เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2350: คนสุดท้าย
ตอนที่ 2350: คนสุดท้าย
“เจ้าควรจะบอกได้ว่าจริง ๆ แล้วข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อโถงเซียนธาตุแสงของเจ้า ไม่อย่างนั้นเหล่าราชาเทพธาตุแสงในโลกจิ๋วนั้นไม่มีชีวิตรอดอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะด้วยความแข็งแกร่งของข้า การฆ่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นแค่การปลอกกล้วยเข้าปาก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นถึงราชาเทพช่วงปลายและมีวัตถุเทพมากมายก็ตาม” เจี้ยนเฉินกล่าวอย่างจริงจัง
“เจ้าไม่ใช่ฉิงฉัน แล้วเจ้าเป็นใคร ? ” ตงหลินหยานเซว่ถาม การกระทำของเจี้ยนเฉินนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากฉิงฉัน เรื่องนี้ทำให้นางตัดสินใจได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนคนเดียวกัน ราชาเทพธาตุแสงในโลกจิ๋วที่อ้างว่าเจียงหยางคือฉิงฉันที่ปลอมตัวมานั้นคิดผิด
เจี้ยนเฉินมองตงหลินหยานเซว่และถอนหายใจเบา ๆ “จริง ๆ แล้วข้าคือเจี้ยนเฉิน”
ตงหลินหยานเซว่ตัวสั่นเทาเมื่อนางได้ยินเรื่องนั้น นางจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจอย่างไม่เชื่อ
นางไม่เคยเห็นเจี้ยนเฉินมาก่อน แต่นางก็คุ้นเคยกับชื่อนั้นมากเกินไป นางคุ้นเคยกับมันมากจนนางรู้เกี่ยวกับอดีตของเจี้ยนเฉินค่อนข้างมากพอสมควร
มันไม่ได้เป็นแค่ตงหลินหยานเซว่ โดยพื้นฐานแล้วทุกคนทั่วทั้งที่ราบรกร้างทั้งหมดรู้จักชื่อของเจี้ยนเฉิน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้รวมตัวกันบนที่ราบรกร้าง ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากต่างแดนได้ท่องไปมาทั่วที่ราบรกร้างอย่างไม่แยแส โดยทั่วไปพวกเขาสร้างเสียงอึกทึกและความวุ่นวาย พวกเขาขัดขวางองค์กรสูงสุดบนที่ราบรกร้าง ในท้ายที่สุด เหรียญโลหิตยังถูกกำหนดให้ใช้เป็นรูปแบบเดียวของการตรวจสอบตัวตนบนที่ราบรกร้าง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะคนเพียงคนเดียว
เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นคือเจี้ยนเฉิน
ตงหลินหยานเซว่คิดถึงทุกสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับเขาทันทีที่นางได้ยินชื่อของเขา
ในอดีต เขาได้มีชื่อเสียงขึ้นมาในพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ยืนหยัดขึ้นต่อสู้กับราชาเทพชั้นยอดที่ยิ่งใหญ่มากมาย เขาปกป้องเด็กหญิงตัวเล็กที่อ่อนแอสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่นางจะได้รับมรดกแห่งพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เนปจูน ในท้ายที่สุดเขายังทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้โลกเซียนทั้งโลกสั่นคลอน เขามีส่วนโดยตรงกับการเสียชีวิตของราชาเทพชั้นยอดบนบัลลังก์ราชาเทพประมาณครึ่งหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาได้เผชิญหน้ากับการไล่ล่าของราชาสวรรค์สีฟ้ากระจ่างที่มีชื่อเสียงและบรรพชนกระบี่เดียวดาย หลังจากเปิดเผยหอคอยอนัตตาบนดาวเคราะห์เทียนหมิง เขาก็กลายเป็นเป้าหมายของผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในโลกเซียน ในท้ายที่สุดเขาจึงหนีไปยังที่ราบรกร้างและดูเหมือนว่าจะหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม้เมื่อผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดพลิกหินทุกก้อนในที่ราบรกร้างและใช้ทุกอย่างที่พวกเขามี พวกเขาก็ยังไม่พบตัวเขา
ตามความเป็นจริงโดยไม่มีการพูดเกินจริง เจี้ยนเฉินเป็นบุคคลในตำนานในหัวใจของตงหลินหยานเซว่ ท้ายที่สุดเขาเป็นเพียงราชาเทพ แต่เขาก็หลบเลี่ยงการตามล่าและค้นหาของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นความสำเร็จที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของหลาย ๆ คน
อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินได้บรรลุสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เป็นผลให้คนจำนวนมากทั่วโลกเซียนรู้สึกชื่นชมเจี้ยนเฉิน ตงหลินหยานเซว่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“จ- เจ้าคือเจี้ยนเฉินจริงหรือ ? ” ตงหลินหยานเซว่จ้องเจี้ยนเฉินอย่างว่างเปล่า นางไม่เคยคิดว่าเจี้ยนเฉิน คนที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากมายกำลังตามหามานานหลายปีรวมถึงรองหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสงจริง ๆ แล้วได้ซ่อนตัวอยู่ในโถงเซียนธาตุแสงอยู่ตลอดเวลา
บุคคลในตำนานเช่นนี้อยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา หลังจากนั้นทั้งคู่ใช้เวลาร่วมกันหนึ่งปีในโลกดวงจันทร์และดวงดาว มันทำให้ตงหลินหยานเซว่หัวหมุน
“ฉิงฉันก็ปรากฏตัวขึ้นในโลกดวงจันทร์และดวงดาวอย่างฉับพลัน มันเป็นเพราะเจ้าหรือ ? ” ตงหลินหยานเซว่ถามหลังจากนั้นไม่นาน
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าแล้วตอบว่า “จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แม้ว่าข้าจะมีพลังนักรบวิญญาณ แต่ข้าก็ไม่เคยรู้จักฉิงฉันมาก่อน ก่อนที่ข้าจะเข้ามาสู่โลกดวงจันทร์และดวงดาว ข้าไม่มีสายสัมพันธ์กับใครในเชื้อสายนักรบวิญญาณเลยเช่นกัน”
จิตใจของตงหลินหยานเซว่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากเรียนรู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่เกี่ยวข้องกับฉิงฉัน นางจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“อีกนัยหนึ่ง ข้าหนีจากฉิงฉันได้ก็เพราะเจ้าใช่หรือไม่ ? การโจมตีจากสัตว์ร้ายนั้นเป็นการโกหกทั้งหมดงั้นหรือ ? ”
“หลังจากที่เจ้าหมดสติไป ข้าต่อสู้กับฉิงฉัน…”
“เจ้าต่อสู้กับฉิงฉันเพื่อช่วยชีวิตข้าหรือ ? ” ก่อนหน้านี้ตงหลินหยานเซว่ตกตะลึงอย่างมากจากการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน ตอนนี้นางจ้องเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เปล่งประกาย
“ข้ากำลังจะออกจากหอคอยธาตุแสง ข้าจะบอกลาเจ้าที่นี่” เจี้ยนเฉินไม่ตอบตงหลินหยานเซว่ เขาต้องการที่จะจากไปหลังจากอธิบายพอสังเขป
“ช้าก่อน มีผู้อาวุโสคอยเฝ้าดูหอคอยธาตุแสงอยู่ด้านนอกแน่นอน หากเจ้าออกไปคนเดียวมันจะดูน่าสงสัยมาก เจ้าจะต้องลำบากมากในการหาทางออกจากโถงเซียนธาตุแสง” ตงหลินหยานเซว่หยุดเจี้ยนเฉินทันเวลาและพูดว่า “เจ้าควรให้ข้าพาออกไป หากข้าอยู่ข้าง ๆ เจ้า มันจะช่วยลดปัญหาให้เจ้าได้มาก เจ้าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของตัวเองได้ในตอนนี้”
“เจ้ารู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้าอยู่แล้ว แต่เจ้ายังอยากช่วยข้าอยู่ หากผู้นำระดับสูงของโถงเซียนธาตุแสงทราบเรื่องนี้ เจ้าจะประสบปัญหายุ่งยาก” เจี้ยนเฉินมองตงหลินหยานเซว่อย่างลึกซึ้ง
“มันไม่ใช่ปัญหาเลย ข้าจะละทิ้งตำแหน่งเซียนผู้ถูกเลือก นั่นคือทั้งหมด เราไม่ควรรอช้า ไปกันเถอะ” ตงหลินหยานเซว่ยอมรับทุกอย่างที่นางจะต้องเผชิญ จากนั้นนางก็บินไปยังทางออกของโถงเซียนธาตุแสงก่อน
เจี้ยนเฉินถอนหายใจข้างในขณะที่เขามองไปยังตงหลินหยานเซว่และติดตามนางไปอย่างใกล้ชิด
การเดินทางกลับราบรื่น หลายวันต่อมา เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ก็มาถึงทางออก
“นายท่าน ข้ายังคงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อทำความเข้าใจหอคอยธาตุแสงอย่างเต็มที่ ข้าอาจจะไม่สามารถออกไปกับท่านได้” เสียงของจิตวิญญาณวัตถุดังขึ้นในขณะนี้
