เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2316 : พบกับฉิงฉันอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 2316 : พบกับฉิงฉันอีกครั้ง (1)
“แต่ถึงจะเป็นแบบที่ข้าคิดเอาไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่ข้าจะเป็นเจ้าของโลกนี้ได้ การเก็บแก่นเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดถึง 10 หยดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ” เจี้ยนเฉินสลัดความคิดในหัวทิ้งทันที เขาก้มหน้าและตรวจดูอาการของตงหลินหยานเซว่
ตงหลินหยานเซว่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ตาของนางยังปิดอยู่ นางยังคงหมดสติ นางไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัว
“แผลของเจ้าไม่ได้ร้ายแรงนักแต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ตอนนี้หมอกหายไปแล้ว เจ้าควรจะตื่นในไม่ช้า” เจี้ยนเฉินพึมพำและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะบินออกไปในทางหนึ่ง
เมื่อตงหลินหยานเซว่ยังคงหมดสติอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดพลังของตัวเอง เขาได้บินออกไปด้วยความเร็วเต็มที่ของตนและมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของโลกดวงจันทร์และดวงดาว
ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ใช้กฎของอวกาศ เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วภายใต้ความช่วยเหลือของกฎนี้ เขาพุ่งตัดระยะ 1,000 – 2,000 กิโลเมตรได้ในทันที
ระยะทาง 10,000 กิโลเมตรนั้นใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ข้าก็ต้องเดินทางให้ได้ไกลที่สุดก่อนที่ตงหลินหยานเซว่จะตื่นขึ้นมา เพื่อที่ข้าจะได้หลีกเลี่ยงจากฉิงฉัน ….”
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้กลัวฉิงฉัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตงหลินหยานเซว่จะยังหมดสติต่อไปแบบนี้ เมื่อนางตื่นขึ้นมา ข้าคงไม่อาจจะสู้ต่อไปได้ ไม่งั้นแล้วจะเป็นการเปิดเผยตัวตนและเสียโอกาสในการเข้าไปในหอคอยธาตุแสง”
“ข้าหวังว่าฉิงฉันจะออกจากที่นี่ไปแล้ว..” เจี้ยนเฉินคิด เขาใช้ความเร็วสูงสุดที่ตนเองมีและคอยจับตาดูตงหลินหยานเซว่อยู่ตอลด ทันทีที่นางแสดงสัญญาณจะตื่นขึ้นมา เขาจำเป็นต้องลดความเร็วของตัวเองลง
เจี้ยนเฉินเคลื่อนที่ได้ราวกับแสง พลังของมิติห่อหุ้มอยู่รอบตัวเขาราวกับเขาหลอมรวมเข้ากับมิติซึ่งทำให้เขาแสดงความเร็วสูงสุดออกมาได้ ไม่นานเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในจุดที่ห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตร
ทันใดนั้นจู่ ๆ เจี้ยนเฉินก็หยุด เขายืนอยู่บนหน้าผาและมองไปข้างหน้า
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในชุดขาวนอนอยู่ที่พื้นห่างออกไปกว่า 100 เมตร ชุดของเขาชุ่มไปด้วยเลือดและเขาก็ตายไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่ศพ
เจี้ยนเฉินไปที่ศพและมองไปยังใบหน้าที่ดูคุ้นตา
เขาจำเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนนี้ได้ ชายคนนี้คือหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่เข้ามาพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ แต่ตอนที่พวกเขาถูกฉิงฉันไล่ล่า ชายคนนี้ก็ทิ้งตงหลินหยานเซว่และหนีเอาตัวรอด
เจี้ยนเฉินไม่ได้รู้สึกสงสารอีกฝ่ายที่ตายไป ในเวลาเดียวกันเขาก็หวังไว้ในใจว่าคนพวกนี้จะตาย
ฉิงฉันได้เข้ามาในโลกดวงจันทร์และดวงดาวเพื่อฆ่าเหล่าผู้แข่งขันที่เข้ารับการทดสอบที่นี่ แต่เพราะความแค้นระหว่างเชื้อสายนักรบวิญญาณกับโถงเซียนธาตุแสง จึงทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงพวกนี้ต้องตายแม้ว่าจะทิ้งผู้แข่งขันและหนีเอาตัวรอดก็ตาม
“ข้าสงสัยว่ามีผู้พิทักษ์กี่คนกันที่ยังรอดอยู่ได้ หากผู้แข่งขันทั้งสี่คนตายไป” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งศพนั่นเอาไว้ เขาได้เก็บมันเข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ของตน
ตอนนี้กล้วยไม้กลืนกินอมตะกำลังเติบโต มันต้องการศพมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่จะทิ้งศพของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไว้ที่นี่ให้กับสัตว์อสูร เขาคงใช้มันเป็นสารอาหารกับกล้วยไม้กลืนกินอมตะจะดีกว่า
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ทำการปกปิดร่องรอยให้เหมือนว่าสัตว์อสูรได้ผ่านมาที่นี่ก่อนจะออกไป
