เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2318 : ภูเขาวิญญาณนักรบ
ตอนที่ 2318 : ภูเขาวิญญาณนักรบ
“ตอนนี้มียอดฝีมือที่ค่อนข้างแข็งแกร่งหลายคนไล่ล่าข้า หากเจ้าต้องการให้ข้าเป็นสมาชิกของเชื้อสายนักรบวิญญาณ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสร้างปัญหาให้เจ้าหรือไง ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา เขารู้ว่าฉิงฉันคงเข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไรและเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับอะไร
ด้วยความฉลาดที่ฉิงฉันมีอยู่นั้น เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเจี้ยนเฉินแล้วตอนที่สู้กัน
“แม้ว่าสมาชิกของเชื้อสายนักรบวิญญาณจะไม่อาจจะทะลวงผ่านขึ้นไปเป็นจอมปราชญ์สูงสุดได้ แต่เจ้าก็อย่าประมาทเราเกินไป เรามีแค่ 7 คนแต่เราไม่กลัวใครในที่ราบรกร้างนอกจากเซียนกระบี่สวรรค์ ไม่มีใครเป็นภัยต่อเราได้ แม้ว่ายอดฝีมือจะร่วมมือกันแต่เราก็แค่หนีไปที่ภูเขาวิญญาณนักรบ ตราบใดที่เราอยู่ที่นั่น แม้แต่เซียนกระบี่สวรรค์ก็ไม่อาจจะทำอะไรเราได้ “
“นี่ไม่ต้องนับเซียนกระบี่สวรรค์ แม้แต่ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ไม่อาจจะเข้ามาในภูเขาวิญญาณนักรบได้ ข้าคิดว่าเจ้าคงตกที่นั่งลำบากเมื่อเจ้าถูกรายล้อมด้วยยอดฝีมือของที่ราบรกร้างเพราะหอคอยอนัตตา แม้ว่าเจ้าจะหนีไปได้แต่พวกเขาก็จะค้นหาเจ้าต่อ แต่ตราบใดที่เจ้าไปถึงภูเขาวิญญาณนักรบได้ พวกเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรเจ้าได้” ฉิงฉันรับรองด้วยความมั่นใจ
“ภูเขาวิญญาณนักรบแข็งแก่งแค่ไหนกัน ? มันจะหยุดเซียนกระบี่สวรรค์หรือตัวตนที่ระดับสูงกว่านั้นได้ยังไง ? ” เจี้ยนเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป เซียนกระบี่สวรรค์คือตัวตนที่กันไม่ให้แม้แต่ราชาเผิงสีฟ้าเข้ามาในที่ราบรกร้างได้
“ภูเขาวิญญาณนักรบคือสถานที่ที่สมาชิกของเชื้อสายนักรบวิญญาณพักอยู่ได้อย่างปลอดภัย มันเพราะภูเขาแห่งนั้นที่ทำให้เชื้อสายของเราคงอยู่มาทุกวันนี้ ปัญหาเดียวคือภูเขาวิญญาณนักรบนั้นถือว่าเป็นแนวป้องกันสุดท้าย มันปกป้องเชื้อสายของเราจากความพินาศแต่มันไม่อาจจะย้ายไปที่อื่นได้” ฉิงฉันมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความชื่นชมก่อนจะพูดต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าร่วมโถงเซียนธาตุแสงด้วยตัวตนปลอมและปกป้องตงหลินหยานเซว่ในการทดสอบก็เพื่อเข้าไปในหอคอยธาตุแสง “
“อันที่จริงหอคอยธาตุแสงคือสมบัติระดับสูงสุดของโถงเซียนธาตุแสง มันถูกทิ้งไว้โดยราชันของโลกจากโถงเซียนธาตุแสงซึ่งอยู่ระดับเดียวกับจอมปราชญ์สูงสุด มันมีผลประโยชน์มากมายซ่อนอยู่ภายในสำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและวิธีการบ่มเพาะทั้งหมดและทักษะธาตุแสงที่มีตัวตนก็ล้วนมาจากที่นั่น แม้แต่ทุกอย่างที่หัวหน้าและรองหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสงรู้ก็มาจากหอคอยธาตุแสง มันคือขุมสมบัติที่ไม่รู้จบและที่นั่นก็สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของเซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทุกคนได้ แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ว่าองค์กรใหญ่ในที่ราบรกร้างวได้เริ่มตามหาตัวเจ้าผ่านการทดสอบเลือดแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เจ้ายังคงอยู่ในที่ราบรกร้าง เจ้าจะถูกพบตัวในไม่ช้า หากเจ้ากลับไปยังโถงเซียนธาตุแสงกับตงหลินหยานเซว่ เจ้าจะต้องรับความเสี่ยงกับการถูกเปิดเผย”
“เมื่อเจ้าเปิดเผยตัวเองแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้ว่าเจ้าจะเผชิญหน้ากับอะไร”
“เจ้ามีทางที่ดีกว่าให้ข้าเข้าไปในหอคอยธาตุแสงหรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินยังคงใจเย็น เขาคิดไว้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้
