เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2315 : กฎแห่งคำสาป
ตอนที่ 2315 : กฎแห่งคำสาป
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ดึงดูดความสนใจของเจี้ยนเฉินจากการทำความเข้าใจกฎแห่งคำสาป เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่เฮยหยาที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ในที่สุดเฮยหยาก็ทะลวงผ่านโซ่ตรวนของราชาเทพขึ้นไปยังขอบเขตบรรพกาลได้ ตอนนี้เขาคือยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาล
“นายท่าน ! ” ไม่นานพลังงานรอบตัวเฮยหยาก็สงบลง เขาลุกขึ้นยืนและคำนับให้กับเจี้ยนเฉินด้วยความดีใจที่ไม่อาจจะปกปิดได้
“แกนสีทองของกฎก่อตัวหรือยัง ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่เฮยหยาด้วยความสนใจ
เฮยหยาพยักหน้า เขามองไปที่หยกชะตาด้านล่าง เขาและพูดขึ้นมาอย่างดีใจ “มันควรจะใช้เวลาสักพักเพื่อที่แกนสีทองของกฎจะอัดแน่นขึ้นมาตอนที่ข้าทะลวงผ่านขึ้นไปขอบเขตบรรพกาล แต่ไม่ใช่แค่หยกนี่จะช่วยลดเวลาในการทะลวงผ่านอย่างมาก แต่ยังช่วยทำให้แกนสีทองของกฎก่อตัวเร็วขึ้นไปด้วย มันช่วยให้ข้าปรับระดับการบ่มเพาะในขั้นอสงไขยได้ในเวลาอันสั้น”
“นายท่าน ข้าเป็นยอดฝีมือขอบเขตบรรพกาลอย่างเป็นทางการแล้ว ข้าสามารถช่วยท่านได้แล้ว” เฮยหยาทั้งดีใจและตื่นเต้น เขารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี้ยนเฉินมอบให้
เขารู้ว่าหากไม่ใช่เพราะสมบัติสวรรค์ที่ฟังดูเกินจริงซึ่งเจี้ยนเฉินมอบให้มา เวลาที่เขาต้องใช้จนกว่าจะขึ้นมาถึงขอบเขตบรรพกาลได้คงต้องนานออกไปอีก เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสขึ้นไปถึงขอบเขตบรรพกาลด้วยซ้ำ ขอบเขตบรรพกาลเคยเป็นขอบเขตที่เฮยหยาได้แต่ถวิลหา มันคือความฝันในชีวิตของเขา
ตอนนี้ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว
“ดี เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างพอใจ
ตอนนั้นเฮยหยามองไปที่หยกชะตาด้านล่างเขา เขาถามขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจซึ่งไม่อาจจะปกปิดได้ “นายท่าน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามันคืออะไร ? ข้ารู้สึกว่าไม่ใช่แค่เวลาในการอัดแน่นแกนสีทองของกฎสั้นลงตอนที่นั่งอยู่บนนี้ แต่การทำความเข้าใจกฎของโลกก็ง่ายกว่าเดิมหลายเท่าตัว”
หยกชะตาคือสมบัติระดับสูงสุด มันทั้งหายากและล้ำค่า มันเป็นของที่แม้แต่จอมปราชญ์สูงสุดก็ยังไม่มีในครอบครอง เป็นธรรมดาที่เฮยหยาจะไม่รู้จักมัน
“มันจะดีกว่าที่เจ้าจะไม่รู้” เจี้ยนเฉินเหมือนกังวล เขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องหยกชะตาให้กับเฮยหยา ซึ่งทำให้เฮยหยา เข้าใจว่าหยกใต้ตัวเขานั้นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าจะถามต่อ
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้บอกเรื่องบางอย่างให้เฮยหยาฟัง ก่อนจะทำการทำความเข้าใจกฎแห่งคำสาปต่อ
ครั้งนี้ เจี้ยนเฉินได้นั่งอยู่บนหยกชะตา ภายใต้ความช่วยเหลือของแท่นนี้ ความเข้าใจกฎแห่งคำสาปก็เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ความลึกลับของคำสาปหลายส่วนที่ยากจะเข้าใจได้กลับชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ไม่นาน เจี้ยนเฉินก็ลืมตาขึ้นมา
“ข้าทะลวงผ่านขึ้นไปขั้นราชาเทพในส่วนกฎแห่งคำสาปสำเร็จแล้ว ตอนนี้ข้าอยู่ในขั้นราชาเทพช่วงต้น 4 จาก 7 กฎ ตอนนี้อยู่ในระดับราชาเทพแล้ว เหลือแค่กฎแห่งการสร้างสรรค์, กฎแห่งไฟและกฎแห่งการกัดกร่อนเท่านั้น..”
