เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2317 : พบกับฉิงฉันอีกครั้ง (2)
ตอนที่ 2317 : พบกับฉิงฉันอีกครั้ง (2)
“ ข้าต้องเปิดเผยตัวตนจริง ๆ หรือ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่ตงหลินหยานเซว่ด้วยท่าทีหนักใจก่อนจะมองไปด้านนอกถ้ำ ประกายตาเขาสั่นไหวราวกับว่าเขากำลังคิดถึงข้อดีข้อเสียในเรื่องนี้
แต่จู่ ๆ เขาก็แสดงสายตาแปลกใจออกมา แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากฉิงฉันอยู่ล้านกิโลเมตร อีกฝ่ายเหมือนกับตะเกียงในความมืดสำหรับเจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้ปกปิดพลังตัวเองเลยแม้แต่น้อย ผลก็คือเจี้ยนเฉินรับรู้ตำแหน่งอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา
ตอนนั้นเจี้ยนเฉินรับรู้ได้ว่าฉิงฉันกลับหยุดที่ระยะห่าง 1 ล้านกิโลเมตรและไม่ได้เข้ามาต่อ
“ฉิงฉันรู้ตำแหน่งของเราแต่เขากลับไม่เข้ามา กลับกันแล้ว เขามองดูจากไกล ๆ แทน เขาคิดจะทำอะไร ? ” เจี้ยนเฉินสับสนกับท่าทีของฉิงฉัน
หลังจากที่ลังเลไปสักพัก เจี้ยนเฉินก็มองไปที่ตงหลินหยานเซว่และพูดขึ้นมาว่า “เจ้าพักที่นี่ไปก่อน ข้าจะไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก” เมื่อพูดจบ เจี้ยนเฉินก็ออกจากถ้ำไป
ตงหลินหยานเซว่พิงกำแถงถ้ำและมองดูเจี้ยนเฉินออกจากถ้ำไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
เจี้ยนเฉินสร้างปีกธาตุแสงขึ้นมาหลังจากที่ออกจากถ้ำ เขาได้เดินทางออกไปกว่าหมื่นกิโลเมตรด้วยความเร็วเทียบเท่ากับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก่อนที่จะเปิดเผยระดับพลังของตัวเองและบินตรงเข้าไปหาฉิงฉัน เขาเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วตัดระยะทางพันกิโลเมตรในพริบตา
ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ปรากฏตัวตรงหน้าฉิงฉันและยืนอยู่ห่างอีกฝ่ายกว่า 100 เมตร
“เจ้ามาแล้ว” ฉิงฉันมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างใจเย็น ตอนั้นเขาดูเหมือนกับภูเขาไฟที่รอการปะทุ ภายนอกดูสงบแต่เขากลับแฝงไปด้วยพลังอันน่าทึ่งอยู่ภายใน
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เดิมแล้วเขาคิดว่าคงต้องสู้กับฉิงฉันต่อ ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจมาไว้แล้ว
แต่ตอนที่ได้พบกับฉิงฉันอีกครั้ง เขาไม่อาจจะรับรู้ความคิดที่จะต่อสู้จากอีกฝ่ายได้เลย เขาไม่ได้รับรู้ถึงความอาฆาตจากอีกฝ่ายเลย
เขาสับสนกับจุดประสงค์ของฉิงฉัน
“เจ้ากับผู้เข้าแข่งขันนั่น ตงหลินหยานเซว่ ได้หายไปกว่า 8 เดือนแล้ว ข้าได้ใช้ทักษะลับทั้งหมดที่สามารถหาตัวเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงในโลกดวงจันทร์และดวงดาว ข้าได้ค้นหาทั่วทุกที่อยู่หลายครั้งระหว่าง 8 เดือนมานี้ นี่ไม่ต้องนับราชาเทพธาตุแสงเลย แม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนก็ไม่ได้มีความสามารถในการหลีกเลี่ยงการค้นหาของข้าได้ แต่เจ้ากับตงหลินหยานเซว่กลับหายตัวไป มันราวกับเจ้าไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีก ข้าเพิ่งจะพบร่องรอยของเจ้าเมื่อไม่นานมานี้” ฉิงฉันมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างใจเย็นราวกับตรวจสอบเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยืนมือไพล่หลังห่างออกมาร้อยเมตร พลังที่เขาแผ่ออกมาเฉียบคมซึ่งทำให้ดูราวกับกระบี่ที่มองไม่เห็นอัดแน่นขึ้นมารอบตัวเขา เขาแผ่ปราณกระบี่อันเย็นเฉียบออกมาและพูดขึ้นว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีทักษะลับที่สามารถค้นหาเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมดในโลกดวงจันทร์และดวงดาวได้ ในอีกความหมายคือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมดที่เข้ามาที่นี่ตายไปเพราะเจ้าหรือ ? ”
“นอกจากตงหลินหยานเซว่แล้ว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดตายไปแล้ว ข้าได้ฆ่าราชาเทพธาตุแสงไป 41 คน จากทั้งหมด 44 คน” แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับโถงเซียนธาตุแสงที่ฉิงฉันมีจะไม่สมบูรณ์แต่มันก็ใกล้เคียง เขามองไปที่ เจี้ยนเฉินและพูดต่อ “ตอนแรกข้าตั้งใจจะฆ่าผู้เข้าแข่งขันและเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมดที่เข้ามายังโลกดวงจันทร์และดวงดาวเพื่อที่โถงเซียนธาตุแสงจะได้ไม่มีเซียนผู้ถูกเลือกในรุ่นนี้ มันคงเป็นเรื่องน่าอึดอัดสำหรับพวกเขาและมันคงไม่ต่างอะไรกับการถูกดูหมิ่น แต่เจ้าทำให้ข้าเปลี่ยนใจ มันไม่ใช่เพราะข้าไม่อาจจะหาเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอีก 3 คนที่เหลือได้ ข้าสามารถฆ่าพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าตัดสินใจปล่อยพวกนั้นไปเพราะเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจึงรอดจากที่นี่ไปได้”
