เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2373: ผู้พิทักษ์กระบี่
ตอนที่ 2373: ผู้พิทักษ์กระบี่
เมื่อเขาเห็นว่าตงหลินฉินชุยที่เป็นหนึ่งในผู้นำยอดเขายืนอยู่โดยไม่เถียงกับเขา กงซุนอี้ก็ยิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้น มันถึงขั้นกลายเป็นดูถูกดูแคลนพวกเขาไป
หลังจากนั้นกงซุนอี้มองไปที่ประตูโลกจิ๋วและมองเหยียดไปยังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ต้องการเข้าสู่โลกจิ๋วแต่ก็ไม่กล้าเข้า เขาพูดอย่างเยือกเย็น “ข้าต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจี้ยนเฉิน พร้อมกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขาในโลกภายนอก ข้าจะอนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามาโลกจิ๋วด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุดแก่ข้า หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าเป็นพิเศษในอนาคต”
คำพูดของกงซุนอี้ทำให้เกิดความสงบในหมู่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงด้านนอก หลายคนเริ่มสนใจและไม่นานก็เหลือเพียงไม่กี่คน พวกเขามุ่งหน้าไปเพื่อรวบรวมข้อมูลให้กับกงซุนอี้
ตัวตนของกงซุนอี้ตอนนี้แตกต่างกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงอย่างมาก หลายคนที่เป็นถึงราชาเทพธาตุแสงก็ต้องการสานสัมพันธ์กับเขาในอนาคต ทำให้คนจำนวนมากยินดีที่จะทำตามที่เขาต้องการ
ภูเขาเก้ากระบี่ตั้งอยู่เงียบ ๆ ในพื้นที่ลับภายในหอคอยธาตุแสง
ใครจะรู้ว่าภูเขาได้มาอยู่ที่นี่นานกี่ปี พวกมันทำให้สัมผัสได้ถึงความโบราณ
กระบี่หิมะขาววางอยู่บนระหว่างยอดเขา
มีกระบี่ทั้งหมดเก้าเล่ม พวกมันส่องแสงแพรวพราวเหมือนกับดวงอาทิตย์เล็ก ๆ บนยอดภูเขา
พื้นที่รอบ ๆ กระบี่นั้นบิดเบี้ยวซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากพลังที่ยิ่งใหญ่ พลังที่มาจากกระบี่ทั้งเก้า
พลังทำลายล้างที่ถูกผนึกด้วยกระบี่ทั้งเก้านี้ทรงพลังอย่างมาก
จิตวิญญาณวัตถุปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในภูเขาเก้ากระบี่ เป็นชายวัยกลางคนที่จ้องมองกระบี่ที่อยู่บนภูเขาและกล่าวว่า “เจ้านายของหอคอยธาตุแสงมีผู้ติดตามที่ทรงพลัง 9 คนที่ต่อสู้ร่วมกับเขาในสงคราม เมื่อเจ้านายของหอคอยธาตุแสงตาย ผู้ติดตามทั้งเก้าของเขาก็เลือกที่จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อด้วยเช่นกัน พวกเขาใช้ทักษะลับของพวกเขาเพื่อรวบรวมแก่นแท้ของพวกเขาและกลั่นร่างกายกับพลังของเขากลายเป็นกระบี่ทั้งเก้า พวกเขาทิ้งกระบี่นี้เอาไว้กับจิตวิญญาณวัตถุของหอคอยธาตุแสงเพื่อรอคอยเจ้านายของพวกเขา ในการรับใช้เจ้านายหอคอยธาตุแสงในการต่อสู้”
“ตราบใดที่มีคนครอบครองหนึ่งในเก้ากระบี่นี้ พวกเขาจะได้พลังของผู้พิทักษ์หนึ่งในเก้าคนนั้น พวกเขาจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงได้ในทันที….”
“ข้ารู้มาจากความทรงจำของจิตวิญญาณวัตถุว่าผู้พิทักษ์ทั้งเก้าได้เปลี่ยนร่างตนเองให้เป็นกระบี่ทั้งเก้า หลังจากที่เจ้านายของหอคอยธาตุแสงเสียชีวิต หลังจากนั้นกระบี่ก็ถูกเก็บไว้ที่นี่โดยจิตวิญญาณวัตถุ ผลที่ตามมาก็คือ กระบี่ทั้งเก้าก็ถูกจิตวิญญาณวัตถุควบคุม….”
จิตวิญญาณวัตถุมองไปที่กระบี่ทั้งเก้าและขมวดคิ้วแน่น “แม้ว่าข้าจะได้รู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของกระบี่ทั้งเก้านี้ แต่ข้าก็ไม่รู้วิธีคัดสรร ดูเหมือนว่าข้าต้องหลอมรวมความทรงจำของจิตวิญญาณวัตถุให้มากขึ้นเพื่อหารายละเอียด”
“แต่สำนึกของจิตวิญญาณวัตถุจะมีอิทธิพลต่อข้ามากหากข้าทำเช่นนั้น ข้าอาจจะกลายเป็นคนสองบุคลิกและมันอาจหยุดข้า….”
จิตวิญญาณวัตถุลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจความเสี่ยงขนาดใหญ่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับความทรงจำหากต้องการรับมันเพิ่มจากจิตวิญญาณวัตถุของหอคอยธาตุแสง
อย่างไรก็ตาม ไม่นานจิตวิญญาณวัตถุก็เกิดความคิดขึ้น “นายท่านได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ข้าได้กลายเป็นจิตวิญญาณวัตถุของหอคอยธาตุแสง แต่เขาเผชิญกับอันตรายจากด้านนอกมากมายและข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้….”
“เมื่อจัดสรรเก้ากระบี่นี้ได้ พวกเขาจะสามารถช่วยเหลือนายท่านได้ ข้าไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวกับนายท่านของข้า….”
ทันใดนั้นจิตวิญญาณวัตถุก็หายวับไป
…
“เจ้าพูดอะไร ? เชื้อสายนักรบวิญญาณเป็นตระกูลราชวงศ์ในหมู่พวกเราเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ? ” ซวนจ้านยืนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ เขาจ้องไปที่หยู่เฉินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ
หยู่เฉินพยักหน้า ดูเหมือนเขาจะงุนงงเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่ข้าได้รู้จากจิตวิญญาณวัตถุ”
ซวนจ้านจ้องไปที่หยู่เฉินอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าหยู่เฉินไม่ได้ล้อเขาเล่น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณที่เราไม่เคยเห็นว่าพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้…แท้จริง แท้จริงแล้ว…..เฮ้อ….เจ้าวางแผนที่จะทำอะไรต่อไป เจ้าวางแผนที่จะประกาศสิ่งนี้หรือซ่อนมันไว้ ? ”
หยู่เฉินส่ายหัวและพูดอย่างจริงจัง “เจ้าและข้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ในตอนนี้ ในตอนนี้อย่าบอกใคร แม้ว่าข้าจะไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณเป็นตระกูลราชวงศ์ ท้ายที่สุดความบางหมางระหว่างโถงเซียนธาตุแสงและเชื้อสายนักรบวิญญาณนั้นมาถึงจุดที่ไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว หากเราประกาศข่าวนี้ออกไป มันอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
ซวนจ้านพูดอย่างอ่อนแรง “ข่าวนี้น่าตกใจมาก แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องที่คนจำนวนมากจะรู้” ซวนจ้านจ้องไปที่หยู๋เฉินและเปลี่ยนหัวเรื่อง “เจ้าวางแผนที่จะทำอะไรเกี่ยวกับวิถีการบ่มเพาะที่อยู่กับเจี้ยนเฉิน ? ”
หยู่เฉินยืนขึ้นมาพร้อมกับเอามือไพร่หลังขณะจ้องมองไปยังทะเลเมฆที่ไร้สิ้นสุดด้านนอก “ตั้งแต่ที่กงซุนอี้ได้รู้ว่าเลือดของจอมปราชญ์สูงสุดได้ไหลเวียนอยู่ในกายของเขา ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เขาใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าข้าและเขาต้องการวิธีการบ่มเพาะของจอมปราชญ์สูงสุดอย่างมาก ถ้าเจี้ยนเฉินยังมีชีวิตอยู่ สามปีหลังจากนี้จะเกิดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง”
