“พลังบรรพกาล...” – ร่างนั้นพึมพำออกมา เสียงนั้นราวกับแฝงเสียงของโลก สายตาที่เย็นชาเหมือนจะเสียดแทงมติเข้าไปในส่วนลึกของจักรวาลได้
….
….
“เฮยหยา ทำการทะลวงผ่านที่นี่” โถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตั้งอยู่ภายในหอยอนัตตา เจี้ยนเฉินได้ยืนอยู่ด้านนอกโถงแห่งนี้นและพูดขึ้นมากับเฮยหยาในชุดดำ
เฮยหยาได้ขึ้นไปถึงระดับราชาเทพส่วนสูงสุดแล้วและด้วยดอกไม้แห่งวิถีที่เจี้ยนเฉินให้มา เขาก็เข้าใจความลึกลับของขอบเขตบรรพกาล เขาสามารถที่จะทะลวงผ่านตอนไหนก็ได้
แต่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ไม่อาจจะทนพลังงานจากการทะลวงผ่านได้เพราะระดับที่จำกัดของมัน ผลก็คือเขาได้แต่ยื้อการทะลวงผ่านไปก่อนตามที่เจี้ยนเฉินได้ขอไว้
เมื่อพวกเขาอยู่ในมิติประหลาดที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณวัตถุ เจี้ยนเฉิน ก็ไม่ได้กังวลเรื่องเปิดเผยหอคอยอนัตตา ผลก็คือเขาได้นำเฮยหยาเข้าไปในหอคอยอนัตตาเพื่อทำการทะลวงผ่านด้านใน
“ได้ขอรับ นายท่าน ! ” เฮยหยาตอบกลับอย่างสุภาพ หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงกับพื้นและเริ่มทำการทะลวงผ่าน
เจี้ยนเฉินยิ้มออกมาและมองไปที่เฮยหยา เมื่อเฮยหยาขึ้นไปถึงขอบเขตบรรพกาล มันจะมีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
มันหมายความว่าเขาจะมียอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลคอยอุทิศตัวให้กับเขา เขาสามารถใช้เฮยหยาที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่อยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ปิงเทียน ตอนที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เผชิญหน้ากับการรุกรานของลัทธิปีศาจชั้นฟ้าซึ่งมีรองหัวหน้าแค่คนเดียวที่ขึ้นไปถึงขอบเขตบรรพกาลอย่างห้วยอัน กลับเพียงพอทำให้ยอดฝีมือส่วนมากในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็หมดหนทาง
ระหว่างนั้นขอบเขตบรรพกาลมีความหมายเหมือนกันหัวของยอดฝีมือหลาย ๆ คน ขอบเขตบรรพกาลคือภูเขาที่พวกเขาไม่อาจจะข้ามไปได้ในสายตาของเหล่าราชาเทพ
นั่นเพราะมันมีเหวขนาดใหญ่แยกอยู่ระหว่างขอบเขตบรรพกาลกับขอบเขตเทพ จากราชาเทพนับไม่ถ้วนในโลกเซียน มีแค่ไม่กี่คนที่ขึ้นไปถึงขอบเขตบรรพกาลได้
เมื่ออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์มียอดฝีมือขอบเขตบรรพกาล ฐานะของมันก็จะเปลี่ยนไปทันที มันจะกลายเป็นจักรวรรดิ ตอนนี้เจี้ยนเฉินกำลังจะมียอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลเป็นคนของตัวเอง ดังนั้นก็ชัดแล้วว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดี