เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 236: ปราณกระบี่ทะยาน
ตอนที่ 236: ปราณกระบี่ทะยาน
ปราณของเจี้ยนเฉินได้ปะทะเข้ากับปราณของทูตอาวุโสกลางอากาศจนเกิดคลื่นลมที่ราวกับสัตว์อสูรสองตัวเข้าห้ำหั่นซึ่งกันและกันโดยไม่มีการยอมแพ้
เปรียบได้กับระหว่างเจี้ยนเฉินและทูตอาวุโสตอนนี้ สวนรอบ ๆ ถูกพายุพัดออกไปอย่างรุนแรงและความรุนแรงก็ทวีขึ้นเรื่อย ๆ จนผ่านไปพักหนึ่ง
ทูตที่ดูอ่อนโยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะเพิ่มพลังขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าในสถานการณ์ที่อันตรายเหล่านี้ เจี้ยนเฉินก็ยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินแข็งกระด้างทันที เมื่อเขารู้สึกถึงแรงกดดันจากปราณที่เพิ่มขึ้น ไม่นานเจี้ยนเฉินก็ยกระดับการต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับเขา แต่ทันใดนั้นเองเจี้ยนเฉินก็รู้สึกราวกับว่าพื้นดินรอบ ๆ ของเขากำลังถูกแช่แข็งและเขาก็ติดอยู่ภายใจ ไม่อาจสลัดหลุดออกไปได้ แม้กระทั่งเสื้อผ้าของเขาก็ถูกกดดันจากปราณอย่างหนักหน่วง
เจี้ยนเฉินคำรามอยู่ในลำคอเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเพิ่มพลังปราณของเขาอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วจนถึงขีดสุด แต่จำนวนของปราณที่ชายคนนั้นปล่อยออกมาก็ยังคงควบคุมเจี้ยนเฉินได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะสะบัดมันออกได้หรือไม่ เขาก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่ยังคงเดิม มันก็เหมือนกับที่เขาไม่อาจปีนข้ามภูเขาได้
ทูตสองคนนี้อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพี ในขณะที่เจี้ยนเฉินยังคงอยู่ในขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลองต่อต้านทั้งสองคน
แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่เพียงก้าวเดียวภายใต้แรงกดดันปราณ แต่เขาก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้กับชายทั้งสองคน พลังเซียนภายในของเขายังคงแพร่กระจายและพยายามที่จะต่อต้านแรงกดดันปราณที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา ใต้ฝ่าเท้าของเจี้ยนเฉินเริ่มมีรอยปริแตกและมันก็เริ่มร้าวเป็นแนวยาวโดยที่มีเท้าของเขาเป็นศูนย์กลาง หลังจากนั้นหินที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็แตกและตัวเขาก็เริ่มจมลงอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นว่าทูตจากเมืองจักพรรดิลงมือต่อเจี้ยนเฉินอย่างนั้น หยุนหลีก็ไม่อาจช่วยอะไรได้นอกจากทำหน้าวิตกกังวลอยู่ข้าง ๆ ในใจของเขาเชื่อมั่นแล้วว่าเจี้ยนเฉินเป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูลที่มีอิทธิพลบางอย่างที่มีความสามารถมาก ๆ ในทุก ๆ ร้อยหรือพันปี หากเด็กที่อายุเท่าเขาทะลวงเข้ามาถึงขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าขีดจำกัดของเขาจะไปถึงไหนหรือว่าสูงเท่าไร หากทูตอาวุโสคนนี้ต้องการรุกรานเจี้ยนเฉิน เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือถ้าเจี้ยนเฉินยังคงเก็บความขุ่นข้องหมองใจอยู่หลังจากจบปัญหานี้แล้ว แน่นอนว่าปัญหาที่น่าปวดหัวเรื่องใหม่ก็จะตามมาอย่างแน่นอน
แม้ว่าจะมีความกังวลบนใบหน้าของหยุนหลี แต่ทูตทั้งสองก็ไม่สนใจสีหน้าของเขาเลย ดังนั้นหลังจากที่ลองพยายามยับยั้งไปแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งสองก็ไม่พูดอะไรให้มากความและมีใบหน้าที่ดูโกรธ ๆ เมื่อยังเห็นเขายังคงยืนอยู่ในด้านข้าง
ทูตได้พยายามทดสอบความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและพวกเขายังคงเพิ่มแรงกดดันต่อไป ตอนนี้ขาของเจี้ยนเฉินได้จมลงไปในพื้นดิน ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวราวกับกระดาษ เพียงแค่หายใจก็ยังยากมากสำหรับเขา แต่เขาก็ยังคงกัดฟันและหรี่ตาอย่างเย็นชา วินาทีนั้นจิตสังหารของเขาก็เพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าความตั้งใจของทูตทั้งสองต้องการฆ่าเขา
