เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2352: เปิดเผย
ตอนที่ 2352: เปิดเผย
หลังจากซวนจ้านได้รับคำสั่งที่ด้านนอกของหอคอยธาตุแสง มีแสงแว่บผ่านดวงตาของเขา สายตาของเขามองลึกลงไปเป็นบางครั้งและสงบกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดการขัดแย้งอย่างลึก ๆ ในใจ
อย่าไงรก็ตาม เขาค่อย ๆ สงบลง เขาไล่ตามผู้อาวุโสทั้งหมดที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะหันกลับมาอย่างช้า ๆ เขาเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ด้านหลังของเขา เขาจ้องมองไปยังทะเลหมอกสีขาวขุ่นที่อยู่ด้านนอกของหอคอยธาตุแสง ในขณะที่สายตาของเขามองลึกลงไป
ในเวลานี้หน้าจอแสงที่อยู่ใกล้กับทางเข้าของหอคอยธาตุแสงกระพริบไปมา เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่ก็ปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว พวกเขาก็พบกับรองหัวหน้าซวนจ้านที่ยืนอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกตะลึง
“ตงหลินหยานเซว่ คารวะรองหัวหน้า” ตงหลินหยานเซว่คำนับและจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินซึ่งอยู่ข้าง ๆ นางทันที นางไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากเกร็งตัวแข็งทื่อ
“เจียงหยางคารวะรองหัวหน้า ! ” เจี้ยนเฉินป้องมือโค้งคำนับ เขามองไปที่ด้านหลังของรองหัวหน้า ขณะที่เขารู้สึกถึงลางร้าย
เขาเข้าใจได้อย่างดีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับรองหัวหน้า
“เจ้าออกมาแล้ว ? ” ในเวลานี้ซวนจ้านหันหลังกลับมา เขาสงบมากราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย อย่างไรก็ตามดวงตาที่สง่างามของเขานั้นหมองหม่นอย่างผิดปกติ
“มีหลายเรื่องเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนมากบนที่ราบรกร้างได้รวมตัวกันที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ ตงหลินหยานเซว่ แม้ว่าสถานะของเจ้าจะอยู่ไม่ต่ำไปกว่าผู้อาวุโส แต่เจ้าต้องระวังตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อย่าวิ่งเข้าไปยังผู้คนเหล่านั้น เข้าใจหรือไม่ ? ” ซวนจ้านพูดต่อเนื่องขณะที่มองไปที่ตงหลินหยานเซว่ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
สีหน้าของตงหลินหยานเซว่เปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันทีและนางก็ตอบกลับอย่างรีบร้อน
เจี้ยนเฉินจิตใจสั่นไหว เขาจ้องมองไปที่ซวนจ้านอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าซวนจ้านกำลังจะพูดคุยกับตงหลินหยานเซว่ แต่เขารู้สึกว่ารองหัวหน้ากำลังตั้งใจพูดคำเหล่านี้กับเขา
“ข้าถูกพบตัวแล้ว ? ” เจี้ยนเฉินคิด เมื่อผู้เชี่ยวชาญทุกคนรวมตัวกันในโถงเซียนธาตุแสง ความสงสัยของเจี้ยนเฉินก็ได้รับการยืนยันทันที
“หอคอยธาตุแสงตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้าม ดังนั้นอย่าอยู่ที่นี่ ออกไปทันที หากว่าเจ้าได้ละเมิดกฎใด ๆ ” ซวนจ้านโบกมือของเขาและพูดอย่างเฉยเมย
หลังจากตงหลินหยานเซว่รีบร้อนไปกับเจี้ยนเฉิน
“ซวนจ้าน เจียงหยางน่าจะเป็นเจี้ยนเฉินอย่างมาก เจ้าจะปล่อยเขาไปอย่างนี้หรือ ? เจ้าต้องรู้ว่าเขาเป็นเจี้ยนเฉินเป็นหนึ่งในทายาทนักรบวิญญาณคนที่ 8 หากเขาเติบโตในอนาคตเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของโถงเซียนธาตุแสงของเรา”
เสียงของหัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงดังขึ้นในหัวของซวนจ้านอีกครั้ง หลังจากที่เจี้ยนเฉินและตงหลินหยานเซว่จากไป
เสียงที่ส่งออกมา ร่างเงาที่สร้างมาจากวิญญาณหัวหน้าสีเงินปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ เขามองไปที่ซวนจ้านด้วยความสับสน
“เขาจากไปแล้ว” ซวนจ้านไม่แสดงความสุภาพต่อหัวหน้าโถงเซียนธาตุแสง ในขณะที่เขาจ้องไปทางทิศทางที่เจี้ยนเฉินจากไป
“ซวนจ้าน ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าทำไมเจ้าต้องปกป้องเขา ? ท้ายที่สุดเขาอาจจะเป็นทายาทนักรบวิญญาณ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกดวงจันทร์และดวงดาวอาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับเขา” ผู้นำโถงเซียนธาตุแสงมองซวนจ้านอย่างไร้หนทาง