“ฉิงฉัน เราไม่ได้รู้จักกัน ทำไมเจ้าถึงได้ปล่อยพวกนั้นเพราะข้า ? ” เจี้ยนเฉินถาม
ฉิงฉันยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มลึกลับ “เหตุผลก็ง่าย ๆ หากทุกคนในโลกดวงจันทร์และดวงดาวตายไป นอกจากเจ้ากับตงหลินหยานเซว่ มันก็จะดูเป็นเรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมเจ้าสองคนถึงได้หลีกเลี่ยงการไล่ล่าได้ เหล่าผู้อาวุโสหรือรองหัวหน้าอาจจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ แม้ว่าเจ้าจะอธิบายได้แต่มันก็เพิ่มความเสี่ยงในการเปิดเผยตัวตน แต่หากข้าปล่อยให้คนอื่นรอดไปได้บ้าง มันก็จะปกปิดเรื่องนี้และคลายความสงสัยของหลาย ๆ คน พวกเขาจะเชื่อว่าเจ้ารอดได้ก็เพราะโชค”
“เจ้าช่วยข้าหรือ ? ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสับสน
ฉิงฉันมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่เป็นประกายและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นเป็นเพราะเจ้าคือส่วนหนึ่งของเชื้อสายนักรบวิญญาณ ! ตั้งแต่โบราณแล้วเชื้อสายนักรบวิญญาณของเรานั้นปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้อง เหมือนว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ตราบใดที่เจ้ามีพลังวิญญาณนักรบ เจ้าก็คือคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณ ไม่ว่าเจ้าจะมีตัวตนหรือเผ่าไหนก็ตาม เจ้าคือคนที่ได้รับพรจากสวรรค์”
“เจ้ามีพลังวิญญาณนักรบ แม้ว่าจะเบาบางแต่มันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าคือคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณได้ ผลก็คือเราไม่ใช่ศัตรูกัน เราคือพี่น้องที่สนิทกัน”
เจี้ยนเฉินผงะกับคำตอบของฉิงฉัน เขารู้ว่าเขามีพลังวิญญาณนักรบ แต่เขาไม่รู้ว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย
“ฟังดูเกินไปหน่อย ข้าอาจจะมีพลังวิญญาณนักรบแต่ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเชื้อสายนักรบวิญญาณของเจ้า” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น
“เจ้าคิดผิดแล้ว ทุกคนที่มีพลังวิญญาณนักรบถูกสร้างขึ้นโดยโลก เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้หรือไม่ก็ตัดสินในตอนที่พวกเขากำเนิดขึ้นมา มันชัดเจนไม่เหมือนกับนักสู้ที่สามารถบ่มเพาะขึ้นมาจากมนุษย์ทั่วไปได้ แม้แต่คนทั่วไปที่ไม่มีพรสวรรค์ก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ด้วยการใช้สมบัติสวรรค์และวิธีการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองหลังจากที่เกิดมา ผลก็คือต้องบอกว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา”
“ พลังวิญญาณนักรบของเราเองก็มีหลักการแบบเดียวกัน ยกเว้นแค่มันยากกว่าที่จะให้กำเนิดคนที่มีพลังวิญญาณนักรบ ทุกคนที่มีพลังวิญญาณนักรบอยู่ถือว่าได้รับพรจากสวรรค์และในแต่ละยุคก็เป็นไปไม่ได้ที่ตัวตนเหล่านั้นจะมีจำนวนเกินเลขหลักเดียว”
“มันเพราะมีไม่กี่คนที่ได้รับการปกป้องโดยโลก โลกจะสร้างกฎพิเศษขึ้นมาคอยชี้แนะและรวบรวมผู้ที่มีพลังวิญญาณนักรบ”
“ตอนแรกข้าก็เหมือนกับเจ้า ข้าได้บ่มเพาะเพียงลำพังและท่องอยู่ในโลกเซียนเพียงลำพัง แต่สุดท้ายเพราะความบังเอิญข้าจึงได้เจอกับภูเขาวิญญาณนักรบและไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่บรรดาศิษย์พี่บนภูเขาวิญญาณนักรบรวมถึงผู้อาวุโสที่จากไปต่างก็เป็นสมาชิกของภูเขาวิญญาณนักรบผ่านวิธีการต่าง ๆ พวกเขาต่างก็มีประวัติที่โดดเด่น”
ฉิงฉันไปถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและมองมาที่เขาด้วยความสนใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “บางทีการจัดการนี้คงเป็นเป็นการปกป้องจากโลก เชื้อสายนักรบวิญญาณของเรานั้นเป็นมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ เรามีสมาชิกจำกัดและมันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ถึงวิธีการใช้พลังวิญญาณนักรบในตอนเกิด เราไม่อาจจะทะลวงผ่านขึ้นไปเป็นจอมปราชญ์สูงสุดได้ ผลก็คือเชื้อสายนักรบวิญญาณนับคือการสืบทอดที่เปราะบางในโลกมนุษย์ สวรรค์ต้องการให้เรารวมตัวกัน หากรวมตัวกันแล้วเราจะแข็งแกร่ง”