“เมื่อโลกดวงจันทร์และดวงดาวเปิดออก ผู้อาวุโสต้องมาตรวจสอบที่นี่ มันจะดีกว่าที่จะระวังตัวไว้”
เจี้ยนเฉินยังคงเดินทางต่อพร้อมกับตงหลินหยานเซว่ที่อยู่ในอ้อมแขน ตอนที่เดินหน้าเขาก็พบรังของสัตว์อสูรหลายตัว บางทีเพราะหมอกที่แปลกประหลาดจึงทำให้รังของพวกนั้นว่างเปล่า สัตว์อสูรที่อยู่ที่นั่นต่างก็หนีออกไปและยังไม่ทันได้กลับมา
ชัดแล้วว่าสัตว์อสูรพวกนั้นกลัวหมอกอย่างมาก แม้ว่าหมอกจะสลายไปแล้วแต่พวกมันก็ยังไม่กลับมา
“มันมีมุกต้นกำเนิดธาตุแสงอยู่ค่อนข้างเยอะในอาณาเขตของสัตว์อสูร แต่ทุกอันต่างก็ถูกวางไว้ที่นั่นโดยผู้อาวุโสแบบจงใจ พวกนั้นได้บันทึกจำนวนไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะเก็บมันได้” เจี้ยนเฉินรู้สึกเสียดายในเรื่องนี้ เขารับรู้ได้ถึงพลังงานดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ของพลังเซียนธาตุแสงภายในไข่มุกพวกนั้น หากใช้มันในการบ่มเพาะ มันจะส่งผลต่อพลังเซียนธาตุแสงอย่างมาก
ไม่นานตงหลินหยานเซว่ก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่นางได้สติ เจี้ยนเฉินก็ลดความเร็วลงทันที เขาได้เดินทางด้วยความเร็วในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสีควรจะมี
ผลก็คือเขารู้สึกว่าเขาได้เปลี่ยนเป็นหอยทากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
“นี่…โลกดวงจันทร์และดวงดาว เจียงหยาง เราออกมาจากหมอกได้ยังไง ? ” ตงหลินหยานเซว่ถามขึ้นมาทันทีที่ตื่นขึ้นมา
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าแค่เดินหน้าต่อมาเรื่อย ๆ แล้วก็ออกมาได้”
“หมอกนั้นประหลาดอย่างมาก มันทำให้สัตว์อสูรต้องอึดอัด เจ้าไม่พบอันตรายด้านในนั้นเลยหรือ ? ” ตงหลินหยานเซว่สงสัย นางสลบไปทันทีที่เข้าไปในหมอก ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีนี่ บางทีหมอกนั้นอาจจะเป็นภัยต่อสัตว์อสูรแต่ไม่ได้เป็นภัยต่อเรา..” เจี้ยนเฉินแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา หมอกนั้นมีพลังของจิตวิญญาณวัตถุอยู่ด้วยและยังมีพลังของคำสาป เขาเชื่อว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับจิตวิญญาณกระบี่
“หมอกนั่นไม่น่าจะธรรมดา หากข้ารอดไปได้ ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโส…”
เจี้ยนเฉินอุ้มตงหลินหยานเซว่มาทั้งวันก่อนจะหาถ้ำเพื่อไปพัก เขาทำราวกับว่าเขาจะทำการฟื้นฟูตัวเอง
“โชคดีที่เราไม่ได้พบสัตว์อสูรระหว่างทางที่มาที่นี่ แต่ใครจะไปรู้ว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเราอย่างฉิงฉันออกจากที่นี่ไปรึยัง ข้าหวังว่าเขาคงออกจากที่นี่ไปแล้ว” ตงหลินหยานเซว่เอนตัวไปพิงกำแพงถ้ำอย่างไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้นางกังวลอย่างมาก
เพราะหมอกนั่นทำให้สัตว์อสูรหลายตัวหนีออกจากเขตของตัวเองไป ดังนั้นมันจึงมีพื้นที่ปลอดภัยขนาดใหญ่ในโลกดวงจันทร์และดวงดาว นางเลิกกังวลเรื่องสัตว์อสูร แต่ตัวตนของฉิงฉันก็ยังคงทำให้นางอึดอัดใจ
“เราอาจะอยู่ในหมอกนั่นมานาน โลกดวงจันทร์และดวงดาวควรจะเปิดออกในไม่ช้า บางทีฉิงฉันอาจจะออกไปแล้ว” เจี้ยนเฉินพูดขึ้นและทำตัวราวกับฟื้นฟูตัวเองอยู่
แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป วิญญาณที่แข็งแกร่งของเขาตรวจจับได้ถึงพลังของฉิงฉัน แม้ว่าฉิงฉันจะไม่ได้แผ่พลังอันน่ากลัวออกมาโดยตั้งใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะปกปิดมัน ตอนนี้เขากำลังบินเข้ามาหาเจี้ยนเฉินอยู่
“ไม่ได้การแล้ว ฉิงฉันยังอยู่ในโลกดวงจันทร์และดวงดาว ไม่ใช่แค่ว่าเขาอยู่ที่นี่แต่เขายังพบตำแหน่งของข้าได้อย่างแม่นยำ เขาทำแบบนั้นได้ยังไง ? ” ใจของเจี้ยนเฉินหล่นวูบ เขามองไปที่ตงหลินหยานเซว่ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับสายตาที่สั่นไหว
ตงหลินหยานเซว่ยังคงได้สติอยู่ ทันทีที่เขาเริ่มสู้ เขาจะเผยตัวตนของตัวเอง เขาควรจะทำให้ตงหลินหยานเซว่หมดสติ แต่เมื่อนางตื่นขึ้นมาและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความแข็งแกร่งของเขาคงเปิดเผย
ยังไงซะ ตงหลินหยานเซว่ก็มีแกนวิญญาณ 4 สีระดับสูงสุด แม้ว่านางจะบาดเจ็บแต่นางก็ไม่อาจจะหมดสติได้ง่าย ๆ โดยเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี
ผลก็คือเขาคงบอกตงหลินหยานเซว่แบบอ้อม ๆ ว่าเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีแกนวิญญาณหนึ่งสี หากเขาทำเช่นนั้น