“หนึ่งในนั้นคือเชื้อสายนักรบวิญญาณ ตระกูลราชวงศ์ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ในขณะที่อีกคนหนึ่งมีสายเลือดของผู้นำหอคอยธาตุแสง ทำให้มีโอกาสมากที่เขาจะได้เป็นนายท่านทั้งสองคน การต่อสู้ของพวกเขาน่าสนใจมาก…”
ในเวลาเดียวกันบ้านพักของผู้อาวุโสอีกคนในโถงศักดิ์สิทธิ์ ไป๋หยูที่สวมชุดสีขาวคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่ร่างกายของนางสั่นเบา ๆ หัวของนางหมอบกราบและมีน้ำตาไหลออกจากดวงตาของนางตลอดเวลา นางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเสียใจ
หญิงกลางคนชุดขาวนั้งอยู่ด้านหน้าของนางและเต็มไปด้วยอารมณ์
หญิงกลางคนนั้นเป็นผู้อาวุโสของโถงเซียนธาตุแสง มู่ชุ่ย
“อาจารย์…” ไป๋หยูคุกเข่าต่อหน้ามู่ชุ่ย
“ไป๋หยู เจ้ากลับไปเถอะ กลับไปที่ยอดเขาทะยานเมฆของเจ้า ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าไม่ได้เป็นศิษย์ของข้าอีกต่อไป” สายตาของนางที่มีต่อไป๋หยูนั้นเต็มไปด้วยความเสียดาย นางพูดต่อว่า “อย่าโทษข้าว่าโหดร้าย ต้องโทษพี่รองของยอดเขาทะยานเมฆของเจ้า พี่รองของเจ้านั้นคือเจี้ยนเฉินที่เป็นเชื้อสายนักรบวิญญาณปลอมตัวมา เจ้าสนิทกับเขามาก ดังนั้นแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ถึงตัวตนของเขา ข้าก็ยังไม่อาจยอมรับเจ้าในฐานะศิษย์ของข้าได้”
“จากวันนี้ เราตัดขาดกัน เราไม่รู้จักกันและกัน” มู่ชุ่ยพูดอย่างเย็นชา
หัวใจของไป๋หยูสั่นสะท้านเมื่อนางได้ยินคำพูดที่ไร้หัวใจของมู่ชุ่ย นางไม่พูดอะไรเลย หลังจากนั้นก็โขกศีรษะลง 9 ครั้งไปทางมู่ชุ่ย นางเช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืนก่อนที่จะออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิญญาณที่เลื่อนลอย
“อาจารย์ ไป๋หยูไม่รู้อะไรเลย นางไร้เดียงสา ทำไมท่านถึงใจร้ายนัก ? ” ตงหลินหยานเซว่เดินเข้ามาและมองมู่ชุ่ยอย่างจริงจัง
ความรู้สึกของมู่ชุ่ยนั้นดูหลากหลายมากเมื่อนางมองมาทางตงหลินหยานเซว่ มีความผิดหวังที่ไม่อาจเปิดเผยได้ นางถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “หยานเซว่ เจ้าฉลาดมากที่เจ้าทำอย่างนี้ แล้วทำไมเจ้าไม่แกล้งโง่งมต่อไปล่ะ ? เจ้ารู้ดีว่าเชื้อสายนักรบวิญญาณเป็นศัตรูกับเรา แต่เจ้ายังช่วยเจี้ยนเฉินหลบหนี ซึ่งถือเป็นความผิดใหญ่หลวง”
“ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร อาจารย์ ท่านวางแผนจะทำตัดสัมพันธ์กับข้าเหมือนกับน่องไป๋หยูหรือไม่ ? ” ตงหลินหยานเซว่พูดอย่างไม่เสียใจแม้แต่น้อย
มู่ชุ่ยทำตัวกับตงหลินหยานเซว่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับไป๋หยู นางถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า”หยานเซว่ สิ่งที่เจ้าควรคิดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างตัดสัมพันธ์ของเรา แต่เป็นการลงโทษแทน เจ้ารู้ไหมว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเจ้ารุนแรงกว่าไป๋หยูอย่างมาก”
“ข้าจะสละตำแหน่งเซียนที่ถูกเลือก ข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลตงหลิน ตระกูลตงหลินของเราอาจจะไม่ดีเท่าโถงเซียนธาตุแสง แต่เราก็ยังคงเป็นองค์กรระดับสูงที่ครองทั้งภูมิภาค ข้าไม่เชื่อว่าโถงาเซียนธาตุแสงจะกล้าประหารข้า” ตงหลินหยานเซว่พูดอย่างไม่กลัว