“เพราะเขานำสิ่งนี้มาให้ข้า” เพียงโบกมือ ขวดหยกก็ปรากฏในมือของเขาก่อนที่จะโยนไปทางหัวหน้าโถงเซียนธาตุแสง
หัวหน้าอยากรู้อย่างมาก เขาเปิดขวดหยกทันทีและเห็นหยดเลือดสีแดงที่อยู่ภายใน
เมื่อเขาเห็นเลือด ดวงตาของผู้นำก็เบิกกว้างทันที เขาพูดอย่างขึงขัง “นี่คือเลือดของซวนหมิง ! ”
ไม่นานหัวหน้าโถงเซียนธาตุแสงก็เข้าใจทุกอย่าง เขาพูดเบา ๆ “ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าเจียงหยางเป็นเจี้ยนเฉิน หากข้าเดาถูก ซวนหมิงจะต้องอยู่ในหอคอยอนัตตา”
ซวนจ้านพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “นั่นเป็นแค่เหตุผลหนึ่ง เหตุผลที่สองถือถ้าเขาไม่ออกไปและเจอกับคนในโถงเซียนธาตุแสง คนนอกจากพยายามจับเขาอย่างแน่นอน โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ต้องจ่าย พวกเขาล้วนเป็นอัครสูงสุดและมีพลังทำลายล้าง เมื่อเขาเริ่มต่อสู้ในโถงเซียนธาตุแสง ผลลัพธ์นั้นเกินกว่าจะคาดคิดได้”
…
“เจียงหยาง เราควรทำอย่างไรตอนนี้ ? “ในเวลาเดียวกันตงหลินและเจี้ยนเฉินก็รีบเดินเข้ามาในศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างเร่งรีบ ตอนนี้นางกลายเป็นคนว่องไวอย่างมาก
หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญสุดยอดมารวมกันที่โถงเซียนธาตุแสง พวกเขาทั้งหมดนั้นมาหาเจี้ยนเฉิน ดังนั้นตงหลินจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับสิ่งที่พวกเขาจะทำ และนางไม่เคยประสบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ข้าจะออกจากโถงเซียนธาตุแสงก่อน ตราบใดที่ข้าออกจากค่ายกลคุ้มกัน ทุกสิ่งมันจะง่ายขึ้น” เจี้ยนเฉินพูดอย่างลับ ๆ ศาลาศักดิ์สิทธิ์มีขนาดใหญ่มาก เขาและตงหลินมาด้วยเส้นทางที่สับสนเป็นอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะออกจากศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์
โชคดีที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นวัตถุเทพ มันสามารถปิดกั้นการรับรู้ทางวิญญาณได้ ดังนั้นเจี้ยนเฉินและตงหลินจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับคนภายนอกที่จะมาพบพวกเขา
ไม่นาน เจี้ยนเฉินและตงหลินก็ออกจากศาลาศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีใครมาขวาง พวกเขาบินไปยังค่ายกลป้องกันรอบ ๆ โถงเซียนธาตุแสง
มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมากมายพุ่งทะลุหมอกและเมฆด้วยพลังเซียนธาตุแสง เจี้ยนเฉินและตงหบินก็ถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะจดจำได้
เช่นเดียวกับที่พวกเขาพรางตัวในหมู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมด ไม่นานเขาก็มาถึงค่ายกลป้องกันอย่างปลอดภัย
“หยุด ! เจ้าเป็นใครและทำไมเจ้าถึงไม่มีเหรียญโลหิต ? ”
อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกเขาออกมาจากค่ายกลป้องกัน ก็มีเสียงแหบห้าวดังขึ้น
ชายชราหัวโล้นก็มาด้านหน้าเจี้ยนเฉิน เขาเผยพลังแห่งการมีอยู่มหาสาล เขาน่าจะเป็นขั้นอสงไขยและมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาประเมิน
“ข้า ตงหลินหยานเซว่ และท่านเป็นใคร ? เรื่องของโถงเซียนธาตุแสงของเราไม่ได้เป็นสิ่งที่คนนอกอย่างท่านจะยื่นจมูกเข้ามาได้” ตงหลินกล่าวพร้อมกับกระจายลำแสงรอบ ๆ ตัวของนาง ขณะที่ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว พวกเขาเป็นแค่คนที่อยู่ด้านอกค่ายกลป้องกันของโถงเซียนธาตุแสง ดังนั้นนางจึงไม่กลัวใคร
“ตงหลินหยานเซว่ ? งั้นเจ้าก็เป็นเซียนที่ถูกเลือกในตอนนี้ของโถงเซียนธาตุแสง หืม..ถ้าเจ้าไม่มีอะไรมายืนยันตัวตน ข้าจะทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดจากคำพูดของเจ้าเมื่อกี้และจะได้จดจำเอาไว้ถึงผลที่มาขึ้นเสียงกับคนที่อาวุโสกว่าเจ้า”ชายหัวโล้นมองไปที่ตงหลินหยานเซว่ ก่อนที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉิน เขาตะโกนอย่างโหดเหี้ยม “มอบเหรียญโลหิตของเจ้ามาหรือจะให้ข้าจับเจ้า”