เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2374: การจากไปของจ้าวเฟิง
ตอนที่ 2374: การจากไปของจ้าวเฟิง
เมื่อมู่ชุ่ยเห็นว่าตงหลินหยานเซว่ไม่แม้แต่จะสนใจตำแหน่งเซียนที่ถูกเลือกเพราะเห็นแก่เจี้ยนเฉิน นางเข้าใจอย่างมากว่าศิษย์ที่ภาคภูมิใจที่สุดของนางมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเจี้ยนเฉิน สิ่งนี้ทำให้นางหมดหดทาง นางทำได้แค่ลอบถอนใจอยู่ภายใน
“อาจารย์ ข้าจะขอถอนตัว…”
ตงหลินหยานเซว่ก้มคำนับและออกไป
บนยอดเขาทะยานเมฆ หานซินนั่งอยู่ในกระท่อมไม้เล็ก ๆ บนยอดเขา เขาถือผลึกขนาดเท่าหัวแม่มือไว้
ผลึกชิ้นนี้ถูกเรียกว่าผลึกความทรงจำ มันสามารถบันทึกภาพและเสียงได้
มือของหานซินสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ขณะที่เขามองไปที่ผลึกในมือของเขา แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ซีดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
ผลึกนี้มาจากตระกูลของเขา มันบันทึกข้อความจากผู้นำตระกูลหาน คำพูดของเขาทำให้ตัวตนและชะตากรรมของหานซินเปลี่ยนไป
มีความเคร้าโศกที่ไม่อาจเปิดเผยในดวงตาของหานซิน ขณะที่เขาจ้องไปที่ผลึกในมือของเขา ดวงตาของเขาแดงก่ำ
เขาไม่อยากจะยอมรับข้อความของผลึก เขาต้องการส่งสัมผัสวิญญาณของเขาเข้าใจผลึกอีกครั้งเพื่อตรวจสอบข้อความจากผู้นำตระกูลหานอีกครั้ง
อย่างไรเขาก็ไม่กล้าทำมัน
“ตระกูลหานทอดทิ้งข้า ชื่อของข้าถูกลบออกจากจากผังตระกูล ตั้งแต่วันนี้ไปข้าอาจจะยังแซ่หาน แต่ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหานอีกต่อไป…..” หานซินพูดพึมพำ เสียงหนัก ๆ ของเขาแหบมาก
“ทั้งหมดเพราะเจียงหยาง ศิษย์ของข้า เพราะเจียงหยางคือเจี้ยนเฉินที่เป็นเชื้อสายนักรบวิญญาณที่ปลอมตัวเข้ามา ตระกูลของข้าจึงไล่ข้าออกไป….” หานซินลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เขายืนอยู่ด้านนอกกระท่อมและจ้องไปยังทะเลเมฆเหนือภูเขา เขาดูโดดเดี่ยวมาก
ที่เชิงเขา ไป๋หยูในชุดขาว นางเดินขึ้นบันไดที่ทั้งสูงชันและยาวด้วยจิตวิญญาณที่ตกต่ำเช่นกัน นางเดินขึ้นยอดเขาทะยานเมฆทีละก้าว ๆ
ดวงตาของนางแดง, ไร้ประกาย, และไม่มีชีวิตชีวา ดูเหมือนนางจะสูญเสียวิญญาณไปแล้ว นางไม่ได้เลือกที่จะบินด้วยพลังเซียนธาตุแสง แต่นางเดินเท้าเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่เดินขึ้นราวกับเครื่องจักร
พี่รองที่นางชื่นชอบมากที่สุดคือเชื้อสายนักรบวิญญาณและได้กลายเป็นศัตรูของทุกคนในโถงเซียนธาตุแสง แม้แต่อาจารย์ของนาง มู่ชุ่ย ที่มอบเกียรติและสถานะให้นาง นางก็ยังต้องขับไล่ศิษย์ของนาง เรื่องทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อไป๋หยูอย่างมาก ทำร้ายจิตใจที่อ่อนโยนของนางเป็นอย่างมาก
แม้ว่านางจะบ่มเพาะมาเป็นระยะเวลานานแล้ว แต่สภาพแวดล้อมที่นางเติบโตนั้นทำให้นางยังคงรักษาจิตใจของเด็กสาวไว้ได้ ทำให้จิตใจของนางบอบบางมาก