ทูตหน้าอีกคนยังคงยิ้มให้กับเจี้ยนเฉินอย่างอ่อนโยนราวกับว่าเขาเป็นชายที่รักสัตว์และเลี้ยงพวกมันไว้ในบ้านของเขา อย่างไรก็ตามในจุดนี้พลังปราณที่กดลงมายังตัวเจี้ยนเฉินก็มาจนแม้กระทั่งตัวเขาไม่อาจกระดิกนิ้วมือได้
นี่จะต้องเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียนปฐพีแน่นอน ด้วยพลังปราณที่เขาใช้มาทำให้ข้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้ มันช่างน่ากลัวจริง ๆ ! ข้าไม่อาจเทียบกับเขาได้ในขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเองอย่างตกใจ ความแตกต่างระหว่างเซียนปฐพีและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน มีช่องว่างที่ใหญ่มากคั่นกลางระหว่างพวกเขา
เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินเริ่มไม่อาจควบคุมลมหายใจของเขาได้ แสงสีม่วง-ฟ้าของเขาก็ส่องแสงออกมาจากร่างเขาและห่อหุ้มร่างกายของเขา แสงทั้งสองก็ราวกับมีกระบี่ที่กำลังพุ่งออกมาจากหัวของเขา
ในเวลาเดียวกันปราณกระบี่ที่มีพลังที่น่าเหลือเชื่อก็ลอยออกมาด้านนอกโดยที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ภายในเสี้ยววินาทีทั้งสวนก็เต็มไปด้วยพลังปราณกระบี่และบรรยากาศก็กดดันอย่างถึงขีดสุด ความรู้สึกที่แหลมคมซึ่งแตกต่างจากความอ่อนโยนของสายลม ในความเป็นจริงนั้นมันก็ดูเหมือนมีกระบี่หลาย ๆ เล่มกรีดผ่านความรู้สึก
ในเวลานั้นปราณกระบี่ก็ลอยออกมาจากร่างเจี้ยนเฉิน ดอกไม้ที่อยู่ในสวนต่างก็สั่นไหวราวกับกำลังร่ายรำไปทั่วทั้งสวน กลีบใบได้ปลิวลอยไปตามลมและคงเหลือไว้เพียงแค่ก้านของมัน
ทันใดนั้นศาลาหินก็ส่งเสียงดังกังวาลราวกับมีพายุเข้ามา ไม่นานด้านนอกศาลาก็ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไปเนื่องจากฝุ่นดินได้ลอยบดบังสายตาผู้คน
อะไร…พลังนี้คืออะไร? รีบเรียกกลับไป เร็วเข้า ! ทูตทั้งสองไม่อาจแสดงความสงบบนใบหน้าพวกเขาได้อีกแล้วและเหาะหนีไปด้านหลังจากขอบเขตปราณกระบี่
แม้กระทั่งปฏิกิรยาของหยุนหลีก็ยังไม่ช้าเกินไปและเขาก็กระโดดถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและตกใจ
ขณะที่ทูตทั้งสองถอยหลัง พลังกระบี่สีม่วง-ฟ้าก็จางหายออกไปจากสายตาและกลับเข้ามาในร่างของเจี้ยนเฉิน หลังจากที่มันหายไปออร่าที่ห่อหุ้มตัวของปราณกระบี่ก็เบาบางลงเช่นกันและเหลือไว้เพียงแค่ร่องรอยต่าง ๆ ในบริเวณสวน
ทูตทั้งสองและหยุนหลีถอยห่างออกไปหลายร้อยเมตรด้วยความตกใจ ขณะที่เขามองมาที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินในตอนนี้อยู่ในสภาพที่แย่อย่างมาก พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขามีรอยปริแตกกระจายออกไปทั่วบริเวณ แม้ว่าพวกเขาจะถอยออกไปอย่างรวดเร็วแต่มันก็ไม่เร็วพอและเส้นผมบางส่วนของพวกเขาก็ถูกตัดเป็นส่วน ๆ และลอยไปตามสายลม แม้กระทั่งใบหน้าของพวกเขาก็มีแผลและมีเลือดไหลออกมาบาง ๆ
มะ…มีพลังที่น่ากลัวประเภทนี้ได้อย่างไร ? ! ทูตซึ่งใบหน้าที่อ่อนโยนพูดออกมาและมีสีหน้าตกใจ
ในเสี้ยววินาทีนั้นทูตทั้งสองได้ใช้พลังเซียนเพื่อปกป้องตัวเอง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็น่าตกใจอย่างมา พลังที่ลึกลับอันนี้ไม่สนใจการป้องกันของเขาและทำร้ายพวกเขาทั้งตู่ ที่น่าตกใจกว่านั้นคือพวกเขารู้สึกเหมือนมีมีดเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนทะลวงผ่านเข้ามาในร่างของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นต้นขา, เอว, มือ, แขน, ใบหน้า, หน้าผากและหน้าอกของพวกเขาต่างก็ถูกทิ่มแทงไปตามแนวเดียวกันและเกือบจะกลายเป็นก้อนเลือดเข้าแล้ว