เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god) - ตอนที่ 2413 : การสุกของผลวิถี
ตอนที่ 2413 : การสุกของผลวิถี
ไม่นานเฮยหยาก็หยุดใช้ทักษะของตัวเอง เขาลืมตาขึ้นมาช้า ๆ และมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความลังเล ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายท่าน ข้ารับรู้ตำแห่งของท่านได้คร่าว ๆ มันมีบางอย่างผิดปกติ ทักษะของข้าเหมือนจะได้รับผลจากพลังลึกลับซึ่งทำให้ทุกอย่างดูพร่ามัว มันไม่ง่ายที่จะหาตำแหน่งได้”
“บางทีการรับรู้ของข้าอาจจะพร่ามัวเพราะความแข็งแกร่งของท่านที่เพิ่มมากขึ้น ทักษะของข้าไม่ใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน เมื่อข้าพบคนที่แข็งแกร่งกว่าข้ามาก ๆ ทักษะนี้ก็จะไร้ค่า”
“เฮยหยา เจ้ารู้วิธีในการหลีกเลี่ยงการตรวจจับของทักษะเจ้ารึไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามขึ้นมา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าผู้เชี่ยวชาญที่ไล่ตามเขามานั้นมีความสามารถคล้ายคลึงกับเฮยหยา
การรับรู้ของเฮยหยาพร่ามัวเพราะความแข็งแกร่งที่ต่างกัน คนที่ไล่ตามเขามานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง การรับรู้ตำแหน่งของเขาจึงง่ายดายเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปากด้วยระดับการบ่มเพาะที่สูงส่งที่มี
เฮยหยาขมวดคิ้วและคิดอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่รู้
เจี้ยนเฉินแสดงสายตาผิดหวังออกมา เขาให้เฮยหยากลับไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเฮยหยาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตตั้งต้นแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้
“เจี้ยนเฉิน ผู้เชี่ยวชาญลึกลับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเราเข้าไปในการรับรู้วิญญาณของเขาแล้ว เขาจะระบุตำแหน่งของเราได้อย่างแม่นยำ เราจะถูกตามทันในเสี้ยววินาที” ไคยะพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
ตอนนี้พวกเขาอยู่นอกระยะการรับรู้วิญญาณของอีกฝ่าย ดังนั้นผู้อาวุโสภูผามหานทีจึงไม่อาจจะหาตำแหน่งพวกเขาได้อย่างแม่นยำ เขาได้แต่ใช้ทักษะติดตัวของตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อหาตำแหน่งของพวกเขา แต่หากใกล้เข้ามากว่านี้แล้ว การรับรู้ของผู้อาวุโสภูผามหานทีจะล็อคเป้ามาที่พวกเขาได้ ผู้อาวุโสภูผามหานทีใช้เวลาแค่เพียงชั่วครู่ก็หยุดพวกเขาได้แล้ว
“เราได้แต่ออกจากที่นี่ไปก่อนและเข้าไปในรอยแตกมิติ” เจี้ยนเฉินตัดสินใจและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นเขาก็ออกจากยานอวกาศและปรากฏตัวที่อวกาศรอบนอก เขาสะบัดกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์เปิดมิติออกยาวหลายเมตร
“ไปกันเถอะ ! ” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น เขาได้เก็บกระบี่นวดาราวิถีสวรรค์และเข้าไปในรอยแตกมิติพร้อมกับเฮยหยา
รอยแตกมิตินี้เต็มไปด้วยพลังงานอันน่ากลัวซึ่งทำให้ที่นั่นอันตรายอย่างมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตบรรพกาลก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตายที่ถึงกับชีวิตที่นี่
เจี้ยนเฉินระวังตัวทันทีที่เข้ามาในรอยแตกมิติ แม้ว่าร่างบรรพกาลจะขึ้นไปถึงขั้น 14 และมีพลังที่ทัดเทียมกับผู้เชี่ยวชาญขั้นอสงไขยชั้นสวรรค์ที่ 6 ได้แล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทที่นี่เลยแม้แต่น้อย
“ข้าหวังว่าจะสลัดเขาหลุดจากที่นี่ได้” เจี้ยนเฉินคิด จากนั้นเขาก็เอาหอคอยอนัตตาออกมาและเข้าไปด้านในพร้อมกับไคยะ เขาเดินทางไปผ่านรอยแตกมิติให้เร็วที่สุดโดยพึ่งความแข็งแกร่งของหอคอยอนัตตา
บางทีเพราะการเป็นวัตถุเทพขั้นสูงสุดจึงทำให้หอคอยอนัตตาเดินทางในรอยแตกมิติที่อันตรายนี้ได้อย่างไม่เกรงกลัว
ไม่นานหลังจากที่เจี้ยนเฉินและไคยะเข้าไปในรอยแตกมิติแล้ว ผู้อาวุโสภูผามหานทีก็ได้ปรากฏตัวในจุดที่ทั้งสองคนอยู่ก่อนหน้านี้
เขาหลับตาลงและตรวจสอบตำแหน่งอยู่สักพักก่อนจะแปลกใจขึ้นมา เขาพึมพำออกมา “พวกนั้นหายตัวไปแล้ว ข้าไม่อาจจะรับรู้ตำแหน่งพวกนั้นได้อีก ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรับรู้ถึงข้าได้ ซึ่งทำให้พวกนั้นเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง พวกนั้นหาข้าพบได้ยังไง ? ”
ผู้อาวุโสภูผามหานทีเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “แต่มันไม่สำคัญ พวกนั้นไม่อาจจะหนีจากข้าได้อย่างแน่นอน” เมื่อพูดจบสายตาของเขากลับดูมืดขึ้นมา กฎและวิถีในสายตาเขาเปลี่ยนไปดูลึกลับยิ่งกว่าเดิม
สายตาเขาเหมือนจะมองทะลุเวลาได้ ทำให้เขามองดูอดีตและอนาคตรวมถึงได้เห็นความลึกลับของโลก มันเหมือนกับความลับมากมายของโลกนี้แสดงอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน
ผู้อาวุโสภูผามหานทีนั้นเป็นขั้นอัครสูงสุด เขาเข้าใจกฎในระดับที่ลึกซึ้งอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใกล้ระดับจอมปราชญ์สูงสุดซึ่งจะกลายเป็นวิถีสวรรค์ แต่เขาก็ยังถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก เขารู้ทักษะที่น่าเหลือเชื่อและโดดเด่นมากมาย
ไม่นานสายตาของเขาก็กลับเป็นปกติราวกับว่าเขาพบว่าเจี้ยนเฉินและไคยะจากไปที่ไหน เขาฮึดฮัดออกมาและฉีกมิติออกก่อนจะเข้าไปในรอยแยกกมิตินั้นทันที
ผู้อาวุโสภูผามหานทียังรับรู้ถึงตำแหน่งของเจี้ยนเฉินภายในรอยแตกมิติได้ แต่กฎนั้นปั่นป่วนและสภาพแวดล้อมวุ่นวายเกินซึ่งส่งผลต่อทักษะของเขาอย่างมาก ผลก็คือเขาต้องใช้เวลามากกว่าเดิมกว่าที่จะใช้ทักษะของตัวเองได้
ด้านหน้า เจี้ยนเฉินและไคยะยังคงเดินหน้าต่อด้วยหอคอยอนัตตาและคอยเปลี่ยนทางอย่างต่อเนื่อง
“คน ๆ นี้ไม่ได้เร็วเท่ากับราชาเผิงสีฟ้า หวังว่าเราจะสลัดเขาหลุดได้ที่นี่” เจี้ยนเฉินคิด แต่ไม่นานเขาก็รับรู้ได้ถึงอันตรายอีกครั้ง
มันทำให้เขาใจหายวูบ พวกเขากลับถูกไล่ตามอีกครั้ง
เขาได้ควบคุมหอคอยอนัตตามุ่งหน้าไปยังที่ที่อันตรายที่สุด เขามุ่งหน้าไปยังวังวนมิติทันที
เขาจำได้ว่านี่คือวิธีที่เขาสลัดราชาเผิงสีฟ้าได้สำเร็จ
ทันใดนั้นหอคอยอนัตตาก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองพุ่งผ่านวังวนมิติไป
มันเป็นความคิดที่ดี แต่ผู้อาวุโสภูผามหานทีนั้นไม่ใช่ราชาเผิงสีฟ้า ตอนที่เขาไล่ตามและพบกับวังวนมิติ เขาก็หลีกมันได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ได้พุ่งผ่านมันเหมือนกับราชาเผิงสีฟ้า
หากเขาต้องการจะหลบ วังวนมิตินี้ก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้เลยด้วยระดับการบ่มเพาะที่อยู่ขั้นอัครสูงสุด แม้ว่าเขาจะหลบมันไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเลือกที่จะเดินทางอ้อมมันได้
แม้ว่าเขาจะต้องหลบมัน แต่มันก็ใช้เวลาไม่มากนัก อย่างมากเขาก็แค่ตามเจี้ยนเฉินทันช้ากว่าเดิม
ผู้อาวุโสภูผามหานทีระวังตัวยิ่งกว่าราชาเผิงสีฟ้า
ผลก็คือ ความคิดของเจี้ยนเฉินใช้ไม่ได้ผล ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปการที่เขาถูกตามทันคงขึ้นอยู่กับเวลา
ในเวลาเดียวกันก็มีคน ๆ หนึ่งนั่งอยู่ในวังอันสง่าซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางที่ราบรุ่งโรจน์
แสงจากวิถีอาบไปทั่วทั้งตัวเขาซึ่งทำให้ร่างของเขาดูพร่ามัว
มันราวกับว่าเขาคือผู้ปกครองของโลก !
มันราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้าของโลกนี้ !
ตอนนั้นเขาลืมตาขึ้นมาช้า ๆ สายตาเขาดูเย็นชาไร้อารมณ์และมองไปด้านหน้า
ตรงหน้าเขานั้นจู่ ๆ มิติก็บิดเบี้ยวก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระจก ภายในกระจกนั้นมีฉากของเจี้ยนเฉินและผู้อาวุโสภูผามหานทีซึ่งเดินทางอยู่ในรอยแยกมิติปรากฏขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นการที่หอคอยอนัตตาเปลี่ยนทิศทางอย่างต่อเนื่องรึการไล่ล่าของผู้อาวุโสภูผามหานทีต่างก็ปรากฏอยู่ในกระจกนั้นอย่างชัดเจน
สายตาเย็นชามองไปที่หอคอยอนัตตา สายตาเหมือนจะมองทะลุหอคอยอนัตตาและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้
“ผลแห่งวิถีกำลังสุก...” เขาพึมพำออกมา เสียงของเขาเหมือนกับมีเสียงทุกเสียงในโลกแฝงอยู่ซึ่งทำให้ไม่อาจจะแบ่งแยกเพศของเขาได้
หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงช้า ๆ พร้อมกับฉากที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าได้หายไปในทันที