หลังจากผ่านไปนาน ท้ายที่สุดไป๋หยูก็เดินมาถึงขั้นสุดท้ายของบันได ตอนนี้รองเท้าของนางเต็มไปด้วยโคลน
หานซินดูเหมือนจะรออยู่ขั้นบันไดบนสุดเป็นเวลานานมากแล้ว เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ และจ้องไปที่ไป๋หยูในชุดคลุมสีขาวที่เปรอะเปื้อน
“อาจารย์ข้าถูกขับออกจากการเป็นศิษย์” ไป๋หยูกลั้นน้ำตาขณะที่มองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของหานซิน
“ข้ารู้แล้ว เจ้าอาจไม่ใช่ศิษย์ของผู้อาวุโสอีกต่อไป แต่เจ้าก็ยังเป็นศิษย์ของยอดเขาทะยานเมฆของข้า” หานซินกล่าว
ในตอนนี้เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาไม่กี่คนมาอยู่รอบ ๆ ยอดเขาทะยานเมฆ คนที่นำพวกเขาบังเอิญมีแกนวิญญาณหกสี
แกนวิญญาณหกสีนั้นเทียบเท่ากับขั้นเหนือเทพของนักสู้
“ข้าเป็นศิษย์ของยอดเขาวารีสีคราม เก่อฮั่น ศิษย์จ้าวเฟิงอยู่หรือไม่ ? ” เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาที่เป็นผู้นำกล่าวเสียงดังโดยไม่สนใจตัวตนของหานซิน เสียงของเขาดังไปทั่วยอดเขาทะยานเมฆ
จ้าวเฟิงบินมาจากระยะไกลจากยอดเขาทะยานเมฆ
“เจ้าคือจ้าวเฟิง ? ข้ามาภายใต้คำสั่งอาจารย์ของข้า ยอดเขาทะยานเมฆไม่เหมาะกับเจ้าอีกต่อไป เจ้าเต็มใจจะออกจากยอดเขาทะยานเมฆและเป็นศิษย์ของยอดเขาวารีสีครามหรือไม่ ? ” เซียนผู้เชี่ยวชาญศรัทธาถาม
จ้าวเฟิงเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น เนื่องจากเจี้ยนเฉิน ยอดเขาทะยานเมฆได้เป็นชื่อเสียงไม่ดีอย่างมากภายในโถงเซียนธาตุแสง ในตอนนี้จ้าวเฟิงต้องการจะแยกตัวออกจากยอดเขาทะยานเมฆ ดังนั้นตอนนี้ผู้นำจากยอดเขาอื่นต้องการเชื้อเชิญเขา เขาจึงถูกล่อลวงเลยทันที
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกกังวลและมองไปยังหานซิน
หานซินยืนมือไพล่หลังอยู่ข้าง ๆ เขาพูดอย่างไร้อารมณ์ “จ้าวเฟิง ถ้าเจ้าต้องการไปก็ไปเถิด”
“ขอบคุณที่อนุญาต อาจารย์ ! ” จ้าวเฟิงป้องมือของเขาและออกจากยอดเขาทะยานเมฆอย่างไม่ลังเล
ไม่นานกลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหญิงก็เดินทางมาแต่ไกล คนที่นำมาด้านหน้าคือหญิงสาววัยสามสิบ นางมีแกนวิญญาณหกสีและนางก็พูดเบา ๆ ว่า “มีศิษย์ไป๋หยูอยู่หรือเปล่า ? ข้าได้รับคำสั่งจากผู้นำยอดเขาหมื่นดอกไม้เพื่อมาเชิญนางเข้าร่วมกับเรา”
หานซินถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นผู้คนจากยอดเขาหมื่นดอกไม้มา ดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากกว่าเดิม สถานการณ์ของยอดเขาทะยานเมฆนั้นตอนนี้สิ้นหวังแล้ว แม้แต่ศิษย์ทั้งสองก็ถูกแย่งไป
หานซินโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรงและพูดว่า “เฮ้อ เจ้าควรไปนะ ไปหาอนาคต ยอดเขาทะยานเมฆไม่เหมาะที่เจ้าจะอยู่…..”