“กฎแห่งคำสาปนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ ด้วยกฎแห่งคำสาปนี้ ข้าแค่ต้องการเส้นผมจากเป้าหมายหรือบางอย่างที่พวกนั้นพกติดตัว จากนั้นข้าก็สามารถใช้มันเป็นตัวกลางเพื่อใช้พลังของคำสาปกับพวกนั้น แม้ว่าจะอยู่ไกลกันก็ตามและฆ่าพวกนั้นได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้…”
“หากความแข็งแกร่งของเป้าหมายต่างจากข้าอย่างมาก ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของสื่อกลางเลยแม้แต่น้อย ข้าแค่ต้องคิดถึงพวกนั้นและข้าก็สามารถใช้คำสาปกับพวกนั้นได้ แม้ว่าจะอยู่ไกลกันก็ตาม “
“ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้แล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเพื่อฆ่าคนอย่างกงเจิงซิ่น ข้าแค่ต้องใช้คำสาปของเขาจากนอกโถงเซียนธาตุแสง และเขาก็จะตาย “
“แม้แต่การเผชิญหน้า ข้าก็สามารถใช้คำสาปกับศัตรูได้ด้วยกฎแห่งคำสาปและลดความแข็งแกร่งของพวกนั้นให้เหลือแค่ 8-9 ใน 10…”
เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงออกมาเมื่อคิดถึงวิธีการใช้งานกฎแห่งคำสาป
กฎแห่งคำสาปนั้นไม่ได้แข็งแกร่งทัดเทียมกับกฎแห่งกระบี่หรือกฎแห่งความแข็งแกร่งในแง่ของการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ แต่มันทำได้หลายอย่างที่กฎทั้งสองไม่อาจจะทำได้ มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาในทางอ้อม
“ในมิติต่างออกไป การไหลของเวลาก็ต่างกันไปด้วย ข้าไม่รู้ว่าข้าใช้เวลาบ่มเพาะไปนานแค่ไหน ประตูของโลกดวงจันทร์และดวงดาวจะเปิดออกโดยโถงเซียนธาตุแสงใน 1 ปี ดังนั้นดูเหมือนจะได้เวลาออกจากที่นี่แล้ว”
เจี้ยนเฉิน หยุดทำการบ่มเพาะและคิดทบทวนทุกอย่าง เขาได้วางหยกชะตาไว้ใต้ร่างของฉิงยี่หยวนอีกครั้ง ก่อนที่จะออกจากหอคอยอนัตตามา
หลังจากที่ทะลวงผ่านขึ้นมาขอบเขตบรรพกาลได้ เฮยหยาก็สามารถช่วยเจี้ยนเฉินได้บ้าง ผลก็คือเจี้ยนเฉินไม่ได้ทิ้งเฮยหยาไว้ในหอคอยอนัตตา กลับกันแล้ว เขาเก็บอีกฝ่ายไว้ในโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับให้อีกฝ่ายซ่อนพลังของตัวเองไว้เพื่อที่จะออกมาลงมือตอนไหนก็ได้
ยังไงซะในช่วงนี้เขาก็ไม่อาจจะใช้หอคอยอนัตตาได้ตามใจต้องการ
เจี้ยนเฉินเก็บหอคอยอนัตตาและเดินเข้าไปในวังวนหมอกพร้อมกับตงหลินหยานเซว่