“เชื้อสายนักรบนวิญญาณของเราอยู่คนละฝั่งกับโถงเซียนธาตุแสง นี่คือความแค้นที่สั่งสมมารุ่นต่อรุ่น เราไม่อาจจะประนีประนอมกันได้ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะช่วยให้เจ้าเข้าไปในหอคอยธาตุแสงได้ แต่ในฐานะผู้สืบทอดทั้งแปดคนของเชื้อสายนักรบวิญญาณ สิ่งที่เจ้าควรทำคือควบคุมพลังวิญญาณนักรบ เจ้าไม่ต้องใช้ทักษะในหอคอยธาตุแสงเลย แม้ว่าวิธีบ่มเพาะบางอย่างในนั้นจะแข็งแก่งจนเพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ แต่เจ้าก็ไม่ใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาทั่วไปและผู้สืบทอดเชื้อสายนักรบวิญญาณก็ไม่อาจจะทะลวงขึ้นไปเป็นปราชญ์สูงสุดได้ แม้ว่าจะได้วิธีการบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามจากหอคอยธาตุแสง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องไปเสี่ยงเลยแม้แต่น้อยในการเข้าไปที่นั่น กลับไปที่ภูเขาวิญญาณนักรบกับข้า มันปลอดภัยและน่าเชื่อถือที่สุด” ฉิงฉันมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยตาที่เป็นประกาย เขาพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเจี้ยนเฉิน “วิธีบ่มเพาะและความรู้ในเรื่องความเข้าใจจากผู้อาวุโสในอดีตของเชื้อสายนักรบวิญญาณอยู่ที่นั่น พวกมันคือสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของภูเขาวิญญาณนักรบ พวกมันจะทำให้เจ้าเข้าใจพลังวิญญาณนักรบได้ชัดเจนขึ้นและทำให้เจ้าเข้าใจวิธีทำให้พลังวิญญาณนักรบพัฒนาขึ้นมา เจ้าสามารถใช้ทรัพยากรพวกนี้ได้ตามใจหากเจ้ากลับไปยังภูเขาวิญญาณนักรบกับข้า”
เจี้ยนเฉินเริ่มสนใจ เขาไม่เคยเจอวิธีการบ่มเพาะพลังวิญญาณนักรบมาก่อน พลังวิญญาณนักรบของเขายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำต้อย มันอ่อนแอซะจนไม่อาจะเป็นภัยต่อราชาเทพได้เลย เขาคิดว่าจะสร้างทักษะบ่มเพาะสำหรับพลังวิญญาณนักรบด้วยตัวเอง แต่มันต้องใช้การทดสอบและยืนยัน มันเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก
เวลาที่เขาใช้ไปในการเติบโตมาจนถึงระดับนี้นั้นสั้นอย่างมาก มันแค่ไม่กี่ร้อยปี เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับร่างบรรพกาลและกฎแห่งกระบี่ของเขา เขาไม่ได้มีเวลาจะไปสร้างทักษะสำหรับพลังวิญญาณนักรบเลย
ผลก็คือพลังวิญญาณนักรบของขาจึงอยู่ระดับเดิมไม่ได้พัฒนาขึ้นแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ด้วยการปรากฏตัวของฉิงฉัน ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสที่จะทำให้พลังวิญญาณนักรบพัฒนาขึ้นมา เป็นธรรมดาว่ามันจะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ
แต่สุดท้าย เจี้ยนเฉินก็ยังส่ายหน้าและปฏิเสธฉิงฉัน “ข้าได้พยายามอย่างมากในการปกปิดโถงเซียนธาตุแสงเพื่อเข้าไปในหอคอยธาตุแสง ตอนนี้อีกแค่นิดเดียวข้าก็จะเข้าไปที่นั่นได้ ข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง ? ข้าคงไม่ยอมแพ้ในการเข้าไปในหอคอยธาตุแสง “
ฉิงฉันไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าเจี้ยนเฉินตัดสินใจแล้ว เขาได้พูดขึ้นว่า “ข้าจะสอนทักษะหนึ่งกับเจ้า เมื่อเจ้าต้องการมายังภูเขาวิญญาณนักรบ เจ้าสามารถใช้ทักษะนี้เพื่อรับรู้ตำแหน่งของมัน ภูเขาวิญญาณนักรบของเราไม่ได้อยู่ในที่ราบทั้ง 49 แห่งหรือดาวเคราะห์ทั้ง 81 แห่ง มันลอยอยู่ในอวกาศรอบนอก มันยากที่จะหาภูเขาวิญญาณนักรบเจอได้หากไม่มีตำแหน่งที่แม่นยำ เมื่อดูจากความแข็งแกร่งที่เจ้ามี “
“เพราะเชื้อสายนักรบวิญญาณของเรามีกันไม่กี่คน ความเห็นของแต่ละคนจึงเป็นเรื่องใหญ่ ผลก็คือข้าต้องให้ผู้อาวุโสทั้งหกคนรู้เกี่ยวกับหน้าตาของเจ้า สำหรับการสืบทอดของพลังวิญญาณนักรบ พวกเขาจะส่งให้เจ้าทางจิต เจ้าแต่ต้องรับพวกมันบนภูเขาวิญญาณนักรบ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะช่วยเจ้าในเรื่องนี้ได้…”
เมื่อพูดจบ ฉิงฉันก็ได้จากไป เขาได้ฉีกมิติของโลกดวงจันทร์และดวงดาวด้วยวิธีพิเศษก่อตัวเป็นประตูมิติก่อนที่เขาจะหายตัวไป
เจี้ยนเฉินไม่ได้ออกจากที่นั่นไปทันที เขานั่งลงและซึมซับข้อมูลทุกอย่างที่เรียนรู้มาจากฉิงฉัน จากนั้นเขาค่อยกลับไปยังถ้ำที่ทิ้งตงหลินหยานเซว่เอาไว้