ด้วยเหตุนี้ หานซินจึงหันหลังกลับและจากไป เขาดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย
“ไม่ ข้าจะไม่ออกจากยอดเขาทะยานเมฆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับยอดเขาทะยานเมฆ ข้า ไป๋หยูก็จะยังคงเป็นศิษย์ยอดเขาทะยานเมฆเสมอ….”
…
ในพริบตามันก็เป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินมาถึงภูเขาเทพกระบี่ เขาใช้เวลาตลอดเวลาในการทำความเข้าใจกฏกัดกร่อน แต่หากไม่มีหยกชะตา การเข้าใจของเขาก็ช้าลงอย่างมาก เขาทะลวงมันถึงเหนือเทพช่วงกลางหลังจากที่ใช้เวลาไปทั้งปี
“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจกฎกัดกร่อนให้เป็นราชาเทพได้ในอีก 2 ปีที่เหลือเท่านั้น ข้าคงต้องพึ่งพาไคยะสำหรับกฏแห่งการสร้างสรรค์และไฟ”เจี้ยนเฉินคิด แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะด้วยการดูดซับแกนสีทองของกฏและไม่พบปัญหาคอขวดใด ๆ เลย แต่เขาก็มีเวลาไม่เพียงพอ
“และหัวหน้าของโถงเซียนธาตุแสงไม่ได้กลับมาอีกเลยหลังจากนั้น ข้าสงสัยว่าเขาทำให้ตงหลินหยานเซว่และยอดเขาทะยานเมฆลำบาก น่าเสียดายที่ข้าไม่มีความสามารถที่จะช่วยพวกเขาได้” เจี้ยนเฉินถอนหายใจอย่างลับ ๆ เขานั่งอยู่ในที่พักของเขาและจ้องมองไปยังโถงเซียนธาตุแสงสักพักก่อนที่จะไปหันไปหาเซียนกระบี่สวรรค์
เซียนกระบี่สวรรค์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินเห็นเขาครั้งแรก เขายังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยหันหลังให้เจี้ยนเฉินเหมือนกับนักบวช เขายังไม่เคลื่อนไหวเลย
“ข้ารู้ว่าทำไมเจ้าถึงมา เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับคนที่เจ้ามีความสัมพันธ์ด้วยในโถงเซียนธาตุแสง” ราวกับว่าเขารู้ทุกอย่าง เซียนกระบี่สวรรค์ตอบคำถามของเจี้ยนเฉินก่อนที่เขาจะถามด้วยซ้ำ
เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของเซียนกระบี่สวรรค์ เขารับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ราบรกร้างทั้งหมด แม้ว่าเขาจะยังอยู่ที่นี่ก็ตาม เขาโค้งคำนับเซียนกระบี่สวรรค์และถามว่า “ผู้อาวุโส ข้าขอถามเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงหลินหยานเซว่ได้หรือไม่ ? ”
“เด็กสาวที่เจ้าพูดถึงนั้นถูกตงหลินเค่อพาไป ก่อนที่จะลงโทษ ตงหลินเค่อเป็นบรรพชนคนปัจจุบันของตระกูลตงหลิน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับนาง”
ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็โล่งใจและเลิกกังวล