วังวนนี้คือประตูมิติคล้ายกับค่ายกลเคลื่อนย้าย เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขาได้ก้าวเข้ามายังอีกโลกตอนที่ก้าวเข้ามาในวังวนนี่
แต่ความรู้สึกนี้คงอยู่แค่พริบตาก่อนที่ภูมิประเทศรอบตัวเขาจะชัดเจนขึ้นมา เขามาถึงป่าอันงดงาม มันมีพระจันทร์และดาว มีเพียงดวงดาวห้อยอยู่บนท้องฟ้าคอยเปล่งแสงของตัวเองออกมาเหนือหัวของเขา
เจี้ยนเฉินรู้ว่าเขาได้กลับมายังโลกดวงจันทร์และดวงดาวแล้วเมื่อเห็นดวงจันทร์และดวงดาวด้านบนหัว
โลกดวงจันทร์และดวงดาวจริงๆแล้วคือโลกมหาพิสุทธิ์ที่จิตวิญญาณวัตถุพูดถึง !
โลกนี้คืออาณาเขตของเจ้านายของจิตวิญญาณวัตถุ เซียนมหาพิสุทธิ์ที่มีตัวตนเมื่อ 2 ยุคก่อน แต่ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นมานาน โลกนี้ก็ไม่ได้รุ่งเรืองแบบในอดีต
“คำสาปของเซียนผสานเต๋าแทรกซึมอยู่ในโลกมหาพิสุทธิ์ ไม่ใช่แค่การมีอยู่ของคำสาปนี้จะทำให้โลกนี้อ่อนแอลง แต่สัตว์อสูรที่นี่ก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย” เจี้ยนเฉินคิด เขาหลับตาลงตรวจสอบรอบตัว แม้ว่าเขาจะไม่อาจจะพบคำสาปที่เซียนผสานเต๋าทิ้งเอาไว้ในอดีตด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ แต่เขาก็เข้าใจกฎแห่งคำสาปอยู่บ้าง เป็นธรรมดาที่เขาจะพอรับรู้บางอย่างได้แม้ว่าจะพร่ามัวก็ตาม
“เหตุผลว่าทำไมสัตว์อสูรที่นี่ถึงได้รับการปกป้องโดยโลกและแสดงพลังเหนือกว่าระดับการบ่มเพาะของมันออกมาได้ อาจจะเป็นเพราะเซียนมหาพิสุทธิ์ แม้ว่าเซียนมหาพิสุทธิ์จะตายไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นยอดฝีมือที่ซึ่งเป็นเหมือนกับกฎ ก่อนที่เขาจะตายไป พลังของเขาได้ส่งผลต่อที่นี่ตั้งกฎบางอย่างขึ้นมา”
“เหตุผลว่าทำไมความฉลาดของสัตว์อสูรมีจำกัด อาจจะเกี่ยวข้องกับคำสาปของเซียนผสานเต๋า …”
เจี้ยนเฉินเหมือนจะเข้าใจความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ โลกดวงจันทร์และดวงดาวนี้ไม่ได้ดูลึกลับสำหรับเขาอีกต่อไป
“หากข้ารวบรวมแก่นเลือดจอมปราชญ์สูงสุดได้ 10 หยดเพื่อที่จิตวิญญาณวัตถุจะปลดตัวเองจากคำสาปได้ ข้าก็จะเป็นเจ้านายของเขา หากเป็นแบบนั้น มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นเจ้าของโลกนี้ด้วยรึ ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำด้วยสีหน้าจริงจัง เขาทำการตรวจสอบรอบตัวพร้อมกับสีหน้าที่ดูประหลาดขึ้นมา