“จิตวิญญาณวัตถุ เจ้าไม่จำเป็นต้องติดตามข้า อยู่ที่นี่และใช้เวลาของเพื่อทำความเข้าใจพลังของหอคอยธาตุแสง ยิ่งไปกว่านั้นมีค่ายกลที่จอมปราชญ์สูงสุดแห่งวิถีโบราณทิ้งไว้ด้วยตัวเอง มันปิดหอคอยธาตุแสงอย่างแน่นหนาไปยังโถงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งป้องกันไม่ให้ใครก็ตามนำหอคอยธาตุแสงไป ตราบใดที่ค่ายกลของจอมปราชญ์สูงสุดยังคงอยู่ เจ้าอาจจะไม่สามารถหลุดพ้นได้ แม้ว่าเจ้าจะสามารถควบคุมหอคอยธาตุแสงได้หมด” เจี้ยนเฉินสื่อสารกับจิตวิญญาณวัตถุ
“ผู้นำยอดเขาทะยานเมฆ หานซินเคยเป็นอาจารย์ของข้า ไป๋หยูเป็นศิษย์น้องของข้า เมื่อพูดถึงคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นคนที่สนิทกับข้ามากที่สุดในช่วงเวลาที่ข้าอยู่ในโถงเซียนธาตุแสง หากพวกเขาเข้าสู่หอคอยธาตุแสงในอนาคต ดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย”
“ขอรับ นายท่าน ! ”
“เจียงหยาง ! ”
ทางออกของหอคอยธาตุแสงว่างเปล่า ตงหลินหยานเซว่ยืนอยู่ที่นั่นขณะที่แสงในดวงตาของนางกะพริบ นางจ้องมองใบหน้าธรรมดาของเจี้ยนเฉินด้วยความรู้สึกที่หลากหลายและพูดว่า “เจ้ากำลังจะจากไปและใครจะรู้ว่าเราจะได้พบกันอีกในอนาคตหรือไม่ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้พบเจ้า เจ้าจะอนุญาตให้ข้าเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเจ้าได้หรือไม่ ? ”
“ได้ตามที่ขอ” เจี้ยนเฉินใช้ความคิด หน้ากากบนใบหน้าของเขาก็หายไปอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
ในทันใดนั้นใบหน้าคุ้นเคยที่ตงหลินหยานเซว่เห็นเป็นประจำปรากฏเป็นใบหน้าที่มุ่งมั่นและหล่อเหลา ใบหน้ามีความเฉียบคมและละเอียดอ่อนและให้รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่สามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง ดวงตาคู่ส่องแสงจ้าและสามารถทิ่มแทงได้ราวกับกระบี่ เมื่อมีคนจ้องมองดวงตาคู่นี้ ดูมันเหมือนจะซ่อนเจตจำนงกระบี่ที่มองไม่เห็น
เมื่อนางเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเจี้ยนเฉิน นางก็รู้สึกว่าความไม่สมบูรณ์เพียงอย่างเดียวของเจียงหยางได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบ นางจ้องใบหน้าของเจี้ยนเฉินด้วยความงุนงงราวกับว่านางกำลังพยายามจดจำรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของเขาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
…
ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังกว่าโหลได้หลั่งไหลเข้ามาในโถงเซียนธาตุแสง ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากกว่าหนึ่งโหลยืนนิ่งอยู่ด้านนอกโถงเซียนธาตุแสง พวกเขาทั้งหมดก้าวไปหนึ่งก้าวและปรากฏตัวในอาณาเขตของโถงเซียนธาตุแสงอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนกำลังพยายามทำอะไร ? ” หัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสงปรากฏตัวขึ้นทันทีและจ้องมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่ไม่ยินดี
“ได้โปรดอย่าโกรธ หัวหน้า เรามารอเจียงหยาง” บุคคลหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญพยายามหัวเราะ เขาทำตัวค่อนข้างเป็นมิตร
“คนที่ยังไม่ผ่านการทดสอบจากองค์กรสูงสุดอื่น ๆ ล้วนผ่านการทดสอบแล้ว ตัวตนของพวกเขาได้รับการยืนยัน เหลือเพียงเจียงหยางเท่านั้น…”
“โปรดอย่าเข้าใจผิด เพียงแค่ปฏิบัติกับเราในฐานะแขกที่มาเยี่ยมเยียน … ”
…
กลุ่มคนนอกพูดอย่างสุภาพ พวกเขาหัวเราะและพูดเล่น
อย่างไรก็ตามผู้นำของโถงเซียนธาตุแสงรู้ว่าพวกเขาทำตัวแบบนี้เพราะพวกเขากลัวเซียนกระบี่สวรรค์ พวกเขากลัวที่จะทำตัวเกินเลย ซึ่งจะทำให้เซียนกระบี่สวรรค์ออกโรงด้วยตัวเอง
…